มาทบทวนเรื่องราวความเชื่อ เรื่องราวความรัก
เรื่องราวโดยย่อจากหนังสือทั้ง 73เล่ม
ของพระคัมภีร์พันธสัญญาเดิม (THE OLD TESTAMENT)
41. นักปราชญ์กลุ่มนั้นได้พบพระกุมารจึงเข้าไปนมัสการและถวายเครื่องบรรณาการมี ทองคำ กำยาน และมดยอบอันมีความหมายถึงความเป็นกษัตริย์ ความเป็นพระเจ้าและหมายถึงพระมหาทรมานที่พระองค์จะได้รับ เทวดาได้บอกพวกนักปราชญ์ในฝัน ให้เดินทางกลับทางอื่นเพราะกษัตริย์เฮรอดป่องร้ายพระกุมาร
42. ความหมายของเรื่องนักปราชญ์เหล่านี้คือ พระผู้เป็นเจ้าเมื่อทรงบังเกิดมาก็เพื่อมนุษย์ทุกชาติทุกภาษา มิใช่เฉพาะชนชาวยิวเท่านั้น
43. กษัตริย์เฮร้อดครั้นทราบว่าพวกนักปราชญ์ทราบความจริงก็ทรงพระพิโรธยิ่งนักสั่งให้ฆ่าเด็กน้อยทุกคนที่มีอายุตั้งแต่
2ขวบลงมา เสียงแม่ร้องไห้คร่ำครวญ ขณะนั้นพระกุมารเดินทางหนีไปประเทศอียิปต์
44. ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับพระเยซูเจ้าเป็นไปตามคำทำนายของบรรดาประกาศก ในพระธรรมเก่า เช่น จะมาบังเกิดตระกูลกษัตริย์ดาวิดจากหญิงพรหมจารีย์ เรื่องของนักปราชญ์ และการคร่าชีวิตเด็กเหล่านั้นอีกทั้งการหนีไปประเทศอียิต์ เป็นต้น
45. พระกุมารอยู่ที่อียิปต์หลายปีจนกระทั่งกษัตริย์เฮโรดสิ้นพระชนม์ แต่พบว่ากษัตริย์ที่ครองราชย์แทนก็ไม่น่าไว้วางใจ ยอแซฟจึงพาครอบครัวไปอยู่เมืองนาชาแร็ธซึ่งตรงกับการทำนายอีกว่า พระองค์จะถูกเรียกว่าเป็นชาวนาชาแร็ธ
46.นักบุญยวงบัปติสตา เป็นบุตรของเศคาริยาห์และนางเอลีชาเบธ ท่านเป็นประกาศกองค์สุดท้ายเพื่อเตรียมจิตใจของชาวอิสราแอล ท่านอาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดารแต่งตัวด้วยเสื้อขนอูฐ รับประทานตั๊กแตนกับน้ำผึ้งปาท่านประกาศว่า พระมหาไถ่กำลังจะเสด็จมา ท่านได้โปรดศีลล้างให้แก่พระเยซูเจ้าในแม่น้ำจอร์แดน ศิษย์ของยวงหลายคนได้กลายมาเป็นศิษย์ของพระเยชูเพราะท่านได้ชี้ให้ศิษย์ของท่านดูพระชุมพาน้อย และภายหลังยวงถูกกษัตริย์เฮโรดจับขังคุก และตัดศีรษะในที่สุด
47. ครั้นพระเยซูอายุ 12พรรษา แม่พระและยอแซฟได้พาพระองค์ไปที่กรุงเยรูซาแลม
48. การไปเมืองเยรูชาแลมเป็นขนบธรรมเนียมของชาวยิวที่ไปนมัสการพระโดยแห่เป็นขบวน ขากลับแม่พระและนักบุญยอแซฟไม่พบพระเยชูในขบวนญาติ ๆ จึงกลับไปหาที่กรุงเยรูชาเลม หาอยู่ 3วัน จึงพบพระเยซูอยู่ในพระวิหารกำลังนั่งอยู่ท่ามกลางพวกนักปราชญ์ และอธิบายพระคัมภีร์
49. พระเยชูทรงยืนยันกับนักบุญยอแซฟและแม่พระว่า “ท่านตามหาลูกทำไม ท่านก็ทราบอยู่แล้วว่าลูกต้องทำภารกิจของพระบิดา” พระเยชูกลับบ้านทรงนบนอบบิดามารดา
50. ครั้นพระองค์อายุ 30ปี ขณะนั้น ยวงบัปติสตาเทศนาให้ผู้คนว่า จงเตรียมทางให้พระมหาไถ่และให้ทุกคนกลับใจ,รับศีลล้างในแม่น้ำจอร์แดน
51. พระเยชูรับศีลล้างแล้ว พระองค์เสด็จไปยังที่เปลี่ยว อดอาหารและภาวนา 40 วัน มารมาผจญพระองค์ แต่พระองค์ก็เอาชนะการประจญทุกประการ
52. พระชนม์ชีพเปิดเผยของพระเยซูเจ้า เมื่อพระองค์ออกเทศนาและแสดงพระองค์อย่างเปิดเผย พระองค์พระชนมายุ 30 พรรษาแล้ว พระองค์เทศนาที่ทะเลสาบกาลิลีเป็นส่วนใหญ่ ไปที่กรุงเยรูซาแลมอย่างน้อย 2 ครั้งระหว่างนั้นได้กลับไปเทศน์ที่บ้านเกิดเมืองนาซาแรธ
……………………………………………………………………………………………………..
บทอ่านจากข้อเขียนของนักบุญโธมัส อากวีนัส พระสงฆ์
งานเลี้ยงประเสริฐและน่าอัศจรรย์
โดยเหตุที่เป็นน้ำพระทัยของพระบุตรองค์เดียวของพระเป็นเจ้า ที่จะให้มนุษย์มี ส่วนในพระเทวภาพของพระองค์ พระองค์ทรงรับเอาธรรมชาติของเรา เพื่อว่าการเป็นมนุษย์ของพระองค์จะสามารถทำให้เรามนุษย์สูงส่งด้วยชีวิตพระ ยิ่งกว่านั้น เมื่อพระองค์ทรงรับเอาเนื้อหนังของเรา พระองค์ทรงอุทิศสภาพทั้งครบของพระองค์ เพื่อความรอดของเรา พระองค์ทรงถวายพระกายของพระองค์แด่พระบิดาบนพระแท่นแห่งไม้กางเขน เพื่อเป็นเครื่องบูชาชดเชยบาปของเรา พระองค์ทรงหลั่งพระโลหิตเพื่อไถ่เรา ให้พ้นจากพันธะอันน่าสมเพชและทรงชำระเราให้บริสุทธิ์จากบาป แต่เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักซึ่งพระองค์ทรงมีต่อเราตลอดกาล พระองค์ได้ประทานพระกายเป็นอาหาร และพระโลหิตเป็นเครื่องดื่ม ในรูปขนมปังและเหล้าองุ่นเพื่อผู้ที่มีความเชื่อจะได้บริโภค
งานเลี้ยงประเสริฐและน่าอัศจรรย์ ซึ่งนำความรอดมาสู่เราและเปี่ยมด้วยความหวานชื่น! จะมีอะไรมีค่ามากกว่าอีกหรือ? ในพันธสัญญาเดิมชาวอิสราเอลถวายเนื้อลูกวัวและแพะเป็นเครื่องบูชา แต่ในที่นี้ พระคริสตเจ้าเอง องค์พระเจ้าแท้ได้ถูกตั้งไว้ต่อหน้าเราเพื่อเป็นอาหารสำหรับเรา จะมีสิ่งใดน่าพิศวงยิ่งไปกว่านี้อีกหรือ? ไม่มีศีลศักดิ์สิทธิ์ใดมีฤทธิ์บำบัดรักษายิ่งใหญ่เช่นนี้ โดยทางศีลนี้ บาปถูกขจัดให้สูญสิ้น คุณธรรมทวีขึ้น และวิญญาณก็มังคังด้วยพระคุณฝ่ายจิตทุกประการ ในพระศาสนจักรมีการถวายบูชาอุทิศแด่ผู้มีชีวิตและผู้ล่วงลับ เพื่อสิ่งที่ทรงตั้งไว้เพื่อความรอดของทุกคน จะได้เป็นประโยชน์แก่ทุกคน ถึงกระนั้นก็ดีไม่มีใครสามารถเผยความหวานชื่นของศีลนี้อย่างครบถ้วนได้ ในศีลนี้วิญญาณได้ดื่มด่ำและลิ้มรสจากแหล่งกำเนิด ในศีลนี้เรารื้อฟื้นอนุสรณ์แห่งความรัก ซึ่งพระคริสตเจ้าทรงเผยแสดงในพระทรมานของพระองค์
เพื่อประทับความรักอันหาขอบเขตมิได้นี้ ในดวงใจของผู้ที่มีความเชื่อให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น พระเยซูเจ้าจึงทรงตั้งศีลนี้ ในการเลี้ยงอาหารค่ำครั้งสุดท้ายหลังจากทรงฉลองปัสกากับบรรดาศิษย์ของพระองค์ ขณะที่พระองค์กำลังจะทรงละจากโลกนี้ไปหาพระบิดา ทรงมอบศีลนี้ไว้เป็นอนุสรณ์แห่งพระทรมานของพระองค์ เป็นการทำให้รูปแบบในโบราณกาลสำเร็จไป และเป็นอัศจรรย์ยิ่งใหญ่กว่าอัศจรรย์ทั้งหมดที่พระองค์ทรงกระทำ ซึ่งพระองค์ทรงมอบไว้เป็นความบรรเทาสำหรับผู้ที่ทุกข์เศร้าในการจากไปของพระองค์…