บทอ่านจากคำบรรยายจดหมายถึงชาวโครินธ์ ฉบับที่ 2 โดยนักบุญซีริล แห่งอเล็กซันเดรีย พระสังฆราช
พระเป็นเจ้าได้ทรงทำให้เราคืนดีกับพระองค์ โดยทางพระคริสตเจ้าและได้ทรงมอบภารกิจนี้แก่เรา
บรรดาผู้ที่มีความเชื่อมั่นได้รับการค้ำประกันโดยพระจิตเจ้าว่า พวกเขาจะกลับคืนชีพใหม่ ยึดมั่นในสิ่งที่จะเป็นมาราวกับว่าเป็นสิ่งที่คงอยู่แล้วในปัจจุบัน พวกเขากล่าวว่าสิ่งที่ปรากฏภายนอกจะไม่เป็นมาตรฐานของเราในการที่จะตัดสินคนอื่นอีกต่อไป บัดนี้ ชีวิตของเราอยู่ภายใต้การควบคุมของพระจิต ไม่ใช่ถูกจำกัดด้วยเนื้อหนังซึ่งมีแต่เปื่อยเน่า แสงสว่างของพระบุตรแต่องค์เดียวส่องสว่างมายังเรา และเราได้รับการเปลี่ยนแปลงในพระวจนาตถ์ บ่อเกิดแห่งชีวิตทั้งมวล เมื่อบาปยังเป็นนายของเรา พันธะของความตายก็ควบคุมเราไว้ แต่ว่าบัดนี้ความชอบธรรมของพระคริสตเจ้าสถิตอยู่ในหัวใจของเราแล้ว เราหลุดพ้นจากสภาพดั้งเดิมที่เปื่อยเน่าได้
นี่หมายความว่า ไม่มีใครสักคนเจริญชีวิตในเนื้อหนังอีกต่อไป อย่างน้อยที่สุด การเจริญชีวิตในเนื้อหนังก็จะไม่หมายถึงการอยู่ใต้อำนาจความอ่อนแอของเนื้อหนัง ซึ่งรวมทั้งความเปื่อยเน่าด้วย นักบุญเปาโลกล่าวว่า “แต่ก่อนเราคิดถึงพระคริสตเจ้าในสภาพที่มีเนื้อหนัง แต่เดี๋ยวนี้เราไม่คิดเช่นนี้อีกแล้ว” ท่านหมายความว่าพระวจนาตถ์ได้ทรงรับเอากาย และประทับอยู่ท่ามกลางเรา พระองค์ได้ทรงรับทรมานจนสิ้นพระชนม์ในเนื้อหนังเพื่อประทานชีวิตแก่มนุษย์ทุกคน ในสภาพเนื้อหนังนี้ที่เรารู้จักพระองค์ แต่ไม่เป็นเช่นนี้อีกแล้ว เพราะแม้พระองค์สถิตอยู่ในเนื้อหนังก็ตาม พระองค์ได้ทรงกลับคืนพระชนม์ชีพในวันที่สาม และบัดนี้พระองค์ประทับอยู่กับพระบิดาในสวรรค์ เราทราบว่าพระองค์ได้เสด็จผ่านจากชีวิตเนื้อหนังไปแล้ว “พระองค์ได้สิ้นพระชนม์ครั้งเดียว จะไม่สิ้นพระชนม์อีกต่อไปและความตายจะไม่มีอำนาจเหนือพระองค์อีกต่อไป การสิ้นพระชนม์ของพระองค์เป็นการตายต่อบาป พระองค์ได้สิ้นพระชนม์ครั้งเดียวสำหรับเราทุกคน ชีวิตของพระองค์เป็นชีวิตกับพระเป็นเจ้า”
โดยวิธีนี้ พระคริสตเจ้าได้ทรงกลับเป็นต้นธารชีวิตสำหรับเรา เราที่ติดตามรอยพระบาทของพระองค์ ต้องไม่คิดถึงตัวเราที่เจริญชีวิตอยู่ในเนื้อหนังอีกต่อไป แต่ต้องคิดว่าเราได้ผ่านจากชีวิตนี้ไปแล้ว วาจาของนักบุญเปาโลเป็นความจริงอย่างยิ่ง “เมื่อผู้ใดอยู่ในพระคริสตเจ้า เขาก็เป็นบุคคลที่แตกต่างไป ชีวิตเก่าของเขาเป็นอันยุติลงและเริ่มชีวิตใหม่” เราได้เป็นผู้ชอบธรรมด้วยความเชื่อในพระคริสตเจ้า และอิทธิพลของความชั่วได้ถูกทำลายเพราะเห็นแก่เรา การกลับคืนพระชนม์ชีพของพระคริสตเจ้าได้ทำลายอำนาจของความตาย เราจึงได้ทราบถึงพระเจ้าเที่ยงแท้ และกราบนมัสการพระองค์ในจิตใจและในความจริง โดยทางพระบุตรคนกลางของเรา ผู้ซึ่งได้นำพระพร ของพระบิดาเจ้ามาสู่โลก
ท่านนักบุญเปาโลเข้าใจลึกซึ้งมาก เมื่อท่านกล่าวว่า “นี่แหละเป็นการสรุปภารกิจทั้งสิ้นของพระเป็นเจ้า ที่ได้ทรงทำให้เราคืนดีกับพระองค์ โดยทางพระคริสตเจ้า” อาศัยธรรมล้ำลึกเรื่องการบังเกิดเป็นมนุษย์ และการรื้อฟื้นให้การบังเกิดเป็นมนุษย์นี้สำเร็จ จะสำเร็จไปไม่ได้นอกจากพระบิดาทรงพอพระทัย โดยทางพระคริสตเจ้า เราจึงสามารถเข้าถึงพระบิดา เพราะตามที่พระคริสตเจ้าเองตรัสไว้ ไม่มีใครสามารถมาหาพระบิดาได้นอกจากผ่านทางพระองค์ ฉะนั้น “นี่คือสรุปภารกิจทั้งหมดของพระเป็นเจ้าที่ได้ทรงทำให้เราคืนดีกับพระองค์ โดยทางพระคริสตเจ้าและได้ประทาน ธรรมล้ำลึกแห่งการคืนดีแก่เรา”…
พ่อเริ่มการไตร่ตรองในวันนี้ด้วยคำถามสั้นๆ 2 ข้อ ข้อแรก คือ
“ทุกวันนี้ “โลก” หยิบยื่นอะไรให้กับเรา?”
ขณะที่พ่อเอ่ยถามคำถามนี้ในใจ ภาพแรกที่เกิดขึ้นในหัวของพ่อคือ “โทรศัพท์มือถือ” (อันที่จริง รวมไปถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่อื่นๆ ด้วย) ภาพของโทรศัพท์มือถือผุดขึ้นมาในหัวพ่อก็เพราะว่า
1.โทรศัพท์มือถือเป็นนวัตกรรมที่นับวันจะยิ่งถูกพัฒนาให้ก้าวไกลยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
2.คล้ายกับเป็นนิยามของ “ความสุข” ที่โลกปัจจุบันหยิบยื่นให้กับคนทุกเพศ ทุกวัย เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันที่มนุษย์แทบจะขาดไม่ได้แล้วสำหรับการใช้ชีวิตในยุคนี้
พี่น้อง โลกหยิบยื่น “นวัตกรรมใหม่ๆ เทคโนโลยีใหม่ๆ” อยู่ตลอดเวลา เพราะโลกรู้ว่าแนวโน้มของมนุษย์ต้องการความสะดวกสบาย มี “ชีวิตที่สุขสบายและมีความสุข”
พี่น้อง พระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าตรัสเรื่องสำคัญอยู่ 4 ประเด็น ซึ่งพ่อเห็นว่าเกี่ยวข้องกับ “วิถีชีวิตที่สุขสบาย” ใน “มุมมองของพระเจ้า” ซึ่งแตกต่างจากสิ่งที่โลกให้ พ่อสรุปสั้นๆ ก็เพื่อตอบคำถามข้อที่สองที่ว่า ….
“แล้วพระเจ้า ให้อะไรกับเรา?”
สิ่งที่พระเจ้าให้กับเราคือ
1.พระวจนะ “ผู้ใดรักเราผู้นั้นจะปฏิบัติตามวาจาของเรา”
พระวจนะ คือ ตัวองค์พระเยซูเจ้าเอง รวมไปถึงคำสั่งสอนของพระองค์ด้วย
พระองค์ทรงท้าทายเรา ในฐานะผู้ที่ติดตามพระองค์ ถ้าเรารักพระองค์ เราจะเลือกองค์พระเยซูเจ้าเป็นต้นแบบการดำเนินชีวิต และจะปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระองค์
2.พระจิตเจ้า พระผู้ช่วยเหลือ “…พระบิดาจะทรงส่งมาในนามของเรานั้น จะทรงสอนท่านทุกสิ่ง และจะทรงให้ท่านระลึกถึงทุกสิ่งที่เราเคยบอกท่าน…”
3.สันติสุข “เราให้สันติสุขกับท่าน ไม่เหมือนที่โลกให้ ใจของท่านอย่าหวั่นไหว หรือมีความกลัวเลย”
4.ความมั่นสัญญา “เรากำลังจะไป และเราจะกลับมาหาท่านทั้งหลาย”
พี่น้อง พ่ออยากย้ำคำถาม 2 ข้ออีกครั้งหนึ่ง
1.ทุกวันนี้ “โลก” ให้อะไรกับเรา?
2.แล้วพระเจ้า ให้อะไรกับเรา?
พ่ออยากให้พี่น้องนำกลับไปถามตนเองบ่อยๆ พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์และกับเราผู้ที่เลือกเป็นศิษย์ติดตามพระองค์ด้วยว่า “ผู้ใดรักเรา ผู้นั้นจะปฏิบัติตามวาจาของเรา พระบิดาของเราจะทรงรักเขา พระบิดาจะเสด็จมาพร้อมกับเรามาหาเขา จะทรงพำนักอยู่กับเขา” วิถีชีวิตที่สุขสบาย ที่พระเจ้าหยิบยื่นให้กับเราแตกต่างจากสิ่งที่โลกให้อย่างแน่นอน เพราะวิถีชีวิตที่สุขสบายในรูปแบบของพระเจ้า เป็นวิถีชีวิตที่…
- มี “ความรัก” เป็นรากฐานในการดำเนินชีวิต
- “ปฏิบัติตาม” วาจาของพระเจ้า คือ มีชีวิตขององค์พระเยซูเจ้าเป็นต้นแบบให้เดินตาม และมีคำสั่งสอนของพระองค์ช่วยเตือนใจเราให้มีแนวทางที่ถูกต้อง
- มี “พระเจ้าพำนักอยู่ด้วย”
- มี “พระจิตเจ้า พระผู้ช่วยเหลือ”
- มี “สันติสุข” ที่ปราศจากความหวั่นไหว หวาดกลัว
พี่น้อง โลกให้นิยามความสุข ผ่าน “วัตถุ” แต่พระเจ้า ให้ความสุข ผ่าน “องค์พระวจนะ” คือ องค์พระเยซูเจ้าและคำสั่งสอนของพระองค์ โลกให้ความสุขในรูปแบบหนึ่ง พ่อไม่ปฏิเสธว่าสิ่งที่โลกให้ไม่ก่อให้เกิดความสุข แต่หากพิจารณาให้ดี หลายครั้งก็ก่อให้เกิดทุกข์มหันต์ ความสุขที่โลกให้จึงเป็นความสุขที่จะอยู่กับเราเพียงชั่วคราวเท่านั้น หาใช่เป็นความสุขเที่ยงแท้นิรันดรไม่ ดังนั้น ความสุขแท้จึงมีเพียงหนึ่งเดียวคือ ในองค์พระเจ้าเท่านั้น
พระเจ้า…ผู้ทรงรักเรา แม้เราไม่รัก หรือรักน้อย
พระเจ้า…ผู้ทรงรอเรา แม้เราไม่เคยไปหา หรือ นานๆ ไปที
พระเจ้า…ผู้ทรงมอบองค์พระเยซูเจ้า ให้มาพำนักอยู่กับเรา รับทนทุกข์เพราะบาปของเรา ตายแทนเรา
พระเจ้า…ผู้ทรงประทานพระจิตเจ้า ผู้ช่วยเหลือเรา คอยสอนเรา บอกเรา เตือนเราให้ระลึกถึงสิ่งที่องค์พระเยซูเจ้าตรัสไว้กับเรา
พระเจ้า…ผู้ทรงให้คำมั่น และไม่เคยลืมสัญญา กลับมาหาเรา และอยู่กับเราตลอดไป
พี่น้อง ….เราจะเลือก “วิถีชีวิตที่สุขสบายแบบใด” ขึ้นอยู่กับใจของเรา
พี่น้อง ….เราจะให้วัตถุนำทาง หรือ ให้พระเจ้านำพา ขึ้นอยู่กับการเลือกของเรา
เราอยู่ในโลก เราใช้สิ่งของๆ โลก แต่อย่าอยู่ภายใต้อำนาจของโลก
เราอยู่ในโลก เราใช้สิ่งของๆ โลก จงใช้อย่างรู้คุณ จงใช้เป็นสะพานเชื่อมเราไปหาองค์พระเจ้าเที่ยงแท้ของเราเถิด ณ ที่นั้น เราจะพบกับสันติสุขนิรันดรอย่างแท้จริง..