บทอ่านจากบทเทศน์ โดยนักบุญมักซีโม แห่งตูริน พระสังฆราช
พระคริสตเจ้าทรงเป็นเวลากลางวัน
พระคริสตเจ้าได้ทรงกลับคืนพระชนม์ชีพ พระองค์ได้ทรงเปิดประตูบาดาลและปลดปล่อยผู้ตายให้เป็นอิสระ พระองค์ได้ทรงบันดาลให้แผ่นดินใหม่ขึ้น โดยทางอวัยวะของพระศาสนจักร ซึ่งบัดนี้บังเกิดใหม่ด้วยศีลล้างบาป และบันดาลให้พระ ศาสนจักรเติบโตขึ้นด้วยบรรดาผู้ที่ถูกนำกลับมาสู่ชีวิตใหม่ พระจิตของพระองค์ได้ทรงเปิดประตูสวรรค์ ซึ่งคงเปิดอยู่คอยต้อนรับผู้ที่ขึ้นไปจากโลก เพราะการกลับคืนพระชนม์ชีพของพระคริสตเจ้า โจรร้ายได้ขึ้นสวรรค์ ร่างกายของนักบุญเข้าสู่นครศักดิ์สิทธิ์ และผู้ตายได้กลับคืนเข้าสู่สังคมของผู้มีชีวิต สิ่งถูกสร้างทั้งมวลกำลังเคลื่อนไหวขึ้นสู่เบื้องบน ธาตุทั้งมวลยกตัวขึ้นสู่สิ่งที่สูงกว่า เราเห็นบาดาลกำลังส่งคืนผู้ตายขึ้นสู่สวรรค์ แผ่นดินส่งผู้ตายที่ถูกฝังไว้ไปสู่สวรรค์ และสวรรค์ถวายผู้มาใหม่แด่พระเป็นเจ้า ในความเคลื่อนไหวอันเดียวกัน พระทรมานของพระผู้ไถ่ยกมนุษย์ขึ้นจากเหวลึก ยกพวกเขาขึ้นจากแผ่นดิน และตั้งพวกเขาไว้ในที่สูง
พระคริสตเจ้าได้ทรงกลับคืนพระชนม์ชีพ การกลับคืนพระชนม์ชีพของพระองค์ นำชีวิตมาให้ผู้ตาย นำการอภัยโทษมาให้คนบาป และสิริรุ่งโรจน์แก่นักบุญ กษัตริย์ดาวิดได้ทรงเชื้อเชิญให้สิ่งสร้างทั้งหลาย ร่วมใจกันฉลองปัสกาว่า “นี่คือวันที่พระเจ้าทรงสถาปนาให้เป็นวันสำคัญ ให้เราชื่นชมยินดีกันเถิด”
แสงสว่างของพระคริสตเจ้า เป็นเวลากลางวันที่ไม่มีสิ้นสุด และไม่รู้จักกลางคืน พระคริสตเจ้าทรงเป็นเวลากลางวัน อัครสาวกกล่าวไว้ว่า “กลางคืนใกล้จะจบสิ้นแล้ว กลางวันอยู่แค่เอื้อม” อัครสาวกบอกว่า กลางคืนใกล้จะจบสิ้นและไม่มีกลางคืนอีกต่อไป หมายความว่า เราต้องเข้าใจว่าการเสด็จมาของพระคริสตเจ้า ผู้ทรงเป็นความสว่างจะขับไล่ซาตานผู้เป็นความมืดให้กระเจิดกระเจิงไป ไม่ทิ้งร่องรอยของบาปไว้อีกต่อไป ความสว่างนิรันดร์ของพระองค์ ทรงทำลายเมฆมืดทึบของอดีต และหยุดยั้งความเจริญอันซ่อนเร้นของพยศชั่ว พระบุตรทรงเป็นกลางวัน กลางวันซึ่งพระบิดาได้ทรง แจ้งธรรมล้ำลึกเรื่องพระเทวภาพของพระองค์ พระองค์ทรงเป็นกลางวันที่กษัตริย์ซาโลมอน ได้ทรงกล่าวไว้ว่า “เราได้บันดาลให้ความสว่างไม่รู้จักจบสิ้นเกิดขึ้นในท้องฟ้า” ในสวรรค์ไม่มีกลางคืนหลังจากเวลากลางวันฉันใด ก็ไม่มีบาปแผ่ร่มเงาปิดบังพระยุติธรรมของพระคริสตเจ้าฉันนั้น กลางวันในสวรรค์ฉายแสงสว่างอยู่เสมอและฉายแสงสุกใส เมฆไม่สามารถทำให้ท้องฟ้าในสวรรค์มืดครึ้มไปเช่นเดียวกับความสว่างของพระคริสตเจ้า รุ่งโรจน์อยู่ตลอดนิรันดร์ด้วยแสงสว่างแจ่มจรัส และจะไม่ดับลงเพราะความมืดของบาป ด้วยเหตุนี้ นักบุญยอห์นผู้นิพนธ์พระวรสารจึงกล่าวว่า “ความสว่างฉายแสงในที่มืด และความมืดไม่สามารถชนะความสว่างได้”
ฉะนั้น พี่น้องที่รัก เราทุกคนจงชื่นชมยินดีในวันฉลองศักดิ์สิทธิ์นี้ ขออย่าให้มีสักคน แม้สำนึกว่าตนมีบาปขาดการฉลองร่วมกับเรา ขออย่าได้มีใครอยู่นอกคำภาวนาส่วนรวมของเราเพราะบาปของเขา แม้เขาเป็นคนบาปก็ขอให้มีส่วนในการอภัยโทษ เพราะวันฉลองนี้เป็นวันพิเศษสุด ถ้าโจรยังได้รับพระหรรษทานเข้าสวรรค์แล้วคริสตชนจะถูกปฏิเสธไม่ได้รับการอภัยกระนั้นหรือ?…
…มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า
“เราเลือกศิลาประเสริฐและวางไว้ในนครศิโยนเป็นศิลาหัวมุม ทุกคนที่มีความเชื่อ ในศิลานี้จะไม่ต้องอับอายเลย” สำหรับท่านผู้มีความเชื่อ ศิลานี้จึงมีค่าประเสริฐ แต่สำหรับผู้ที่ไม่มีความเชื่อ ศิลาที่ช่างก่อสร้างละทิ้งก็กลายเป็นศิลาหัวมุม เป็นศิลาที่ทำให้สะดุดและเป็นศิลาที่ทำให้ล้มลง เขาเหล่านั้นสะดุดเพราะไม่ยอมเชื่อฟังพระวาจา
ชวนคิดคำถามท้าทายชีวิตเราคริสตชน “เราเห็นพระวาจาประดุจหลักศิลาที่มีความแข็งแกร่ง. หรือ มองเพียงประดุจกฎเกณท์ที่ทำให้เราสะดุดล้มลง” ในประสบการณ์ชีวิตเราจะพบว่าเรามีหลายสิ่งหลายอย่างให้เราเลือก เหมือนเบือกทิศทางชีวิตที่จะดำเนิน ตอนนี้เรากำลังเดินทางตามเส้นทางชีวิตไปหาพระบิดาของเราในสวรรค์ ผ่านทางพระเยซูผู้เป็น หนทสง ความจริงและชีวิต ทำให้เรารู้สึกเหมือนว่าเรารู้เส้นทาง และสามารถไปถึงจุดหมายของเราได้ แต่บางครั้งในความเป็นจริงเราเลือกผ่านทางความถูกใจของเรา เราก็เหมือนกับเราหลงทางไปชั่วคราว เราหลงทาง และต้องการความช่วยเหลือ
พ่อขอให้เรามั่นใจ แม้ในเวลามืดมิดหมดหนทางในแต่ละสถานการณ์ของเรา เรามีผู้นำทางที่เราสามารถไว้ใจได้ในทุกระยะของการเดินทางของเรา และผู้นำทางนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น คือพระเยซูคริสตเจ้า พระองค์ทรงเคยเดินบนเส้นทางนี้มาก่อนเรา และทรงรู้จักเส้นทาง และพระองค์สามารถนำทางเราได้ในทุกระยะการเดินทางไปหาพระบิดาของเรา
อธิบายพระวาจาของพระเยซูเจ้าในพระวรสารประจำวันนี้ เมื่อพระองค์ตรัสว่า “เราเป็นหนทาง ความจริง และชีวิต ไม่มีใครไปเฝ้าพระบิดาได้นอกจากผ่านทางเรา” พระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้นำทางของเราในการเดินทางตามเส้นทางชีวิตไปหาพระบิดา นอกจากพระองค์แล้ว ไม่มีผู้นำทางอื่นที่เรามั่นใจได้
นอกจากนี้ เรารู้ด้วยว่าพระองค์จะไม่ทำให้เราผิดหวัง “ผู้ที่ตามเรามาจะไม่เดินในความมืด แต่จะมีแสงสว่างส่องชีวิต” (ยน 8:12)อธิบายพระวาจาของพระเยซูเจ้าในพระวรสารประจำวันนี้ เมื่อพระองค์ตรัสว่า “เราเป็นหนทาง ความจริง และชีวิต ไม่มีใครไปเฝ้าพระบิดาได้นอกจากผ่านทางเรา” พระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้นำทางของเราในการเดินทางตามเส้นทางชีวิตไปหาพระบิดา นอกจากพระองค์แล้ว ไม่มีผู้นำทางอื่นที่เรามั่นใจได้…