บทอ่านจากจดหมายถึงชาวเอเฟซัส โดยนักบุญอิกญาซีโอ ชาวอันติโอค พระสังฆราชและมรณสักขี
การอยู่ร่วมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
เป็นการเหมาะสมถูกต้องที่พวกท่านจะถวายเกียรติแด่พระเยซูคริสตเจ้า ผู้ได้ประทานเกียรติแก่พวกท่าน พวกท่านต้องบรรลุถึงความศักดิ์สิทธิ์ในทุกสิ่ง โดยการนอบน้อมเชื่อฟังอย่างครบครัน และเป็นหนึ่งเดียวกับพระสังฆราชและพระสงฆ์ของพวกท่าน
ข้าพเจ้าไม่ได้ออกคำสั่งแก่พวกท่านประหนึ่งว่าข้าพเจ้าเป็นบุคคลสำคัญ แม้ว่าข้าพเจ้าเป็นผู้ถูกจำจองเพราะพระนามของพระคริสตเจ้า ข้าพเจ้ายังไม่ได้บรรลุถึงความศักดิ์สิทธิ์ครบครันในพระองค์ บัดนี้ ข้าพเจ้ากำลังเริ่มทำหน้าที่ของศิษย์คนหนึ่ง และข้าพเจ้าก็กำลังพูดกับพวกท่านเหมือนพูดกับเพื่อนซึ่งเป็นศิษย์ด้วยกัน อันที่จริงควรจะเป็นพวกท่านมากกว่าที่จะเป็นผู้ทำให้ข้าพเจ้าเข้มแข็งด้วยความเชื่อ ด้วยการสนับสนุน ด้วยความเพียรและด้วยความสงบราบคาบของพวกท่าน แต่ด้วยความรัก นั่นเองทำให้ข้าพเจ้านิ่งเงียบอยู่ไม่ได้และจำต้องถือโอกาสนี้ ขอให้พวกท่านอยู่ร่วมเป็น น้ำหนึ่งใจเดียวกันตามน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า เหตุว่า พระเยซูคริสตเจ้าทรงเป็นองค์ชีวิตของเรา และเป็นน้ำพระทัยของพระบิดาที่ปราศจากพระองค์ เราไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้ เช่นเดียวกันบรรดาพระสังฆราชทุกองค์ที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้นทั่วโลก ก็เป็นผู้แสดงให้เห็นน้ำพระทัยของพระเยซูคริสตเจ้า
ฉะนั้น จึงเป็นการเหมาะสมอย่างยิ่ง ที่ท่านทั้งหลายควรจะอยู่ร่วมกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับพระสังฆราชของพวกท่าน ดังที่พวกท่านเป็นอยู่ในความจริง บรรดาพระสงฆ์ที่เคารพซึ่งเป็นผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาในพระเจ้า ได้ปรับตัวให้เข้ากับพระสังฆราช เหมือนหนึ่งสายพิณกับตัวพิณ ดังนั้น ด้วยความเป็นหนึ่งเดียวกันทั้งในด้านความคิด และจิตใจ บทเพลงที่พวกท่านขับร้องออกมา คือพระเยซูคริสตเจ้า พวกท่านแต่ละคนควรเป็นเช่นนักร้องประสานเสียงในโบสถ์ที่ปรับเสียงให้เข้ากันด้วยหัวใจที่เป็นหนึ่งเดียวกัน และด้วยเสียงที่ได้รับจากพระเป็นเจ้า พวกท่านจะร้องเพลงด้วยน้ำเสียงที่ประสานกลมกลืนเป็นเสียงเดียวกันในพระเยซูคริสตเจ้าเพื่อพระเป็นเจ้า ถ้าพวกท่านทำเช่นนี้ พระองค์จะทรงฟังเสียงของพวกท่าน และทราบถึงกิจการดีที่พวกท่านกระทำในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งในพระวรกายของพระบุตร ดังนั้น จึงเป็นการประเสริฐยิ่งที่พวกท่านจะอยู่ร่วมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่างสมบูรณ์ เพื่อพวกท่านจะได้เป็นหนึ่งเดียวกับพระเป็นเจ้าเสมอ
แม้ในเวลาอันสั้น ถ้าหากข้าพเจ้าโชคดี ได้เป็นสหายสนิทกับพระสังฆราชของท่าน – ด้วยมิตรภาพที่มิได้เกิดบนพื้นฐานธรรมชาติ แต่บนพื้นฐานฝ่ายจิต – ข้าพเจ้าก็คิดว่าพวกท่านมีบุญมากกว่าข้าพเจ้า ในเมื่อพวกท่านได้อยู่ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระสังฆราช เหมือนกับพระศาสนจักรอยู่ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูคริสตเจ้า และพระคริสตเจ้ากับพระบิดา เพื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะได้อยู่ร่วมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อย่าให้ใครหลงผิดไป นอกจากผู้ที่แยกตัวออกจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แล้ว ย่อมไม่มีส่วนในปังของพระเป็นเจ้า เพราะว่าถ้าคำภาวนาของพวกท่าน คนหนึ่งหรือสองคนยังมีประสิทธิภาพมากมายแล้ว คำภาวนาของพวกท่านร่วมกับของพระสังฆราชและพระศาสนจักรส่วนรวมจะยิ่งมีประสิทธิภาพเหนือกว่าสักเพียงไร
แบ่งปัน
“พระเยซูเจ้าจึงสั่งพวกเขาว่า จงตักน้ำใส่โอ่งให้เต็มเถิด”
หลังจากสมโภชพระคริสตสมภพแล้ว ก็ผ่านวันฉลองและวันสมโภชต่างๆ หลายวัน จนกระทั่งมาถึงวันสมโภชพระคริสตเจ้าแสดงองค์หรือวันสมโภชพระคริสตประจักษ์ อันเป็นวันสิ้นสุดเทศกาลพระคริสตสมภพ จากนั้นก็เริ่มต้นเข้าสู่เทศกาลธรรมดา วันอาทิตย์นี้เป็นวันอาทิตย์ที่ 2 เทศกาลธรรมดา ปีนี้จะอยู่ในเทศกาลธรรมดาไป 8 สัปดาห์ จึงจะเริ่มต้นเทศกาลมหาพรตในพุธรับเถ้า วันที่ 2 มีนาคม หลังจากนั้นในวันสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์เริ่มวันจันทร์ที่ 11 เมษายน และพวกเราคริสตชนจะสมโภชปัสกาพระเยซูเจ้าทรงกับคืนชีพในวันที่ 17 เมษายน ในปีนี้ เกริ่นนำยาวๆ เพื่อพี่น้องจะได้จัดตารางเวลาของพวกเราตามที่พระเยซูเจ้าสั่งไว้ว่า จงตักน้ำใส่โอ่งให้เต็มเถิด ดังนั้นจงใช้ช่วงเวลานี้บรรยากาศปีใหม่ตระเตรียมชีวิตเตรียมวิญญาณให้เต็มเถิด
พระวาจาในวันนี้เป็นเรื่องราวในชีวิตสมรส ในชีวิตที่ดูมีความสุข มีเกียรติ มีหน้ามีตา และตระเตรียมพร้อมอย่างดีทุกอย่างแล้ว แต่จากประสบการณ์พวกเรา พ่อเชื่อว่าต้องมีอะไรขาดไปบ้าง เกินไปบ้างตามประสามนุษย์ แต่สิ่งคัญในปัจจุบันเมื่อคู่สมรสตัดสินใจแต่งงานคือช่วงชีวิตความรักที่เจริญขึ้นสู่ความรักที่มีวุฒิภาวะต่อกัน มีความพร้อมด้านต่างที่เหมาะสมตามที่เรากำหนด แต่ในอีกด้านหนึ่งชีวิตของคริสตชน คือ คู่สมรสคู่นั้นได้เติบโตขึ้นเป็นหนึ่งเดียวกันในชีวิต
การสมรสแบบที่มีกล่าวไว้ในพระคัมภีร์ที่ว่า “และทั้งสองจะเป็นร่างกายเดียวกัน” จงสังเกตว่าในภาษาพระคัมภีร์ คำว่า “ร่างกาย – เนื้อหนัง” หมายถึง ตัวบุคคลทั้งหมด อาจเป็นได้ว่าความเป็นหนึ่งเดียวกันในการสมรส ได้รับการเน้นมากเกินไปจากคนหนึ่งในคู่สมรส
ครั้งหนึ่งผู้ชายคนหนึ่งได้รักผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนั้นมาก เพราะคุณสมบัติอันดีงามในอุปนิสัยของเธอ อาจกลายเป็นเผด็จการที่พยายามจะทำให้ภรรยา เป็นเหมือนพิมพ์เขียวของตนเอง นี่เป็นความรักที่กลายเป็นความเห็นแก่ตัว
ความรักแท้ เป็นการมีส่วนร่วมในบุคลิกภาพของอีกฝ่ายหนึ่ง ด้วยความเคารพไม่คิดที่จะทำลาย ในพระคัมภีร์ มนุษยสัมพันธ์กับพระเจ้าในการเป็นคู่พันธะอันศักดิ์สิทธิ์(พันธสัญญา) ซึ่งมีลักษณะเป็นการสมรสดังที่บทอ่านวันนี้แสดงให้เห็น แต่ในความรักยิ่งใหญ่ของพระองค์ พระเจ้าไม่ทำลายเราในฐานะที่เป็นบุคคล เราทุกคนแตกต่างกันและควรจะแตกต่างกัน แม้ว่าเราทุกคนได้รับพระจิตแห่งความรักองค์เดียวกัน คริสตชนควรดำเนินชีวิตในความสุขของการสมรส (การเป็นคู่พันธะ – พันธสัญญา) ระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์.