บทอ่านจากบทสนทนาเรื่องพระญาณสอดส่อง โดยนักบุญกาธารีนา ชาวซีเอนา พรหมจารี
สายสัมพันธ์แห่งความรัก
……………………………………………………………….
ข้าแต่พระเจ้าผู้อ่อนหวาน โปรดทอดพระเนตรประชากรของพระองค์ด้วยพระทัยกรุณา โดยเฉพาะพระวรกายของพระศาสนจักร พระนามของพระองค์ทรงรับพระเกียรติมงคล ในการยกโทษแก่ฝูงชน มากกว่าทรงยกโทษความผิดหนักต่อพระบรมเดชานุภาพให้ข้าพเจ้าคนเดียว ข้าพเจ้าไม่มีความบรรเทาใจที่มีชีวิตของพระองค์อยู่กับข้าพเจ้า ในเมื่อประชากรศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์กำลังอยู่ในความตาย เพราะข้าพเจ้าเห็นบาป กำลังปกคลุมชีวิตของพระศาสนจักร เจ้าสาวของพระองค์ บาปของข้าพเจ้า และบาปของคนอื่น ๆ
พระคุณพิเศษที่ข้าพเจ้ากราบวอนขอนี้ก็คือ ขอพระองค์ทรงพระกรุณายกโทษแก่สิ่งถูกสร้าง ซึ่งพระองค์ได้ทรงสร้างมาตามภาพลักษณ์ของพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงสร้างมนุษย์ พระองค์ทรงรู้สึกหวั่นไหวด้วยความรักจนถึงกับทรงสร้างเขา ตามภาพลักษณ์ของพระองค์ แน่นอน มีแต่ความรักเท่านั้นสามารถให้ศักดิ์ศรีแก่สิ่งที่ถูกสร้างได้ ข้าพเจ้าทราบดีว่ามนุษย์ได้เสียศักดิ์ศรีที่พระองค์ประทานให้ เขาสมควรเสียศักดิ์ศรีนี้ เพราะเขาได้ทำบาป
พระองค์ทรงรู้สึกหวั่นไหวด้วยความรัก ทรงปรารถนาจะทำให้มนุษยชาติคืนดีกับพระองค์ พระองค์จึงได้ประทานพระบุตรแต่องค์เดียวของพระองค์ให้กับเราทั้งหลาย พระบุตรได้ทรงกลับเป็นคนกลาง และความยุติธรรมของเรา โดยทรงรับความอยุติธรรมและบาปของเรา อันเกิดจากการไม่นอบน้อมต่อน้ำพระทัยของพระองค์ ข้าแต่พระบิดาผู้สถิตสถาพร เพราะพระองค์ทรงพอพระทัยให้พระบุตรรับธรรมชาติมนุษย์ของเรา โอ ความรักอันสูงสุดพรรณนา พระบุตรของพระองค์เสด็จลงมาจากพระเทวภาพที่สูงสุดมาสู่ที่ต่ำสุดของธรรมชาติมนุษย์ มนุษย์คนใดหนอสามารถปิดหัวใจของตน และแข็งกระด้างต่อเหตุการณ์นี้
เรามนุษย์เป็นภาพลักษณ์ของพระ ส่วนพระองค์ทรงเป็นภาพลักษณ์ของเราโดยทรงยอมเป็นหนึ่งเดียวกับมนุษย์ พระองค์ได้ทรงซ่อนพระเทวภาพในเมฆ ในดินเหนียวของธรรมชาติมนุษย์ ด้วยความรักเท่านั้น พระองค์จึงทรงสามารถยกฐานะเนื้อหนังของอาดัมให้สูงขึ้นเพียงนี้ ด้วยความรักอันไม่มีขอบเขตนี้แหละ ข้าพเจ้าวอนขอด้วยสิ้นสุดจิตใจของข้าพเจ้า ขอพระองค์ทรงแผ่พระเมตตามายังสิ่งที่ถูกสร้างต่ำต้อยทั้งหลายของพระองค์…
ทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ใด ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย
วันหนึ่ง พ่อนั่งมองบิดามารดานั่งคุยกัน ทุกครั้งที่พ่อเห็นท่านทั้งสอง พ่อรับรู้ได้ถึงความสุขลึกๆ ในใจ ด้วยว่าพ่อเป็นลูกคนเดียว ดังนั้น บิดามารดา เป็นทรัพย์สมบัติที่มีค่าที่สุดในชีวิตของพ่อ
เมื่อครั้งเป็นเด็ก ทุกครั้งที่พ่อได้ของเล่นจากพ่อหรือแม่ พ่อจะหวงแหน เพราะเป็นของมีค่าของคนที่พ่อรักได้มอบให้กับพ่อ ทุกครั้งที่บิดามารดาของพ่อไปทำงาน และเมื่อใดก็ตามที่ท่านทั้งสองกลับมาและพ่อยังไม่หลับ “เวลา” ที่พ่อจะได้อยู่กับบิดามารดาขณะนั้น คือเวลาที่มีค่าที่สุด เพราะพ่อได้อยู่กับคนที่พ่อรัก
พี่น้อง ทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ใด ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย พ่อยกตัวอย่างทรัพย์สมบัติของพ่อ 3 อย่าง คือ บิดามารดา ของเล่น เวลา ซึ่งหัวใจของพ่ออยู่ที่นั่น แล้วพี่น้องล่ะ ทรพย์สมบัติของพี่น้องอยู่ที่ใด พ่ออยากให้พี่น้องลองทบทวนหัวใจของตัวเองดู ว่าตอนนี้ติดอยู่ที่ใด หลายครั้ง ทรัพย์สมบัติที่ใจเรายึดติด ก็มักเป็นวัตถุ สิ่งของ เงินทอง ของนอกกายที่เมื่อเราตาย เราก็เอาไปไม่ได้ แต่เรากลับหวงแหนเหลือเกินเพราะกลัวว่าจะเสียมันไป เราไม่เคยคิดที่จะนำสิ่งเหล่านั้นมาแบ่งปันกับผู้อื่น ทั้งๆที่ หากเราแบ่งและปันให้ผู้ที่ต้องการและขัดสนมากกว่าได้ใช้ประโยชน์ เราเองก็ยังหามันใหม่ได้ สิ่งเหล่านั้นอาจจะเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อประทังชีวิตของผู้อื่นให้ยาวนานออกไปได้อีกก็เป็นได้
พระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์และกับเราทุกคนด้วย “ฝุงแกะน้อยๆ เอ๋ย อย่ากลัวเลย เพราะพระบิดาของท่านทรงพอพระทัยจะประทานพระอาณาจักรให้แก่ท่าน” คำถามคือ ใครคือฝูงแกะน้อยๆ ที่พระบิดาทรงพอพระทัยจะประทานพระอาณาจักรให้? คนที่ขายทรัพย์สินและให้ทาน คนที่แสวงหาถุงเงินที่ไม่มีวันชำรุด คนที่แสวงหาทรัพย์สมบัติที่ไม่มีวันหมดสิ้นในสวรรค์ ที่ๆ ขโมยเข้าไม่ถึงและแมลงขมวนไม่ทำลาย ผู้รับใช้ที่ตื่นเฝ้า คาดสะเอวและจุดตะเกียงเตรียมพร้อมไว้ เสมือนผู้รับใช้ที่กำลังรอคอยนายกลับจากงานมงคลสมรส เมื่อนายมา เคาะประตู เขาก็เปิดประตูต้อนรับ
พี่น้อง พระเยซูเจ้าไม่ได้ต้องการให้เราอดอยาก ไม่ทรงต้องการให้เราขัดสน แต่ทรงท้าทายเราผู้ที่มีไม่ว่าน้อยหรือมาก แต่พร้อมจะให้และแบ่งปันแก่ผู้อื่นที่ขัดสนมากกว่าได้ ไม่ยึดติดมากมายนักกับสิ่งที่มี จนทำให้เรากลายเป็นคนใจแคบ กอดถุงเงินที่มีวันขาด ทำให้ทรัพย์สมบัติที่มีหล่นหายไปอย่างไร้ประโยชน์ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ซ่อนไว้อย่างมิดชิด ปิดตา ไม่ให้มองเห็นคนที่ต้องการ ปิดหูเพื่อจะไม่ได้ยินเสียงของคนที่มาเคาะประตู และมัดมือและเท้าของตนเองไม่ให้ก้าวออกไปเปิดประตูต้อนรับผู้ที่อ้อนวอนและรบเร้า ด้วยว่า “ไม่ใช่ธุระอะไรของฉัน”…
พี่น้อง ในบทอ่านที่สองจากจดหมายถึงชาวฮีบรู บอกเล่าเรื่องราวของอับราฮัม ชายที่ได้ชื่อว่าบิดาแห่งความเชื่อ และนางซาราห์ภรรยาที่อายุมากพ้นวัยที่สามารถให้กำเนิดบุตรได้
อับราฮัม : “อับราฮัมเชื่อฟัง เมื่อพระเจ้าทรงเรียกให้ออกเดินทางไป โดยไม่รุ้ว่าจะไปไหน เพราะความเชื่อ เขาได้พำนักในดินแดนแห่งพระสัญญา”
ซาราห์ : “เพราะความเชื่อ แม้นางซาราห์จะพ้นวัยให้กำเนิดแล้ว พระเจ้ายังทรงบันดาลให้ตั้งครรภ์ได้ เพราะนางเชื่อว่า พระองค์ผู้ทรงสัญญา จะทรงซื่อสัตย์ต่อคำสัญญานั้น ดังนั้น จากคนเดียวที่เหมือนกับตายแล้ว กลับบังเกิดลูกหลานมากมายเหมือนดวงดาวในท้องฟ้า และเหมือนเม็ดทรายที่นับไม่ได้บนชายทะเล”
เพราะท่านทั้งสอง สำนึกและรู้ดีว่า “ตนเป็นแต่เพียงคนต่างด้าวและพลัดถิ่นในโลก ….เขาจึงพยายามไขว่คว้าหาแหล่งพำนักที่ดีกว่า นั่นคือ เมืองสวรรค์” พี่น้องที่รัก ทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ใด ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย หากพระเจ้าคือทรัพย์สมบัติที่มีค่าสำหรับชีวิตของเรา เมืองสวรรค์คงเป็นถุงเงิน แหล่งพำนักที่ซึ่งพระเจ้าประทับอยู่ ที่ซึ่งไม่มีวันถูกทำลายให้สูญสิ้น ที่ซึ่งไม่มีขโมยคนใดสามารถงัดแงะและนำพระองค์ออกไปได้ ที่ซึ่งแมลงหรือสัตว์ร้ายใดๆ มีอำนาจเหนือกว่า
ดังนั้น จงแสวงหา “พระเจ้า” ทรัพย์สมบัติแท้ และ เมืองสวรรค์ ที่พำนักที่ดีที่สุดสำหรับวาระสุดท้ายสำหรับชีวิตหลังความตาย พ่อไม่ได้บอกว่า เงิน ไม่สำคัญสำหรับชีวิตของเรา เงิน เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตในโลก แต่ไม่ใช่สิ่งที่มีค่าที่สุดที่เรามีและหวงแหน กกกอด แต่เป็นสิ่งจำเป็นที่มีเพื่อช่วยให้เราสามารถดำรงชีวิตของตนเอง และช่วยผู้อื่นให้อยู่รอดได้ในโลก
พี่น้อง หากความเชื่อคือความมั่นใจในสิ่งที่เราหวัง และความเชื่อจะเป็นข้อพิสูจน์ถึงสิ่งที่มองไม่เห็นแล้วนั้น จงมีความเชื่อและวางใจในองค์พระเจ้าเถิด จงคาดสะเอว จุดตะเกียง ตื่นเฝ้าและรอคอย เพราะพระองค์เท่านั้นที่เราเป็นความหวังและไม่มีวันทำให้เราผิดหวัง ผู้ทรงเป็นทรัพย์สมบัติแท้ ที่ทำให้เรามั่งมีและร่ำรวยความสุขอันเที่ยงแท้นิรันดร
ขอพระเจ้าอวยพระพร…