บทอ่านจากบทความต่อต้านเฮเรติก โดยนักบุญอีเรเนโอ พระสังฆราช
การส่งพระจิตเจ้า
เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า “จงไปสอนนานาชาติ โปรดศีลล้างบาปแก่เขาในพระนามพระบิดา และพระบุตร และพระจิต” นั้น พระองค์ประทานแก่เขา ซึ่งอำนาจประสิทธิ์ประสาทชีวิตใหม่ในพระเป็นเจ้าแก่มนุษย์
พระองค์ได้ทรงสัญญาโดยทางบรรดาประกาศกว่า ในวาระสุดท้ายพระองค์จะทรงหลั่งพระจิตเจ้าลงสู่ข้ารับใช้ชายหญิงของพระองค์ และพวกเขาจะสามารถกล่าวคำทำนาย ฉะนั้น เมื่อบุตรพระเจ้าได้กลับเป็นบุตรมนุษย์แล้ว พระจิตได้เสด็จมาสู่พระองค์ โดยประการฉะนี้ พระจิตได้กลับเคยชินที่จะสถิตอยู่กับมนุษย์ เจริญชีวิตอยู่ในมนุษย์ และสถิตอยู่ในสิ่งสร้างของพระเป็นเจ้า พระจิตเจ้าได้ทรงปฏิบัติตามน้ำพระทัยของพระบิดา โดยบันดาลให้มนุษย์คนเก่าซึ่งเติบโตอยู่ในบาป ได้กลับมีชีวิตใหม่ในพระคริสตเจ้า
นักบุญลูกากล่าวว่า หลังจากพระคริสตเจ้าได้เสด็จขึ้นสวรรค์แล้ว พระจิตเจ้าได้เสด็จลงมายังอัครสาวกในวันสมโภชเปนเตกอสเต พร้อมด้วยอำนาจเปิดประตูสวรรค์แก่นานาชาติ และทำให้พวกเขารู้จักพันธสัญญาใหม่ เป็นอันว่ามนุษย์ทุกชาติทุกภาษา ได้รวมกันขับร้องสรรเสริญพระเจ้า และตระกูลต่าง ๆ ที่แตกกระจัดกระจายอยู่ ได้กลับคืนสู่ความเป็นหนึ่งเดียวกันโดยทางพระจิต ได้ถูกนำมาถวายแด่พระบิดาเจ้า เป็นดังผลแรกของนานาชาติ
เมื่อพระคริสตเจ้าได้ทรงสัญญาจะส่งพระผู้บรรเทามา พระองค์จะทรงจัดเตรียมเราให้เป็นของถวายแด่พระเป็นเจ้า แป้งแห้งไม่สามารถทำเป็นก้อนหรือขนมปังถ้าไม่มีความชื้นฉันใด หากปราศจากน้ำลงมาจากสวรรค์ เราซึ่งมีอยู่มากหลายก็ไม่สามารถรวมเป็นหนึ่งเดียวในพระคริสตเจ้าฉันนั้น เช่นเดียวกับดินแห้งแล้งไม่สามารถทำการเพาะปลูกให้เกิดผล เว้นแต่จะได้รับความชุ่มชื้น ครั้งหนึ่งเราเคยเป็นดังต้นไม้ที่ขาดน้ำ เราไม่สามารถเจริญชีวิตและเกิดผล ถ้าปราศจากฝนแห่งพระพรซึ่งตกลงมาจากสวรรค์ โดยทางศีลล้างบาป เราได้พ้นจากการเปลี่ยนแปลง การเปื่อยเน่าและกลับเป็นหนึ่งเดียวกันทางร่างกาย โดยทางพระจิตเราได้กลับเป็นหนึ่งเดียวกันทางวิญญาณ
“พระจิตเจ้าแห่งพระดำริและสติปัญญา พระจิตแห่งความคิดอ่านและพละกำลัง พระจิตแห่งความรู้และความยำเกรงพระเจ้า” ได้เสด็จลงมาเหนือพระเยซูเจ้า และพระเยซูเจ้าได้ประทานพระจิตนี้แก่พระศาสนจักรอีกทอดหนึ่ง โดยใช้พระผู้บรรเทาจากสวรรค์ลงมาสู่ทั่วโลก ซึ่งตามพระวาจาของพระองค์ มารได้ถูกขับไล่ไปดุจถูกสายฟ้าผ่า
หากเราอยู่ในสภาพแห้งแล้งและไม่บังเกิดผล เราต้องการน้ำค้างจากพระเจ้า ในเมื่อเรามีโจทก์ผู้ฟ้องเรา เราก็ต้องการทนายความเพื่อแก้คดี มนุษย์เรามีสภาพดังถูกโจรทำร้ายเป็นตายเท่ากันอยู่ข้างทาง พระองค์จึงทรงพระเมตตาต่อเราได้ทำการพันแผลปฐมพยาบาล และมอบเงินสองเหรียญที่มีตราพระเจ้าไว้รักษาเรา ทรงมอบเราไว้กับพระจิต เป็นอันว่าโดยทางพระจิต พระองค์ทรงประทับตราของพระบิดาและพระบุตรแก่เรา เป็นหน้าที่ของเราที่จะใช้เหรียญที่พระจิตมอบไว้ให้เราดูแล และทำให้บังเกิดผลถวายแด่พระเจ้า
พระจิตเจ้า มีบทบาทอย่างไรในชีวิตของเรา?
คำถามสั้นๆ ง่ายๆ ที่พ่อนำมาถามตนเองก่อนนั่งลงไตร่ตรองพระวาจาของพระเจ้าในสัปดาห์นี้ เพราะบ่อยครั้งที่พ่อยกมือขึ้นทำสำคัญมหากางเขน เดชะพระนาม…..
พ่อเอ่ยถึง….พระบิดา ด้วยความรู้สำนึกว่า พระองค์คือพระผู้สร้าง คือ “อับบา พ่อจ๋า”
พ่อเอ่ยถึง….พระบุตร โดยมีภาพขององค์พระเยซูเจ้ามากมายผุดขึ้นในความคิด ซึ่งเป็นภาพที่ส่งผลให้พ่อรู้สึกได้ถึงบทบาทของพระองค์ในชีวิตของเรา ด้วยว่าพระองค์ทรงรับสภาพมนุษย์ดุจเรา
และพ่อก็เอ่ยถึง….พระจิต และต่อด้วย อาแมน …. โดยที่พ่อก็ต้องยอมรับว่า “พ่อลืมพระจิต” พ่อลืมพระองค์ พ่อไม่ได้ตระหนักถึงบทบาทของพระจิตในชีวิตของพ่อเลย ดังนั้น โอกาสสมโภชพระจิตเจ้า พ่อจึงหันกลับมาทบทวนอีกครั้ง ว่า
พระจิตเจ้า มีบทบาทอย่างไรในชีวิตของพ่อ? ….
ประการแรก
พระจิตเจ้า คือ backing track เป็นบทเพลงที่มีแต่เสียงดนตรี ไม่มีเสียงร้อง
หลังจากที่องค์พระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์ เสียงของพระองค์หายไป แต่พระบิดาทรงส่ง “เสียงดนตรี” ให้ยังคงบรรเลงอยู่อย่างต่อเนื่อง เป็นเสียงดนตรีที่ทำให้ Melody หรือ เสียงร้องนำขององค์พระเยซูเจ้ายังคงดังก้องอยู่ในโลกและในชีวิตของเรา และนี่คือ บทบาทแรกของพระจิตในชีวิตของพี่ พระองค์ คือ พระผู้ช่วยเหลือ ที่พระบิดาจะทรงส่งมาในนามขององค์พระเยซูเจ้า ผู้ที่จะทรงสอนเราในทุกสิ่ง และจะทรงให้เราระลึกถึงทุกสิ่งที่พระเยซูเจ้าเคยบอกกับเราเสมอมา
ประการที่สอง
พระจิตเจ้า คือ เสียงของมโนธรรม เป็นเสียงที่พ่อจะได้ยิน ทุกครั้งที่พ่อนั่งลงในความเงียบ และ ฟังอย่างตั้งใจ
พระวาจาของพระเจ้าจากจดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวโรม บอกเราว่า “ผู้ที่ดำเนินชีวิตตามธรรมชาติไม่อาจเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าได้” พี่น้อง …..พระจิตของพระเจ้าสถิตอยู่ในตัวเรา ถ้าผู้ใดไม่มีพระจิตของพระคริสตเจ้า ผู้นั้นก็ไม่เป็นของพระองค์ ถ้าพระคริสตเจ้าสถิตอยู่ในเราแล้ว แม้ร่างกายของเราจะตายเพราะบาป จิตของเราก็มีชีวิตเพราะความชอบธรรม “พี่น้องทั้งหลาย เราไม่มีภารกิจใดๆ ที่จะต้องดำเนินชีวิตตามธรรมชาติฝ่ายต่ำ ถ้าท่านดำเนินชีวิตตามธรรมชาติฝ่ายต่ำ ท่านก็จะตาย แต่ถ้าท่านกำจัดกิจการตามธรรมชาติฝ่ายต่ำด้วยเดชะพระจิตเจ้า ท่านก็จะมีชีวิต ทุกคนที่มีพระจิตของพระเจ้าเป็นผู้นำ ย่อมเป็นบุตรของพระเจ้า”
ดังนั้น พระจิตเจ้า ทรงเป็นเสียงของมโนธรรม ที่ช่วยให้เราเอาชนะธรรมชาติฝ่ายต่ำ มีพลังในการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน สามารถเลือกที่จะประพฤติ และปฏิบัติตนสมกับการเป็นบุตรของพระเจ้าได้
ประการที่สาม
พระจิตเจ้า คือ ความรัก ผู้ทรงบันดาลความเข้าใจ ความเห็นอกเห็นใจ และการให้อภัย
สุดท้าย… ทุกครั้งที่เราทำสำคัญมหากางเขน และเอ่ยถึง….
พระบิดา…จงสำนึกว่า พระองค์ คือ “อับบา พ่อจ๋า”
พระบุตร…จงสำนึกว่า พระองค์ทรงรับสภาพมนุษย์ดุจเรา นำเราสู่ความรอดพ้น
และเมื่อเอ่ยถึง…..พระจิต…..
จงอย่าลืม… และ…
ขอให้เราสำนึกว่าองค์พระจิตเจ้า ทรงเป็น Backing Track ให้กับเสียงขององค์พระเยซูเจ้าในชีวิตของเรา จงปล่อยให้พระองค์เป็นเสียงดนตรีที่บรรเลงอยู่อย่างต่อเนื่องทำให้เรามีชีวิตชีวาและมีพลังในการทำให้พระวาจาขององค์พระเยซูเจ้าเกิดขึ้นจริงในโลก
ขอให้เราสำนึกว่าองค์พระจิตเจ้า ทรงเป็นเสียงของมโนธรรมที่ผุดขึ้นในจิตใจของเราทุกครั้งที่เราเงียบ และ ฟัง ให้พระองค์เป็นพระผู้ช่วยเหลือเราให้ดำเนินชีวิตอยู่ในความชอบธรรม ปฏิบัติตามพระวาจาของพระเยซูเจ้าอยู่เสมอ
ขอให้เราสำนึกว่าองค์พระจิตเจ้า ทรงเป็น “ความรัก ความชื่นชม ความสงบ ความอดทน ความเมตตา ความใจดี ความซื่อสัตย์ ความอ่อนโยน และการรู้จักควบคุมตนเอง” (กท. 5:22-23 ) อันเป็นผลจากการทำงานของพระองค์ในตัวเรา
จงรู้จักควบคุมตนเอง เป็นความรัก ความชื่นชม ความสงบ ความอดทน ความเมตตา ความใจดี ความซื่อสัตย์ และความอ่อนโยน ให้กับกันและกันเถิด
ขอพระเจ้าอวยพระพร…