แทนคิดสักนิด…สะกิดใจ
สันตะสำนักออกหนังสือคู่มือการสอนคำสอน
พร้อมกับคำแนะนำใหม่ในการสอนคำสอน
สมณสภาเพื่อการประกาศพระวรสารใหม่ได้ออกคู่มือการสอนคำสอนโดยให้คำแนะนำสำหรับพันธกิจของพระศาสนจักรในการประกาศพระวรสารโดยการสอนคำสอนและการประกาศข่าวดี
คู่มือใหม่อันทันสมัยเพื่อการสอนคำสอนที่พวกเรารอคอยกันมาเป็นเวลานานได้มีการประกาศออกมาแล้วจากวาติกันเมื่อวันพฤหัสบดีที่25 มิถุนายนค.ศ. 2020 คู่มือใหม่ฉบับนี้ได้มีการร่างเนื้อหาภายใต้การควบคุมดูแลของสมณสภาเพื่อการประกาศพระวรสารใหม่และได้รับการอนุมัติจากสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสในวันที่23 มีนาคมที่ผ่านมาซึ่งเป็นวันรำลึกถึงนักบุญตูริบิอุส(Saint Turibius of Mongrovejo) ในคริสตศตวรรษที่16 ซึ่งเป็นผู้ให้การสนับสนุนการประกาศพระวรสารและการสอนคำสอนที่เข้มแข็งการแก้ไขคู่มือฉบับล่าสุดนี้เกิดจากการติดตาม”คู่มือการสอนคำสอนทั่วไป” ของปีค.ศ. 1971 และปีค.ศ. 1997 ซึ่งคู่มือทิ้งสองฉบับออกโดยสมณกระทรวงเพื่อสมณะ(พระสงฆ์)
คู่มือการสอนคำสอนฉบับใหม่พยายามเน้นถึงการเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิดระหว่างการประกาศพระวรสารและการสอนคำสอนซึ่งมีการเน้นว่าทุกคนที่ได้รับศีลล้างบาปล้วนเป็นธรรมทูตผู้ถูกเรียกให้แสวงหาหนทางใหม่เพื่อถ่ายทอดความเชื่อซึ่งถือว่าเป็นความรับผิดชอบและเป็นหน้าที่ในบริบทนี้คู่มือการสอนคำสอนฉบับใหม่เสนอหลักใหญ่แห่งการปฏิบัติสามประการด้วยกัน: 1) การเป็นประจักษ์พยาน2) ความเมตตาและ3)การเสวนาคู่มือนี้มี300 กว่าหน้าแยกออกเป็นสามส่วนกอปรด้วย12 บท
การอบรมครูสอนคำสอน
ภาคแรกชื่อว่า“การอบรมคำสอนในการประกาศพันธกิจของพระเยซูคริสต์” ซึ่งพูดถึงการอบรมการเรียนการสอนคำสอน
คู่มือการสอนคำสอนนี้ชี้ให้เห็นว่าเพื่อที่จะเป็นพยานต่อความเชื่อที่มีความน่าเชื่อถือดังนั้นครูสอนคำสอนจะต้องเป็น“ผู้ที่ได้รับความรู้เกี่ยวกับคำสอนก่อนที่จะเป็นครูสอนคำสอน” นี่หมายถึงการทำงานแบบไม่มีสินจ้างหรือค่าตอบแทนเป็นเพียงเชิงสัญญลักษณ์ต้องเสียสละและต้องมีพฤติกรรมดีงามตามเจตนารมย์แห่งธรรมทูตกล่าวคือต้องไม่ยอมแพ้ต่อ“ความเหนื่อยหน่ายในการอภิบาลแม้แลดูไร้ผล”
ครูสอนคำสอนยังถูกเรียกร้องให้ต้องเฝ้าระวังในการทำหน้าที่จำเพาะของตน“เพื่อประกันว่าทุกคนจะต้องได้รับการปกป้องพิทักษ์คุ้มครองโดยเฉพาะผู้เยาว์และบุคคลที่มีความเปราะบาง”
กระบวนการสอนคำสอน
ภาคที่สอง– “กระบวนการสอนคำสอน” จะเน้นถึงความสำคัญของ“รูปแบบของการสื่อที่ล้ำลึกและมีประสิทธิภาพ” มีการเสนอให้ใช้ศิลปะโดยอาศัยการพิศเพ่งความงดงามเพื่อเป็นเครื่องมือในการเชื่อมโยงกับพระเจ้าและใช้ดนตรีศักดิ์สิทธิ์เป็นหนทางในปลูกฝังให้มีความปรารถนาเข้าถึงพระเจ้าในหัวใจของประชาชน
บทบาทของครอบครัวก็มีบทบาทสำคัญเช่นกันภายในครอบครัวผู้ที่ได้รับการประกาศพระวรสารสามารถดำเนินชีวิตในความเชื่อในทำนองที่เรียบง่ายโดยเป็นไปตามธรรมชาติและครอบครัวเป็นสถานที่ซึ่งประชาชนสามารถรับการศึกษาในวิธีการที่สุภาพและน่าเอ็นดู
ในรูปโฉมของครอบครัวใหม่ในสังคมร่วมสมัยคริสตชนถูกเรียกร้องให้ติดตามผู้อื่นอย่างใกล้ชิดลักษณะกัลยาณมิตรฟังและเข้าใจพวกเขาเพื่อที่จะฟื้นฟูความหวังและความไว้ใจให้กับทุกคน
วัฒนธรรมแห่งการผนึกเข้าไว้ด้วยกัน
คู่มือการสอนคำสอนเล่มนี้ยังชี้ให้เห็นถึงควมสำคัญของ“การให้การต้อนรับและการยอมรับ” ซึ่งกันแกกันแม้จะมีความแตกต่าง โดยเน้นย้ำว่าศิษย์พระเยซูคริสต์ต้องเป็นประจักษ์พยานต่อความจริงเที่ยงแท้แห่งชีวิตมนุษย์และต้องให้การต้อนรับกับของขวัญที่ยิ่งใหญ่นี้ครอบครัวของพวกเขายังสมควรที่จะได้รับ“ความเคารพและความชื่นชม” ด้วย
ในทำนองเดียวกันการเรียนการสอนคำสอนต้องเน้นที่การยอมรับความไว้ใจและความเอื้ออาทรต่อผู้อพยพซึ่งพวกเขาจำต้องอยู่ห่างไกลจากบ้านเกิดเมืองนอนซึ่งอาจมีประสบการณ์กับวิกฤตแห่งความเชื่อผู้อพยพควรได้รับการสนับสนุนในการต่อสู้กับความลำเอียงการถูกเอารัดเอาเปรียบและอันตรายต่างๆที่พวกเขาต้องเผชิญเช่นการค้ามนุษย์เป็นต้น
การเลือกเข้าข้างคนยากจนการสอนคำสอนให้กับนักโทษผู้ต้องกัก
คู่มือการสอนคำสอนฉบับใหม่นี้นี้ยังเรียกร้องให้ผู้สอนคำสอนต้องเอาใจใส่ต่อสถานเรือนจำซึ่งเนื้อหาในคู่มือชี้ว่าสถานผู้ต้องกักเป็น“ดินแดนแห่งพันธกิจที่แท้จริง” มีการเสนอสำหรับผู้ที่ถูกจองจำว่าเนื้อหาของการประกาศข่าวดีควรเน้นถึงการไถ่กู้ในพระเยซูคริสต์รวมถึงการตั้งใจฟังซึ่งจะเป็นการแสดงให้เห็นถึงโฉมหน้าของพระศาสนจักร สำหรับคนยากจน การสอนคำสอนควรอบรมพวกเขาเกี่ยวกับความยากจนตามเจตนารมย์แห่งพระวรสาร นอกนั้นควรส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งความเป็นภราดรภาพพร้อมกับสนับสนุนพวกเขาให้รังเกียจสถานการณ์ที่น่าสมเพชและความอยุติธรรมที่คนยากจนต้องรับทุกข์
วัดโรงเรียนและสถาบันต่างๆของพระศาสนจักร
ภาคที่สามที่ชื่อว่า“การสอนคำสอนในแต่ละภาคส่วนพระศาสนจักร” อุทิศให้กับการสอนคำสอนตามวัดสถาบันการศึกษาและสถาบันต่างๆของพระศาสนจักร
วัดมีความสำคัญในฐานะที่เป็น“แบบฉบับแห่งการแพร่ธรรมของชุมชน” ซึ่งควรอบรมคำสอนที่ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับประสบการณ์ในการดำเนินชีวิตของผู้คน หน่วยงานอื่นๆของพระศาสนจักรควรรับรู้ว่ามี“ความสามารถอันยิ่งใหญ่ในการประกาศพระวรสาร” ซึ่งเพิ่ม“ความมั่งคั่งให้กับพระศาสนจักร”
เกี่ยวกับโรงเรียนคาทอลิกและสถาบันการศึกษาคู่มือการสอนคำสอนฉบับใหม่นี้เสนอการขับเคลื่อนจาก“สถาบันการศึกษา” ให้กลายเป็น“ชุมชนขององค์ความรู้” แห่งความเชื่อโดยโครงการการศึกษาที่มีพื้นฐานจากคุณค่าแห่งพระวรสารนอกนั้นคู่มือฉบับนี้ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่าการสอนเรื่องราวศาสนาอื่นๆ จะต้องเป็นการเอื้อต่อการสอนคำสอนคาทอลิกด้วย
เมื่อย้ำว่า“ปัจจัยทางศาสนาเป็นมิติที่ต้องมีอยู่ซึ่งจะต้องไม่มีการมองข้าม” คู่มือการสอนคำสอนฉบับใหม่นี้ยืนยันว่า“เป็นสิทธิของบิดามารดาและนักเรียน” ที่ต้องได้รับการอบรมแบบองค์รวมที่ต้องมีการสอนศาสนาที่แตกต่างด้วย
ความหลากหลายแห่งวัฒนธรรมและศาสนา
คู่มือการสอนคำสอนฉบับใหม่นี้ชี้ให้เห็นว่าความเป็นเอกภาพของคริสตชนและการเสวนาระหว่างศาสนากับศาสนายูดายกับศาสนาอิสลามกับพุทธศาสนาและกับศาสนาอื่นๆที่ได้รับการยอมรับอันเป็นพื้นที่พิเศษสำหรับการสอนคำสอน การสอนคำสอนคาทอลิกจะต้อง“ส่งเสริมความปรารถนาที่จะมีความเป็นเอกภาพ” เพื่อที่จะเป็นเครื่องมือของการประกาศพระวรสารที่แท้จริง
ในสภาวะเช่นนี้เรียกร้องให้ต้องมีการเสวนาเพื่อป้องกันการต่อต้านการเป็นปฏิปักษ์ต่อศาสนายูดายในขณะเดียวกันเรียกร้องให้ประชาสัตบุรุษหลีกเลี่ยงการมองศาสนาอื่นอย่างผิวเผินเพื่อที่จะส่งเสริมการเสวนากับศาสนาอิสลามศาสนาพุทธและศาสนาอื่นๆ(traditional religions)
ในบริบทแห่งศาสนาหลากหลายร่วมสมัยคู่มือการสอนคำสอนฉบับใหม่นี้เรียกร้องการสอนคำสอนที่สามารถ“สร้างความล้ำลึกและพลังให้กับอัตลักษณ์ของผู้ที่มีความเชื่อ” ส่งเสริมแรงบันดาลใจในงานธรรมทูตด้วยการเป็นประจักษ์พยานรวมทั้งการเสวนา“ที่เป็นกัลยาณมิตรและจริงใจ”
เทคโนโลยีและโลกดิจิตอล
คู่มือการสอนคำสอนฉบับใหม่นี้ยืนยันว่าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีไว้เพื่อรับใช้มวลมนุษย์และควรใช้เพื่อพัฒนาสภาพการดำเนินชีวิตของมนุษย์
คู่มือการสอนคำสอนฉบับใหม่นี้เสนอว่าการสอนคำสอนควรเน้นไปที่สอนให้ประชาชนรู้จักใช้วัฒนธรรมดิจิตอลอย่างเหมาะสมซึ่งระบบดิจิตอลนั้นมีทั้งปัจจัยที่ดีและที่เลวการสอนคำสอนจึงควรเน้นที่จะช่วยเยาวชนบรรดาคนรุ่นใหม่ให้รู้จักแยกแยะความจริงและคุณภาพท่ามกลางวัฒนธรรมที่ผุดขึ้นมาอย่างกระทันหัน”
เรื่องอื่นๆที่คู่มือการสอนคำสอนฉบับใหม่นี้กล่าวถึงเป็นการเรียกร้องให้“มีการกลับใจเกี่ยวกับระบบนิเวศ” การสอนคำสอนส่งเสริมการกลับใจนี้ด้วยการใส่ใจในการปกป้องพิทักษ์คุ้มครองสิ่งสร้างและหลีกเลี่ยงลัทธิบริโภคนิยม
นอกนั้นคู่มือการสอนคำสอนฉบับใหม่นี้เน้นว่าการสอนคำสอนยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับแรงงานตามคำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักดรโดยใส่ใจเป็นพิเศษต่อการปกป้องสิทธิของผู้ที่อ่อนแอมากที่สุดนอกนั้นยังส่งเสริมการพัฒนาการผลิดอุปกรณ์ในการสอนการเรียนคำสอนที่ผลิตขึ้นในระดับท้องถิ่นเพื่อรับใช้การการเรียนการสอนคำสอนรวมถึงการประชุมซีน็อดของบรรดาบิชอปและสภาของบิชอปแต่ละประเทศอีกด้วย
Credit to By Vatican News
(วิษณุธัญญอนันต์– เก็บข่าวเรื่องการสอนคำสอนมาแบ่งปัน)