บทอ่านจากธรรมนูญด้านการแพร่ธรรมเรื่องพระศาสนจักรในโลกปัจจุบัน
ของสภาสังคายนาวาติกันที่ 2
การเห็นภาพรางๆ ของยุคใหม่
เราไม่รู้ว่าโลกและมนุษยชาติจะบรรลุถึงความบริบูรณ์เมื่อไร เราไม่ทราบว่าจักรวาลจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร โลกแบบที่เรารู้จักนี้ซึ่งเสียโฉมไปเพราะบาปกำลังล่วงพ้นไป แต่เรารู้ว่าพระเป็นเจ้าทรงเตรียมที่อยู่ใหม่และแผ่นดินใหม่ให้เรา ในแผ่นดินใหม่นั้น ความยุติธรรมจะสถิตอยู่และความสุขจะมีเกินกว่าความกระหายหาสันติภาพที่เกิดขึ้นในใจมนุษย์ เวลานั้นความตายจะพ่ายแพ้ บรรดาบุตรของพระเจ้าจะกลับคืนชีพในพระคริสตเจ้า และสิ่งที่หว่านลงไปซึ่งอ่อนแอและเน่าเปื่อย ก็จะกลับสวมใส่ความไม่เน่าเปื่อย ความรักและผลของความรักจะดำรงอยู่ และสิ่งสร้างทุกอย่างที่พระเป็นเจ้าได้ทรงสร้างมาสำหรับมนุษย์ จะหลุดพ้นจากการทำลายที่ทำให้มนุษย์ตกเป็นทาส
แน่นอน เราได้รับการเตือนว่าไม่เป็นประโยชน์อันใดแก่มนุษย์ที่จะได้จักรวาลเป็นกรรมสิทธิ์ ถ้าหากตนเองจะต้องพินาศ แต่ถึงกระนั้นความหวังที่จะได้แผ่นดินใหม่ไม่ควรจะลดน้อยถอยลง แต่ควรจะกระตุ้นเตือนความห่วงใยของเราที่จะพัฒนาโลกนี้ อันเป็นที่ที่กายมนุษยชาติใหม่กำลังเจริญเติบโต และพอจะทำให้เราเห็นภาพรางๆ ของยุคใหม่ว่าจะเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้น ถึงแม้ต้องระมัดระวังแยกความเจริญในโลกนี้กับการแพร่ขยายพระอาณาจักรของพระคริสตเจ้า ความเจริญนี้ก็มีความสำคัญสำหรับพระอาณาจักรของพระเป็นเจ้ามาก ตามส่วนที่สามารถช่วยจัดระเบียบของสังคมมนุษย์ให้ดีขึ้น
เมื่อเราได้เผยแพร่ผลดีที่เกิดจากธรรมชาติ และความพยายามของเราคือศักดิ์ศรีของมนุษย์ การร่วมสนิทกันฉันพี่น้องและเสรีภาพให้แก่โลก ตามพระบัญชาของพระคริสตเจ้าและโดยอาศัยพระจิตของพระองค์แล้ว เราจะพบสิ่งเหล่านี้อีกในภายหลัง แต่ทว่าในสภาพหมดจดไม่มีตำหนิใดๆ เปล่งปลั่งและเปลี่ยนรูปไป เมื่อพระคริสตเจ้าจะทรงมอบอาณาจักรนิรันดรและสากลแด่พระบิดา เป็นอาณาจักรแห่งความจริงและชีวิต เป็นอาณาจักรแห่งความศักดิ์สิทธิ์และพระหรรษทาน เป็นอาณาจักรแห่งความยุติธรรม ความรักและสันติสุข” อาณาจักรดังกล่าวปรากฏอยู่ในโลกนี้แล้วอย่างเร้นลับ และจะบรรลุถึงความดีครบครัน เมื่อพระคริสตเจ้าเสด็จกลับมา…
“เราคือใคร…และเราเป็นอะไร…”
พระเยซูเจ้าทรงตรัสถามบรรดาอัครสาวกว่า
“ท่านล่ะคิดว่าเราเป็นใคร” (มธ. 16:15)
เปโตรทูลตอบว่า
“พระองค์คือพระคริสตเจ้า บุตรพระเจ้าผู้ทรงชีวิต”(มธ. 16:16)
คำตอบของเปโตรคงช่วยให้พระเยซูเจ้าใจชื้นขึ้นเป็นกอง เพราะอย่างน้อยก็ยังมีคนหนึ่งที่รับรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นใครและทรงเป็นอะไร แต่จะดีกว่านั้นถ้าพวกเราคริสตชนมาช่วยกันให้พระเยซูเจ้าชื่นใจด้วยการรู้จักพระองค์
ดังนั้น… ถ้าจะถามว่าพระองค์ คือใคร? คำตอบก็คือ
คำว่า “พระคริสตเจ้า” เป็นภาษากรีก ส่วน “พระเมสสิยาห์” เป็นภาษาฮีบรู ทั้งสองคำมีความหมายเดียวกันคือ “ผู้ที่ได้รับการเจิม” เพราะฉะนั้น หากจะถามว่าพระเยซูเจ้าเป็นใคร คำตอบแบบเปโตรก็คือ “พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต”
แล้ว…ถ้าจะถามว่าพระองค์ เป็นอะไร? คำตอบก็คือ
“ผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมไว้ให้เป็นกษัตริย์
เพื่อกอบกู้มวลมนุษย์ให้รอดพ้นจากความตายฝ่ายวิญญาณ”
การรู้จักพระองค์จากการฟัง การเรียน การอ่านนั้นจนเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพระคัมภีร์ เทววิทยาหรือคำสอน แต่ตราบใดที่เราไม่สามารถค้นพบและรู้จักพระองค์ด้วยตัวของเราเอง ตราบนั้นความรู้ที่ร่ำเรียนมาย่อมเป็นเพียงความรู้ที่ช่วยให้เรา “รู้เกี่ยวกับ” พระเยซูเจ้า… แต่ยังไม่ “รู้จัก” พระองค์!
และเมื่อเวลาที่พระองค์ตรัสถามเราว่า “ท่านล่ะคิดว่าเราเป็นใคร” เราต้องตอบด้วยตัวของเราเองให้ได้ โดยการที่เราฟังพระเยซูผ่านการอ่านพระคัมภีร์ทุกวันอย่างมีสมาธิ พูดคุยกับพระเยซูผ่านการสวดภาวนาประจำวันเป็นส่วนตัวจะดียิ่งขึ้นเมื่อสวดร่วมกันและท้ายสุดคือ จุ่มตัวร่วมมิสซาพร้อม ด้วยการต้อนรับพระองค์ในศีลมหาสนิทและดำเนินชีวิตที่เป็นแบบอย่างที่พระองค์ทรงสอน…