อาทิตย์สมโภชปัสกา
Christ is truly risen Alleluia!!!
วันนี้ พ่ออยากเชิญชวนเราให้มาหยุดยืนอยู่หน้าพระคูหา….
- ที่ซึ่งมารีย์ ชาวมักดาลามาถึงแต่เช้าตรู่ ขณะที่ยังมืดแล้วพบว่าหินปิดปากพระคูหาถูกเลื่อนออกไป
- ที่ซึ่งซีโมนเปโตร กับศิษย์อีกคนหนึ่งที่พระเยซูเจ้าทรงรัก วิ่งตามมาดู แต่ไม่พบพระศพขององค์พระเยซูเจ้า มีแต่เพียงผ้าที่ห่อหุ้มพระวรกายและผ้าพันพระเศียรของพระองค์ที่ถูกวางทิ้งไว้
- ที่ซึ่ง”เขาเห็นและมีความเชื่อ”
พี่น้อง วันนี้หินที่ปิดปากพระคูหาได้ถูกเลื่อนออกไปแล้ว ในเช้าตรู่ของวันต้นสัปดาห์ วันอาทิตย์ วันแห่งการมนัสการ สรรเสริญพระเจ้าพระผู้สร้าง วันแห่งการขอบพระคุณสำหรับทุกสิ่งในโลกที่พระเจ้าทรงประทานให้กับชีวิตของเรา และเป็นวันเห็นความสว่างใหม่เกิดขึ้นอีกครั้งด้วยพระอานุภาพของพระเจ้าผู้ทรงบันดาลองค์พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพหลังจากผ่านการทรมานและความตาย ความมืดได้ผ่านพ้นไป และความสว่างของวันใหม่ก็เกิดขึ้น
พี่น้อง การเฉลิมฉลองการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูในวันนี้เตือนใจเราถึงรากฐานของความเชื่อสำคัญประการหนึ่งของคริสตชน ผู้ที่เลือกดำเนินชีวิตติดตามพระเยซูเจ้า พระบุตรพระเจ้า เราติดตามพระองค์ เพราะเราเชื่อในพระองค์ เราไม่เพียงแต่เชื่อในคำสั่งสอน และในแบบอย่างที่พระองค์ทรงทำและเป็นตลอดพระชนมชีพของพระองค์เท่านั้น แต่เชื่อมั่นในชีวิตของพระองค์ผู้ยอมรับความทุกข์ทรมาน โอบรับกางเขนขึ้นแบก และเดินเข้าหาความตายเพื่อไถ่กู้เราให้รอดพ้นจากบาป เราเชื่อมั่นในพระเยซูเจ้าผู้มีความหวังเดียวในองค์พระบิดาเจ้า โดยมอบจิตและชีวิตก่อนสิ้นลมหายใจยกขึ้นหาพระบิดาจนกระทั่งลมหายใจสุดท้ายจะหมดลง การกลับคืนชีพของพระองค์จึงเป็นความเชื่อ และความหวังสำหรับชีวิตของเราคริสตชนให้ผ่านจากความตายไปสู่ความสว่างจากการกลับคืนชีพของพระองค์
พระวรสารวันนี้ กล่าวถึงบุคคลสำคัญสามคน ซึ่งล้วนแล้วเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ส่วนตัวกับพระเยซูเจ้าในช่วงเวลาที่พระองค์ทรงพระชนม์อยู่ ตามคำบอกเล่าของนักบุญยอห์นในพระวรสาร สามคนนี้ เป็นพยานกลุ่มแรกที่ได้เห็นพระคูหาที่ว่างเปล่า พ่ออยากเชิญชวนเราให้เดินทางกลับไปในช่วงเวลาที่พวกเขาทั้งสามมีประสบการณ์พิเศษส่วนตัวกับพระเยซูสักเล็กน้อย สัมผัสความรู้สึกที่เคลื่อนไหวอยู่ใน “หัวใจ” ของพวกเขาที่ยังคงมีพระองค์ยืนหนึ่งอยู่ภายในและไม่มีสิ่งใดเลยที่สามารถพรากความรักที่มีต่อพระองค์ไปจากเขาได้
หัวใจดวงแรก คือ หัวใจของมารีย์ ชาวมักดาลา เธอเป็นผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือจากองค์พระเยซูเจ้าโดยทรงรักษาให้พ้นจากปีศาจร้ายเจ็ดตน เธอเป็นตัวแทนของความรักที่รู้คุณ นับตั้งแต่วันที่เธอได้รู้จักพระองค์ เธอก็เลือกที่จะติดตามพระองค์ กลายเป็นสตรีคนหนึ่งในกลุ่มที่สละทรัพย์ของตนมาช่วยเหลือพระองค์และบรรดาอัครสาวก (ลก.8:1-3) มารีย์ ชาวมักดาลาเป็นพยานถึงเหตุการณ์ขณะที่พระเยซูถูกตรึงบนไม้กางเขน เธออยู่ในเหตุการณ์ที่พระเยซูถูกตัดสิน เธอได้ยินปอนทิอัสปีลาต ประกาศการตัดสินการตาย เธอเห็นพระเยซูทรงถูกโบยตีและได้รับความอับอายจากฝูงชน เธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มสตรีใจศรัทธาที่ติดตามพระองค์ขณะที่ทรงแบกกางเขน ยืนดูเหตุการณ์ต่างๆ จนกระทั่งพระศพถูกเชิญลงจากกางเขน บรรจุไว้ในพระคูหา เธอเป็นหนึ่งในกลุ่มสตรีที่กลับไปเตรียมเครื่องหอมและน้ำมันหอมเพื่อใช้ชโลมพระศพ หัวใจของหญิงผู้นี้เป็นหัวใจของผู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้คุณ ประสบการณ์ส่วนตัวตั้งแต่ที่นางได้รู้จักและสัมผัสพระเยซู ความรักและความรู้คุณต่อผู้ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของตน ผลักดันให้นางจึงตื่นขึ้นแต่เช้าตรู่ ออกเดินทางไปหาพระองค์ผู้ที่เธอรักที่พระคูหา และวันนี้นางจึงเป็นสตรีที่ถูกเอ่ยถึงในพระคัมภีร์ว่าเป็นคนที่พบว่าพระคูหาถูกเปิด พบเห็นว่าพระศพหายไป ตกใจและรีบวิ่งไปบอกอัครสาวกว่า “เขานำองค์พระผู้เป็นเจ้าไปจากพระคูหาแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเขานำพระองค์ไปไว้ที่ไหน” มารีย์ ชาวมักดาลา เป็นพยานคนแรกถึงการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู เมื่อได้เห็นคูหาว่างเปล่า และยังคงเฝ้าตามหาพระองค์ เมื่อไม่พบก็ยังคงยืนร้องไห้อยู่ที่นั่น จนได้พบพระองค์ในที่สุด (ยอห์น 20:11 — 18) เธอเป็นสตรีที่ได้รับเกียรติอย่างยิ่ง…
หัวใจดวงที่สอง คือ หัวใจของซีโมน ผู้ที่เป็นศิษย์ใกล้ชิด หนึ่งในสี่คนแรกที่ถูกเลือกให้ติดตามพระองค์ และเป็นหนึ่งในคนที่ถูกเลือกในตามติดพระองค์อยู่ตลอดเวลาทั้งในเวลาส่วนตัวและเมื่อทรงปฏิบัติภารกิจใดๆ เป็นผู้ที่พระองค์ทรงตั้งชื่อใหม่ให้ว่า “เปโตร” มีความเป็นผู้นำ กล้าหาญ ตรงไปตรงมา ปรารถนาจะปกป้องพระเยซู แต่เพราะความอ่อนแอรักตัวกลัวตาย จึงปฏิเสธว่าไม่รู้จักพระองค์ถึงสามครั้ง และเมื่อไก่ขันก็สำนึกได้ถึงคำทำนายของพระอาจารย์ ประสบการณ์ความอ่อนแอ และขี้ขลาดของเปโตรในครั้งนี้ ทำให้ต้องปฏิเสธพระอาจารย์ที่เขารักและติดตามมาทั้งชีวิต แต่ถึงอย่างไรก็ตาม พระเยซูเจ้าก็เลือกให้ท่านเป็นศิลา และบนศิลาที่อ่อนแอ ขี้ขลาด หวาดกลัวนี้เอง พระศาสนจักรก็ได้ถือกำเนิดขึ้น (เทียบ มธ.16:13-20) เสียงร้องไห้อย่างขมขื่น เพราะความสำนึกผิดที่ได้ปฏิเสธผู้ที่เขารัก บทเรียนแห่งความล้มเหลวในครั้งนั้นทำให้ท่านกลายเป็นพยานที่ยิ่งใหญ่ ซีโมนเปโตรเป็นตัวแทนของความรักที่สัตย์ซื่อ ผู้ที่พร้อมเป็นประกาศถึงพระองค์ในฐานะพยานบุคคลผู้หนึ่งที่ได้เห็นพระคูหาว่างเปล่าของพระอาจารย์ ท่านหนักแน่น เข้มแข็ง และสัตย์ซื่อในการอุทิศตนเพื่อการประกาศถึงพระคริสตเจ้าจนกระทั้งตาย “เราทั้งหลายเป็นพยานยืนยันถึงกิจการทั้งปวงที่พระองค์ทรงกระทำในเขตแดนของชาวยิวและที่กรุงเยรูซาเล็ม เขาประหารพระองค์โดยตรึงบนไม้กางเขน แต่พระเจ้าทรงบันดาลให้พระเยซูเจ้ากลับคืนพระชนมชีพในวันที่สาม และโปรดให้พระองค์แสดงพระองค์ มิใช่แก่ประชาชนทั้งปวง แต่ทรงแสดงพระองค์แก่บรรดาพยานที่พระเจ้าทรงเลือกสรรไว้ล่วงหน้าแล้ว คือเราทั้งหลายที่ได้กินและได้ดื่มร่วมกับพระองค์หลังจากที่ทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย ‘ทุกคนที่มีความเชื่อในพระองค์จะได้รับการอภัยบาปเดชะพระนามของพระองค์’ ”
หัวใจดวงที่สาม คือ หัวใจของศิษย์ที่พระองค์ทรงรัก หรือ ที่เราต่างรู้กันดีว่า คือ ยอห์น ผู้ที่ได้แนบชิดพระอุระของพระเยซูเจ้าในอาหารค่ำมื้อสุดท้าย ยอห์น เป็นตัวแทนของผู้ที่ใช้หัวใจนำทาง เป็นความรักที่มั่นคง เป็นผู้ที่ถูกเลือกให้ร่วมทาง ติดตามพระองค์ในภารกิจอย่างใกล้ชิดหลายแห่ง หลายหนที่พระองค์ทรงไป พร้อมที่จะยืนอยู่เคียงข้างพระมารดาของพระเยซูตลอดเส้นทางการแบกกางเขน และ ณ เชิงกางเขน ไม่ค่อยปรากฎให้เห็นคำพูดของยอห์นมากนัก ยอห์นพูดน้อย แต่ยอห์นมักจะถูกให้เป็นตัวแทนของพี่น้องอัครสาวกในการพูด หรือถามพระเยซูเจ้าในเรื่องสำคัญ เช่น เมื่อครั้งที่พระองค์ตรัสว่าหนึ่งในพวกเขาจะทรยศพระองค์ ซีโมนเปโตรได้ทำสัญญาณให้ยอห์นทูลถามว่าผู้ที่พระองค์ตรัสถึงนี้เป็นใคร ยอห์นจึงเอนกายแนบชิดพระอุระของพระเยซูเจ้าทูลถามว่า “พระเจ้าข้า เป็นใครหรือ” ยอห์นเป็นศิษย์ที่พระเยซูเจ้าทรงรัก เป็นท่านท่านรู้วิธีที่จะรักและวิธีที่ทำให้พระองค์ทรงรัก เรียกได้ว่า เป็นศิษย์ที่ใช้หัวใจเพื่อเข้าถึงหัวใจ เก็บรายละเอียดความหมายของคำสอนและคุณค่าได้ท่านได้จากการเรียนรู้แบบอย่างของพระเยซูเจ้าขณะที่ทรงพระชนม์อยู่ได้อย่างดีเยี่ยม และถ่ายทอดได้อย่างงดงามผ่านงานเขียนของท่านที่อาจจะซับซ้อนแต่ลึกซึ้งและเปี่ยมด้วยความหมายในทุกแง่มุม
พี่น้องที่รัก หัวใจของทั้งสามบุคคลที่พ่อเอ่ยหนึ่งข้างต้นนี้ เป็นหัวใจของผู้ที่มีประสบการณ์ส่วนตัวกับพระเยซูเจ้าผู้ที่เขารัก และความรักนี้เองที่ผลักดันให้เขาต้องตอบแทนความรักของพระองค์ในทางใดทางหนึ่ง พวกเราคริสตชนก็เช่นเดียวกัน วันนี้ เราถูกเรียกให้มาอยู่หน้าพระคูหาที่ว่างเปล่า เพื่อเป็นพยานถึงพระองค์ที่เรารัก และติดตามใน 3 วิธีด้วยกัน
- เป็นคริสตชนที่รู้คุณต่อสิ่งที่ได้รับในชีวิต และถ่ายทอดออกจากหัวใจที่รักและรู้คุณ เมื่อพระองค์ตรัสเรียกชื่อเราทุกเช้าตรู่ของแต่ละวันเมื่อเราลืมตาขึ้นว่า “มารีย์” จงตอบรับพระองค์ว่า “รับโบนี (พระอาจารย์) ” เชื่อมั่นในสายตาที่จับจ้องพระองค์ผู้กลับคืนชีพ ใช้ชีวิตในแต่ละวันด้วยการประกาศให้พี่น้องรอบข้างได้ทราบว่า “ดิฉันได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว” และเล่าให้ทุกคนได้ฟังว่าพระองค์ทรงตรัสอะไรกับเรา กระทำสิ่งดีอย่างไรผ่านชีวิตของเรา
- เป็นคริสตชนที่สัตย์ซื่อต่อคำสั่งสอน แบบอย่างชีวิตและภารกิจที่เราได้รับจากพระองค์ เหมือนท่านเปโตร แม้ครั้งหนึ่งจะอ่อนแอ ขี้ชลาด ทำผิดพลาด แต่บัดนี้ ได้กล่ายเป็นศิลา และเป็นศิลาที่หนักแน่น กล้าหาญ มั่นคงและเป็นรากฐานของพระศาสนจักรในทุกวันนี้ พี่น้องที่รัก จงเป็นผู้หนึ่งที่พร้อมเสมอที่จะเป็นพยานที่สัตย์ซื่อ ไม่ปล่อยให้เสียงร้องไห้อย่างขมขื่นทำให้เรารู้สึกผิด ท้อถอย และละทิ้งพระองค์ไปอีกครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ให้ความขลาดเขลาปลุกความกล้าหาญที่ซ่อนอยู่ภายใน ให้ลุกขึ้นอีกครั้ง ใฝ่หาแต่สิ่งที่อยู่เบื้องบน เพราะชีวิตของเราซ่อนอยู่กับพระคริสตเจ้าในพระเจ้า (เทียบ คส.3:1-4)
- เป็นคริสตชนที่ใช้หัวใจนำทาง หัวใจที่ถูกเอนไปให้อยู่ใกล้พระอุระพระเยซูเจ้า ไม่พูดมากแต่เก็บรายละเอียดมาก ไม่มีบทบาทมากปรารถนาแต่จะอยู่ใกล้ชิดพระเยซูเหนือสิ่งอื่นใด เป็นความรักในความเงียบแต่เปี่ยมด้วยความหมายอย่างมากมาย พี่น้อง จงเป็นคริสตชนที่ใช้หัวใจเพื่อที่จะรัก อยู่เคียงข้างเพื่อนพี่น้องผู้ที่ร่วมเดินทางในชีวิตพร้อมกันกับเราทั้งในยามสุข และยามทุกข์ ร่วมกินดื่ม ลงเรือไปกับพระองค์ทั้งในยามพายุและคลื่นโถมกระหน่ำ แต่เชื่อมั่นในพระองค์จนกระทั่งลมและคลื่นในทะเลสงบราบคาบ
ที่สุด ขอให้เราติดตามพระองค์ และเป็นพยานถึงพระองค์ด้วยหัวใจของความรู้คุณ สัตย์ซื่อ และด้วยหัวใจของความรักที่มั่นคง พร้อมที่จะร่วมทาง ติดตามพระองค์อย่างใกล้ชิดในทุกๆ วันตลอดไป…