บริเวณลานหน้าวัดตั้งแต่เช้า มีรถยนต์วิ่งเข้ามาเพื่อส่งทั้งครูและนักเรียน บรรยากาศเดิมๆเริ่มกลับมาแล้ว หลังจากทีว่างเว้นไประยะหนึ่ง พวกเราไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องพบเจอกับการแพร่ระบาดของไวรัส ซึ่งในช่วงแรกก็มีความรุนแรงและทำให้เกิดความวิตกกังวลอย่างมาก ในอดีตก็เคยมีภัยจากโรคระบาดลักษณะนี้ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ครั้งนี้เป็นประสบการณ์ของพวกเราทุกคนและของคนทั้งโลกนี้ที่ต้องเผชิญการโจมตีของไวรัสโควิด 19 ผ่านมาถึงวันนี้ พวกเรายังเอาตัวรอด พอจะพูดได้ว่าเริ่มมีความปลอดภัยมากขึ้นแล้ว อาจจะมีอยู่บ้างบางคนที่ได้รับเชื้อและป่วยจากไวรัสนี้ ซึ่งก็ไม่ได้มีอาการรุนแรง ในช่วงเวลานี้ก็ยังต้องการความระมัดระวัง การดูแลตัวเองอย่างดีต่อไป
ภาพของเด็กนักเรียนเดินทักทายพูดคุยกับเพื่อนๆอย่างมีความสุข พร้อมกับสะพายเป้ ถือกระเป๋าใส่หนังสือ สมุดและอุปกรณ์การเรียน ซึ่งในช่วงที่มีการเรียนแบบออนไลน์ เรียนที่บ้านก็คงจะไม่ค่อยได้ใช้หนังสือสมุดและอุปกรณ์เหล่านี้มากนัก ในห้องเรียน เด็กนักเรียนก็จะต้องปรับตัวกับเพื่อนใหม่ร่วมห้องเรียน นักเรียนที่ขึ้นชั้นก็จะได้พบคุณครูคนใหม่ ที่นั่งใหม่ เพื่อนใหม่ และอะไรใหม่ๆอีกหลายอย่าง คาดหวังว่าการเรียนการสอนแบบปกติน่าจะดำเนินไปได้ และหากว่าเกิดพบว่ามีอาการป่วย ก็ดำเนินการรักษากันไป เวลานี้แม้ไวรัสจะยังคงมีอยู่และคงจะไม่หมดไป แต่เราก็พอจะอยู่กับมันได้อย่างปลอดภัยพอสมควร อยากเชิญชวนพวกเราได้ร่วมใจกันขอบพระคุณพระเจ้า ที่ทรงประทานพระพรคุ้มครองและช่วยเหลือพวกเราทุกคนเสมอ เมื่อเริ่มมีเหตุการณ์นี้ที่มีการแพร่ระบาด ได้มีการรณรงค์ขอให้พี่น้องคริสตชนทุกคนได้ช่วยกันสวดวอนขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า และมาถึงเวลานี้ก็อยากจะขอพี่น้องได้ช่วยกันสวดภาวนาเพื่อเป็นการขอบคุณพระในความเมตตาและการคุ้มครอง
เมื่อโรงเรียนและสถานศึกษากลับมาเปิดดำเนินการ ในส่วนของทางวัดก็พร้อมเปิดให้พี่น้องได้กลับมาร่วมพิธีกรรมและกิจกรรมต่างๆร่วมกับทางวัด โดยยังคงมีมาตรการที่แต่ละคนจะเอาใจใส่เพื่อป้องกันตัวเองให้ปลอดภัย พี่น้องบางท่านคงจะมีความรู้สึกเช่นเดียวกับเด็กๆนักเรียน พวกเขากระตือรือร้นอยากมาโรงเรียน ได้พบครู พบเพื่อน และอยากเรียนรู้เรื่องราวใหม่ พี่น้องคริสตชนที่พ่อได้พบปะพูดคุย พวกเขามีความปรารถนาอยากจะมาวัด รอคอยว่าเมื่อไหร่จะได้กลับมาร่วมพิธีกรรมที่วัด บางคนรู้สึกโหยหาและอยากมาวัด เริ่มรู้สึกว่าการห่างวัดทำให้ชีวิตแห้งแล้ง และต้องการเติมพลังในจิตใจ ทั้งยังคิดถึงบรรยากาศที่เห็นพี่น้องคริสตชนมาวัดกันอย่างพร้อมเพรียง การหยุดกิจกรรมที่วัดยาวนาน ก็อาจทำให้บางคนเริ่มเฉยชา ไม่ได้มาวัด ไม่ได้รับศีลอภัยบาป ไม่ได้รรับศีลมหาสนิท ก็รู้สึกเฉยๆ สภาพแบบนี้เกิดมีขึ้นกับทุกวัดทุกแห่ง เป็นเรื่องสำคัญของพวกเราทุกคนที่จะต้องช่วยกันและกัน ชักชวนกันมาวัด เพื่อฟื้นฟูชีวิตความเชื่อศรัทธา ได้รับพระพรและความช่วยเหลือจากพระ ทั้งยังช่วยให้มีวัดกลับมีชีวิตชีวา อยากให้พี่น้อง ได้ช่วยกันพูดคุยซักถาม ชักชวนญาติพี่น้อง คนรู้จัก ได้กลับมาร่วมในพิธีกรรมต่างๆ
วัดอัสสัมชัญหลังแรก สร้างขึ้นและมีการเสกวัดเมื่อ 200 ปีที่แล้ว เป็นการเริ่มการก่อตั้งชุมชนคริสตชนอัสสัมชัญ ในปีนี้จึงเป็นโอกาสที่พวกเราจะได้ขอบคุณพระ คิดถึงบรรพบุรุษซึ่งพวกเขามีความเชื่อในพระเจ้าและได้ส่งต่อความเชื่อมายังพวกเราทุกคน พวกเขาได้เป็นส่วนหนึ่งในช่วงเวลาประวัติศาสตร์ของอัสสัมชัญ ส่งต่อความเชื่อและวิถีปฏิบัติสืบมาจนถึงสมัยของพวกเรา พวกเราจะใช้โอกาสสำคัญนี้ เพื่อการฟื้นฟูชีวิตการเป็นคริสตชนของพวกเราด้วย
เทศกาลปัสกามาถึงช่วงท้ายแล้ว วันอาทิตย์หน้าจะเป็นวันสมโภชพระเยซูคริสตเจ้าเสด็จสู่สวรรค์ และอาทิตย์ถัดไปก็จะเป็นวันสมโภชพระจิตเจ้า เป็นการสิ้นสุดเทศกาลปัสกาและจะเข้าสู่ช่วงที่เรียกว่าเทศกาลธรรมดา คำสอนของพระศาสนจักรกำหนดให้เราได้รับศีลอภัยบาปและศีลมหาสนิทในช่วงกำหนดปัสกา เรามาถึงช่วงท้ายที่จะปฏิบัติตามข้อคำสอนนี้ ซึ่งมิใช่เพียงได้ทำตามกฎ แต่จะเป็นเวลาที่จะได้คิดคำนึงถึงรหัสธรรมปัสกา ความรักที่พระได้ทรงไถ่บาปและประทานความรอดพ้นให้กับเราทุกคน.
สวัสดี…พ่ออดิศักดิ์