วันนี้ พระวรสารของท่านนักบุญลูกา เล่าถึง “คนเลี้ยงแกะ” ที่รีบเดินทางไปยังเมืองเบธเลเฮม พวกเขาได้พบพระนางมารีย์ โยเซฟ และพระกุมารซึ่งบรรทมอยู่ในรางหญ้า พระวรสารเล่าต่อว่า เมื่อพวกเขาเห็นก็เล่าเรื่องที่พวกเขาได้ยินมาเกี่ยวกับพระกุมาร ทุกคนที่ได้ยินต่างประหลาดใจในเรื่องที่คนเลี้ยงแกะเล่าให้ฟัง เมื่อพวกเขากลับไปก็ “ถวายพระพรและสรรเสริญพระเจ้าในเรื่องต่างๆ ที่พวกเขาได้ยินและได้เห็นตามที่ทูตสวรรค์บอกไว้”
นักบุญลูกาเขียนบันทึกถึง “คนเลี้ยงแกะ” บุคคลคนธรรมดาๆ กลุ่มหนึ่งที่พระเจ้าทรงเลือกสรรให้ทำหน้าที่เป็น “ผู้ประกาศข่าวดี” และข่าวดีนั้นคือ “องค์พระกุมารน้อยที่จะประสูติมาในรางหญ้า” ผู้เป็น ข่าวดีสำหรับโลก” เมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งที่ทูตสวรรค์บอก นักบุญลูกาเล่าว่า พวกเขารีบเดินทางไปยังเบธเลเฮม เมื่อได้ประจักษ์แก่สายตาถึงสิ่งที่พวกเขาได้ยินและได้เห็นตามที่ทูตสวรรค์บอกไว้แล้ว พวกเขาจึง เล่าเรื่องที่พวกเขาได้ยินมาเกี่ยวกับพระกุมาร และเมื่อกลับไปก็ถวายพระพรและสรรเสริญพระเจ้า พี่น้องที่รัก พระคัมภีร์เล่าให้เรารู้อยู่เสมอว่า ผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรร มักเป็น “บุคคลธรรมดา” และมีไม่น้อยด้วยที่เป็นคนที่สังคมไม่ยอมรับ มองว่า ยากจน ต่ำต้อย ไร้ค่า บางคนน่ารังเกียจด้วยซ้ำไปในกลุ่มคนที่มองตนเองว่าเป็นคนดี เพราะตีค่าคำว่า “คนดี” คือ คนที่พยายามปฏิบัติตามกฎข้อบังคับอย่างเคร่งครัด ไม่ขาดตกบกพร่อง
“คนเลี้ยงแกะ” เป็นกลุ่มคนธรรมดาจริงๆ และองค์พระเยซูเจ้า กุมารน้อยองค์นี้แหละ เมื่อทรงเจริญวัยขึ้น ก็ทรงเลือกที่จะแทนพระองค์เองว่าเป็น “คนเลี้ยงแกะ” และสอนคนที่ปรารถนาจะติดตามพระองค์ให้เป็นดุจดังผู้เลี้ยงแกะด้วย เพราะอะไร?
-คนเลี้ยงแกะ คือ คนธรรมดา แต่ในความธรรมดานี้เอง ที่พระเจ้าทรงเลือกสรร
-คนเลี้ยงแกะ คือ คนที่ “รักเป็น” เขาไม่ได้เลือกรักแกะตัวใดตัวหนึ่ง แต่รักทั้งฝูง รักแม้จะน่าเกลียด รักแม้เกเร รักแม้ว่าแกะตัวนั้นจะชอบเดินออกนอกทาง และเมื่อหายไป ก็เพราะรัก จึงตามหา หาจนพบ พบแล้วก็อุ้มกลับบ้านด้วยความยินดี
-คนเลี้ยงแกะ คือ ผู้ที่ “พร้อมจะปกป้อง” ลูกแกะของตนให้พ้นจาก “สัตว์ร้าย” ที่พร้อมจะเข้ามาขย้ำ กัดกิน ทำร้ายให้ถึงตาย
พี่น้องที่รัก วันนี้ พ่ออยากให้พี่น้อง “รักพระเจ้า และ กตัญญูต่อความรักที่พระองค์ทรงมอบให้กับเรา” เพราะอะไร?
-พระเจ้า ประทาน องค์พระกุมารน้อย ราชาแห่งสันติ ผู้เป็นคนเลี้ยงแกะ หรือ ที่พระคัมภีร์เรียกแทนพระองค์ว่า “นายชุมพาบาลที่ดี” ให้กับเรา
-พระเจ้า ประทาน พระนางมารีย์ผู้เป็นมารดา และนักบุญยอแซฟ ภัสดาของพระนางมารีย์ ผู้เป็นบิดา เป็นแบบอย่างของคำว่า “ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์” ครอบครัวที่มีองค์พระเยซูเจ้า เป็นศูนย์กลาง ครอบครัวที่ยอมให้พระองค์ทรงนำทางชีวิตจิตวิญญาณ และอยู่เคียงข้างตลอดเส้นทางแห่งกางเขนจนวาระสุดท้าย
-พระเจ้า ประทาน ผู้ที่ “รักเป็น ผู้ที่พร้อมจะปกป้องเราให้พ้นจากมารและสิ่งชั่วร้าย
-พระเจ้า ประทาน บุตรสุดที่รักของพระองค์ โดยให้ทรงเกิดมาในความธรรมดา ยากจน ไม่แตกต่างจากเรา เพื่อให้เรารู้ว่าในความรักไม่มีความแตกต่าง ไม่มีชนชั้น ไม่มีการแบ่งแยกใดๆ
-พระเจ้าประทาน ผู้นำ หรือ พระแมสสิยาห์ ผู้นำชีวิตวิญญาณของเราและสำหรับโลก
พี่น้องที่รัก ขอให้ “คนเลี้ยงแกะ” ที่พระคัมภัร์เล่าถึงในวันนี้ เป็นแบบอย่างสำหรับเราเถิด… วันนี้เราได้เดินทางมา…. และต่อจากนี้
-จงรีบออกเดินทางในเส้นทางแห่งชีวิตของเรา
ไปยัง “เบธเลเฮม”
ไปยัง “ถ้ำเลี้ยงสัตว์”
ไปพบพระนางมารีย์ อ้อนวอนท่านโยเซฟ
ไปนมัสการองค์พระกุมารน้อย ผู้ประสูติมาแล้วในโลกใบนี้และในใจของเรา
-เมื่อเราได้เห็น เราได้ยิน ทุกสิ่งประจักษ์แก่สายตาตามที่ทูตสวรรค์บอกไว้แล้ว
จงเล่าเรื่องที่พวกเขาได้ยินมาเกี่ยวกับพระกุมาร
จงเล่าว่า “พระองค์สำคัญสำหรับชีวิตของเราอย่างไร”
-และเมื่อกลับไปก็จงอย่าลืม “ถวายพระพรและสรรเสริญพระเจ้า” ตลอดชีวิตของเราเสมอไปเถิด
“ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรท่านและพิทักษ์รักษาท่าน ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำแดงพระพักตร์แจ่มใสต่อท่าน และโปรดปรานท่าน ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงผินพระพักตร์มายังท่าน และประทานสันติแก่ท่านด้วยเทอญ” (กดว 6:24-27)…