บทอ่านจากบทเทศน์เรื่องชุมพาบาล โดยนักบุญออกัสติน พระสังฆราช
ชุมพาบาลที่เลี้ยงตัวเอง
เราจงพิจารณาพระวาจาติเตียนของพระเป็นเจ้า ซึ่งพระคัมภีร์กล่าวแก่ชุมพาบาลที่เลี้ยงตัวเองและไม่เลี้ยงฝูงชุมพา “ท่านดื่มน้ำนมของฝูงชุมพา นุ่งห่มด้วยขนของมัน ตัวไหนอ้วนท่านก็ฆ่ากิน แต่ฝูงชุมพาของเรานั้น ท่านไม่เลี้ยงเลย ตัวไหนอ่อนแอ ท่านไม่เคยบำรุงให้แข็งแรงขึ้น ตัวไหนเจ็บป่วยท่านไม่เคยรักษา ตัวไหนได้รับบาดเจ็บ ท่านไม่เคยรักษาบาดแผล ตัวไหนหลงทางท่านไม่เคยตามกลับมา ตัวไหนหายไปท่านไม่เคยเสาะหา ตัวไหนแข็งแรงท่านก็ฆ่าเสีย ฝูงชุมพาของเราจึงแตกกระจัดกระจายเพราะไม่มีชุมพาบาล”
นี่เป็นพระวาจาตัดพ้อต่อว่าชุมพาบาลที่เลี้ยงตัวเอง และไม่เลี้ยงฝูงชุมพา เป็นพระวาจาที่กล่าวถึงความเห็นแก่ตัวและความเลินเล่อของพวกเขา อะไรเป็นความเห็นแก่ตัวของพวกเขา? “ท่านดื่มน้ำนมของฝูงชุมพานุ่งห่มด้วยขนของมัน” และเพราะเหตุนี้ ท่านอัครสาวก จึงตั้งคำถามว่า “ใครบ้างที่ทำไร่องุ่นและไม่กินผลของมัน? ใครบ้างที่เลี้ยงฝูงสัตว์และไม่ดื่มน้ำนมจากฝูงสัตว์?” เราจึงทราบว่าน้ำนมของฝูงแกะนั้น ก็คือทุกสิ่งที่ประชากรของพระเป็นเจ้า จุนเจือในการครองชีพแก่ผู้นำของพวกเขา นี่คือสิ่งที่ท่านอัครสาวกได้กล่าวไว้ก่อนข้าพเจ้าแล้ว
แม้ว่าท่านอัครสาวกเลือกทางดำเนินชีวิตโดยทำงานด้วยมือ และไม่ขอน้ำนมจากฝูงชุมพาก็ตาม แต่ท่านก็กล่าวไว้ว่าท่านมีสิทธิ์จะรับน้ำนม เพราะพระเจ้าได้ทรงตั้งกฎเกณฑ์ไว้ว่าผู้ประกาศพระวรสารคงเจริญชีวิตจากพระวรสาร นักบุญเปาโลกล่าวว่าเพื่อนสาวกคนอื่นใช้สิทธิ์นี้ เป็นสิทธิ์ที่ได้รับ ไม่ใช่ฉวยโอกาส แต่ท่านเองทำยิ่งกว่าอีก คือท่านไม่รับสิ่งที่ท่านพึงได้รับ ขณะที่ผู้อื่นไม่เที่ยงตรงนักต่อสิทธิ์ของตน ฉะนั้น นักบุญเปาโลก้าวหน้ามาก กิจการของท่านเดินตามแบบชาวสะมาเรียผู้ใจดี เมื่อพาคนป่วยไปยังที่พักคนเดินทางแล้ว กล่าวว่า “ถ้าท่านใช้จ่ายมากกว่านี้ ฉันจะชดใช้ให้เมื่อฉันกลับมา
ข้าพเจ้าจะพูดอะไรอีกถึงชุมพาบาล ที่ไม่ต้องการน้ำนมจากฝูงชุมพา? เขาเป็นคนเต็มด้วยเมตตาจิตมากยิ่งขึ้นเสมอ หรือที่ถูกมากกว่า เขาประกอบกิจเมตตากรุณายิ่งขึ้นทุกที เมื่อเขาทำอะไรได้ เขาทำ จงชมเชยเขาแต่อย่ากล่าวโทษคนอื่น ท่านอัครสาวกไม่แสวงหาสิ่งที่เขาให้ แต่ท่านก็ต้องการให้ฝูงชุมพาให้ผล ไม่ใช่เป็นหมันและไม่สามารถให้น้ำนม…
“พระคริสตเยซูเสด็จมาในโลกเพื่อช่วยคนบาปให้รอดพ้น”
พี่น้อง วันนี้ นักบุญเปาโลยกตัวอย่างชีวิตของท่าน เพื่อย้ำเตือนถึงเหตุผลที่พระเยซูเจ้าทรงถูกส่งมาในโลก ท่านบอกว่า….
“ข้าพเจ้าเป็นคนแรกในบรรดาคนบาปเหล่านี้ ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงทรงแสดงพระเมตตากรุณาต่อข้าพเจ้า เพราะพระเยซูคริสตเจ้าทรงต้องการแสดงความเพียรอดทนที่ยาวนานต่อข้าพเจ้าเป็นคนแรก เพื่อเป็นแบบอย่างสำหรับผู้ที่เข้ามาเชื่อในพระองค์ให้ได้รับชีวิตนิรันดร”
พี่น้องที่รัก…มีใครบ้างในชีวิตของพี่น้อง ที่รู้ว่าพี่น้องทำสิ่งที่ผิดพลาด บกพร่อง ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง บางครั้ง บางช่วงเวลาของชีวิตก็อาจจะทำสิ่งที่ไม่ดีอย่างมากด้วย แต่ยังคง “แสดงความเมตตากรุณา” ยังคงรักและ “แสดงความเพียรทนที่ยาวนาน” ต่อพี่น้องอยู่เสมอ?
ใครจะรักเราได้ถึงเพียงนี้ ถ้าไม่ใช่องค์พระเยซูเจ้า ที่ถูกตรึงกางเขนเพื่อเรา ซึ่งนักบุญเปาโลย้ำชัดว่า …“พระคริสตเยซูเสด็จมาในโลกเพื่อช่วยคนบาปให้รอดพ้น” เป็นถ้อยคำที่น่าเชื่อถือและน่าที่ทุกคนจะยอมรับ….
ในพระวรสารวันนี้ แกะพลัดหลง เหรียญที่หายไป และลูกชายคนเล็ก เป็นตัวอย่างในอุปมาที่พระเยซูเจ้ายกมาเพื่อบอกย้ำกับเราทุกคนว่า คนบาปจะได้รับความรอด… แม้เราจะผิดพลาด บกพร่อง แต่ความรักของพระเจ้ายังคงมาถึงเรา
เรา คนบาป จะได้รับความรอดไม่ใช่เพราะเราดี หรือ เก่ง ฉลาด หรือ รวย มีอำนาจ หรือ มีตำแหน่ง แต่…
เรา คนบาป จะได้รับความรอด นั่นก็
เพราะ “พระเจ้าทรงรักเรา”
เพราะ “ความรักของพระ เป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น”
เพราะ “ความรักของพระ เป็นของขวัญ ที่นำพาความรอดพ้นสำหรับเรามนุษย์ ทั้งผู้ที่เป็นคนดีและคนบาป ทั้งในเวลาที่เราประพฤติดีหรือบกพร่อง
พี่น้องที่รัก ทุกครั้งที่เรามาร่วมบูชามิสซา “ให้เรายอมรับเสมอ ว่าเราเป็นคนบาป” และ ขอสารภาพต่อพระองค์ พระเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพ และ ต่อพี่น้องของเราด้วย จงรู้ตัว และสำนึกอยู่เสมอว่า เราเป็นคนบาป และยอมรับต่อพระพักตร์พระองค์ว่า “ฉันเป็นคนบาป” ข้อนอก มองกลับมาที่ตัวเอง และภาวนาขอการอภัยจากใจจริง
ที่สุด จงลุกขึ้น กลับไปหาพ่อ บิดาที่รักของเรา ผู้ที่ต้อนรับเรา โอบกอดเรา และพร้อมจะคืนศักดิ์ศรีแห่งการเป็นบุตรให้กับเราเถิด
จงมุ่งหน้า เดินกลับไปหาพ่อด้วยความจริงใจ
จงเป็นแกะที่วันนี้อาจจะพลัดหลงจากฝูง แต่จงส่งเสียงร้องดังๆ ด้วยความหวังและรอคอย จงร้องเรียกพระเยซูเจ้าอย่างสม่ำเสมอ เมื่อพระองค์ทรงมาพบเราแล้ว จงยินดีให้พระองค์อุ้มเราขึ้นบ่า จงเอาหน้าแนบบ่า รับไออุ่นจากบ่าและอกของพระองค์ กระซิบข้างหูพระองค์เบาๆว่า “ขอบคุณ” ปล่อยวางตัวเราให้พระองค์แบกกลับบ้านด้วยความรัก และเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราด้วยความกตัญญูในความรักและเพียรอดทนที่ยาวนานของพระองค์ เพื่อเป็นแบบอย่างสำหรับผู้ที่เข้ามาเชื่อในพระองค์ รวมทั้งผู้ที่หันหลังจากบาป พร้อมจะกลับมาพระองค์ด้วยใจจริงให้ได้รับชีวิตนิรันดรในพระเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราวันนี้และตลอดไป.