แทนคิดสักนิด…สะกิดใจ
คุณค่าของการสวดสายประคำในครอบครัว
สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ได้ทรงประกาศให้เดือนตุลาคม 2002 ถึงเดือนตุลาคม 2003 เป็นปีแห่งสายประคำ พระองค์ยังได้ทรงออกสมณสาสน์ “สายประคำของพระนางพรหมจารรีมารีอา” เพื่อฉลอง 25 ปีของรัชสมัยของพระองค์ และระลึกถึงครบรอบ 120 ปี ที่สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอ ที่ 13ได้ทรงออกเอกสารเกี่ยวกับการสวดสายประคำ “Supremi Apostolatus Officio” นอกจากนั้นยังเป็นการระลึกถึงครบรอบ 40 ปึของการเปิดประชุมสังคายนาวาติกัน เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 1962 และยังเป็นส่วนหนึ่งของการฉลองปีศักดิ์สิทธิ์ด้วย
- ประวัติของการสวดสายประคำ
การสวดสายประคำให้เกียรติแก่พระแม่มารี มีองค์พระจิตเจ้าทรงนำทาง และเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาในสหัสวรรษที่สอง(หลังปี ค.ศ.1000) และมีนักบุญจำนวนมากที่รักการสวดสายประคำ และได้ส่งเสริมการสวดสายประคำตลอดมา พระศาสนจักรเองก็ได้ส่งเสริมให้สัตบุรุษได้สวดภาวนาเช่นเดียวกั น การสวดสายประคำเป็นบทภาวนาเรียบๆซื่อๆ แต่มีความศักดิ์สิทธิ์ การสวดสายประคำจึงซึมซาบเข้าในจิตใจสัตบุรุษอย่างลึกซึ้ง แม้เวลาจะผ่านไปมากาว่าสองพันปีแล้ว แต่การสวดสายประคำก็ยังทำให้ชีวิตของคริสตชนก้าวหน้าไปด้วยความสดชื่นตลอดมาเป็นเรื่องที่ต้องศึกษากันยาวนานพอสมควร และ เชื่อกันว่า การสวดสายประคำนั้นคงเริ่มต้นในอารามฤษี ซึ่งได้มีการสวดทำวัตรเป็นหมู่คณะ โดยใช้บทสวดจากบทเพลงสดุดี 150 บท แต่มีฤษีบางคนความรู้น้อย ไม่สามารถอ่านหนังสือทำวัตรได้ พวกท่าน จึงใช้การสวดบท “วันทามารีอา” 150 บท แทนการสวดบทเพลงสดุดี 150 บท ต่อจากนั้นการสวดสายประคำได้มีพัฒนามาเรื่อยๆ จนกระทั้งปี ค.ศ. 1214 ที่แม่พระได้ประทานลูกประคำแก่นักบุญดอมีนิก ผู้ก่อตั้งคณะดอมีนีกัน เพื่อจะได้ใช้เป็นเครื่องมือต่อสู้กับพวกเฮเรติกอัลบีเยน โดยแม่พระได้ประจักษ์มา พร้อมกับเทวดา 3 องค์ แม่พระได้ตรัสกับท่านนักบุญว่า ถ้าท่านนักบุญต้องการให้พวกเฮเรติกกลับใจ จะต้องเผยแพร่การสวดสายประคำ ท่านนักบุญจึงได้เผยแพร่การสวดสายประคำ และสามารถทำให้ ผู้หลงผิดเหล่านั้นกลับใจในที่สุด
- ความหมาย “สายประคำ”
ตรงกับคำว่า “โรซารี”ในภาษาลาติน ซึ่งหมายความว่าพวงมาลัยกุหลาบ เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่เราสวดสายประคำครบสามสาย เราจะร้อ ยกุหลาบสีขาว 153 ดอก ซึ่งหมายถึงบทวันทามารีอา 153 บท และร้อยกุหลาบสีแดงอีก 16 ดอก ซึ่งหมายถึงบทข้าแต่พระบิดา 16 บท มาลัยสวรรค์นี้จะไม่มีวันเหี่ยวเฉาไป แต่จะเป็นเสมือนเกียรติมงคลที่เราได้ถวายแต่พระแม่เจ้าแห่งสวรรค์
ประจักษ์พยานในเรื่องนี้มีปรากฏอยู่เสมอ เช่น บราเดอร์อัลฟองโซ แห่งคณะเยซูอิตได้สวดสายประคำอย่างศรัทธา และทุกครั้งที่ท่านสวดบทข้าแต่พระบิดา จะมีกุหลาบ สีแดงออกจากปากของท่าน และเมื่อสวดบทวันทามารีอา จะมีดอกกุหลาบสีขาวออกมาจากปากของท่านเช่นเดียวกัน
การสวดสายประคำจึงเป็นความศรัทธา ที่หยั่งรากลึกในหัวใจของชาวเราทุกคน ทำให้เรามีความศรัทธาต่อพระเยซูเจ้า และพระแม่มารีอา ท่านบุญราศรีบาโทโล ลองโ ก ซึ่งเป็นผู้มีความศรัทธาต่อการสวดสายประคำ ได้เคยกล่าวว่า, “ผู้ใดส่งเสริมการสวดสายประคำ ผู้นั้นจะได้รับความรอดนิรันดร”
พระแม่มารีเองมีพระประสงค์ให้ลูกๆของพระแม่ได้สวดสายประคำ เพราะพระแม่มีความห่วงใยในพวกลูกๆของพระนาง ที่พระเยซูเจ้าได้ทรงฝากฝังไว้แก่พระแม่ ณ แทบเชิงกางเขน โดยมีศิษย์ที่พระเยซูเจ้าทรงรัก เป็นตัวแทนของพวกเราทุกคน, “ นี่คือแม่ของท่าน”(ยน19:27)
- สายประคำเป็นบทภาวนาเพื่อครอบครัว
ก) ครอบครัวยุคปัจจุบันกำลังถูกคุกคามการสวดสายประคำเป็นบทภาวนาที่เราสามารถติดต่อกับพระเป็นเจ้าได้อย่างดีที่สุด โดยอาศัยการเสนอวิงวอนของพระแม่มารี และพระเป็นเจ้าจะทรงประทานพระหรรษทานอย่างอุดมสมบูรณ์แก่บุคคลหรือแก่ครอบครัวที่สวดสายประคำพร้อมกัน ในสมณสาสน์ “สายประคำของพระนางพรหมจารีมารีอา” สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ไ ด้ทรงเน้นความสำคัญของการสวดสายประคำและครอบครัว โดยพระองค์ได้ตรัสถึงสถาบันครอบครัวกำลังถูกคุกคามอย่างหนัก จากพลังแห่งการแตกแยก และทำให้ครอบครัวทั้งหลายกำลังอ่อนแอลง, “นอกจากนั้น เหตุผลสำคัญและเร่งด่วนที่จะต้องสวดภาวนา เกิดจากปัญหาอีกประการหนึ่งของสมัยปัจจุบัน นั่นคือปัญหาครอบครัว ซึ่งเป็นหน่วยเล็กที่สำคัญที่สุดของสังคม และอนาคตของสังคมนี้กำลังถูกคุกคามอย่างน่ากลัวจากพลังที่สร้างความแตกแยก อันสืบเนื่องมาจากความคิดทางปรัชญา จึงเป็นกิจกรรมในข่ ายงานอภิบาลครอบครัว ซึ่งจะช่วยต่อต้านพลังบ่อนทำลายสังคมในสมัยของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ”(RVM 6)
ข) ครอบครัวที่สวดภาวนาร่วมกันย่อมอยู่ด้วยกัน จากประวัติอันยาวนานของการสวดสายประคำ เป็นที่ประจักษ์ว่าการสวดสายประคำได้ช่วยนำและแก้ไขปัญหาครอบครัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยทำให้สมาชิกในครอบครั ว มีความสามัคคีกลมเกลียวกัน เพราะเมื่อสมาชิกทุกคนหันมามองดูพระเยซูเจ้า จะช่วยทำให้สมาชิกแต่ละคนหันสายตามามองกันง่ายขึ้น สามารถสื่อสารกันรู้เรื่องมากขึ้น สร้างความเป็นหนึ่งเดียวกัน ให้อภัยกันและกัน และผูกพันกันด้วยสายสัมพันธ์ของความรักขององค์พระจิตเจ้า
ในปัจจุบันนี้สมาชิกในครอบครัวต่างๆมีโอกาสอยู่ด้วยกันน้อยมาก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่รัดตัว ทำให้มีเวลอยู่ด้วยกันน้อยกว่าอดีตที่ผ่านมา สมาชิกในครอบครัวก็มั กใช้เวลาในการดูโทรทัศน์บ้าง หรือนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ การที่ครอบครัวหันมาสวดสายประคำพร้อมกันในครอบครัว จะทำให้มีบรรยากาศของครอบครัวแห่งนาซาเร็ธ ซึ่งมีพระเยซูเจ้าเป็นศูณย์กลาง ลูกๆในครอบครัวจะเรียนรู้จากตัวอย่งของพระเยซูเจ้า ในเรื่องการทำงาน ความนบนอบ ความรักต่อกัน และพ่อแม่จะเรียนรู้จากตัวอย่างของพระแม่มารี ที่ยินดีรับความทุกข์อย่างสงบ ยอมรับความยากลำบากในชีวิตด้วยความกล้าหาญ สมาชิกในครอบครัว จะ มีส่วนร่วมในความยินดีและความโศกเศร้าพร้อม กัน มอบทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับสามชิกในครอบครัวไว้ในพระหัตถ์ของพระเป็นเจ้า พร้อมกับมีความหวังและกำลังใจที่จะต่อสู้กับชีวิตต่อไปด้วยความมั่นคง และทำให้บ้านเป็นบ้านที่มีแต่ความสงบและสันติ พระเป็นเจ้าจะประทานพระหรรษทานให้แก่ครอบครัวอย่างมากมาย และบางครั้งพระองค์อาจจะประทานกระแสเรียกแก่ลูกๆ โดยสมัครเป็นพระสงฆ์หรือนักบวช
ค) การสวดสายประคำเพื่อการพัฒนาการด้านต่างๆ ของลูก ในการสวดสายประคำนั้น พ่อแม่ยังมีโอกาสได้วิงวอนขอ เพื่อให้ลูกๆได้พัฒนาและเติบโตเป็นคนที่สมาบูรณ์ เมื่อรำพึงชีวะประวัติของพระเยซูเจ้า ตั้งแต่พระองค์ได้ปฏิสนธิในครรภ์ของพระแม่มารี จนถึงวันที่พระองค์ได้ทรงกลับคืนชีพ และเสด็จสู่สวรรค์ “พระกุมารทรงเจริญวัยแข็งแรงขึ้น ทรงพระปรีชาญาณอย่างสมบูรณ์ และพระหรรษทานของ พระเจ้าสถิตอยู่กับพระองค์” (ลก2;40) ในยุคปัจจุบันนี้เทคโนโลยีต่างๆมีการพัฒนาไปรวดเร็วมาก จนทำให้เกิดช่องว่างระหว่างวัยยิ่งวันยิ่งมากขึ้น เด็กๆและเยาวชนได้รับข่าวสารที่มีแต่สิ่งเลวร้ายมากกว่าสิ่งดีงาม พ่อแม่ทุกคนจึงมีความห่วงใยในอันตรายที่ลูกๆของตนกำลังเผชิญอยู่ กลัวว่าลูกๆของตนจะเป็นเหยื่อของยาเสพติด การปล่อยตัวสำส่อน การแก้ปัญหาโดยใช้ความรุนแรง ตลอดจนการหนีปัญหาด้วยการฆ่าตัวตาย
ง) การฝึกให้รู้จักเงียบ การสวดสายประคำพร้อมกันในครอบครัวทุกวัน จะเป็นโอกาสดีให้เด็กๆได้มีประสบการณ์ตั้งแต่เล็กเรื่อง “การหยุดพักเพื่อภาวนา” แม้การสวดภาวนาจะไม่ใช่การแก้ปัญหาชีวิตได้ทุกอย่าง แต่อย่างน้อยก็สามารถทำให้จิตใจของพวกลูกๆได้พบกับความสงบ และจิตใจไม่ฟุ้งซ่าน แม้ว่าเด็กๆมีความยากลำบากในการสวดสายประคำ อาจเป็นเพรา ะไม่มีสมาธิพอ แต่การใช้เครื่องมือบางอย่าง จะช่วยให้การสวดภาวนาง่ายเข้า เช่น การใช้รูปภาพ และเสียงเพลงเป็นต้น และเมื่อพวกเขาสามารถสวดด้วยตนเองได้แล้ว พวกเขาจะยินดีสวดภาวนาเพื่อรับพระคุณต่างๆโดยไม่ต้องมีการบังคับแต่อย่างใด
ในโอกาสนี้ขอนำพระดำรัสของสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ซึ่งพระองค์ได้สรุปไว้ในสมณสาส์น “สายประคำของพระนางพรหมจารีมารีอา”ว่า,“สายประคำศักดิ์ สิทธิ์ของพระแม่มารี ซึ่งเป็นโซ่ทองที่คล้องชาวเราไว้กับพระเจ้า เป็นสายสัมพันธ์ความรักที่เชื่อมเราไว้กับบรรดาทูตสวรรค์ เป็นป้อมปราการที่ช่วยชีวิตให้พ้นจากการจู่โจมของนรก เป็นท่าเรือที่ช่วยให้พ้นจากการอับปาง เราจะไม่มีวันทิ้งเจ้าเลย เจ้าจะเป็นความบรรเทาของเราในวาระสุดท้ายของชีวิต เราจะจุมพิตเจ้าขณะที่ชีวิตของเราจะออกจากร่าง ข้าแต่พระราชินีแห่งสายประคำแห่งปอมเปย์ ถ้อยคำสุดท้ายจากปากของข้าพเจ้าทั้งหลายจะเป็นพระนามของพระนาง ข้าแต่พระมารดาน่ารักยิ่ง พระนางผู้ทรงเป็น ที่พึ่งของคนบาป ผู้บรรเทาที่ยิ่งใหญ่ของผู้ทุกข์ยาก ขอพระนางจงได้รับพระพรทั่วทุกแห่งหน บัดนี้และตลอดไป ทั้งบนแผ่นดินและในสวรรค์”
จากเว็บไซส์ http://www.catholic.or.th/main/