บทอ่านจากบทเทศน์เรื่องชุมพาบาล โดยนักบุญออกัสติน พระสังฆราช
คริสตชนที่อ่อนแอ
“ท่านไม่ได้ให้กำลังใจผู้อ่อนแอ” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส พระองค์ตรัสถึงชุมพาบาลชั่ว ชุมพาบาลจอมปลอม ชุมพาบาลที่แสวงหาผลประโยชน์ของตัวเอง ไม่ใช่ผลประโยชน์ของพระคริสตเจ้า เขาเสวยสุขกับน้ำนมที่อุดมบริบูรณ์และขนแกะ แต่ไม่เคยเอาใจใส่ฝูงชุมพาเลย ไม่สนใจรักษาฝูงชุมพาที่เจ็บป่วย ข้าพเจ้าคิดว่ามีความแตกต่างกันระหว่างอ่อนแอและเจ็บป่วย แม้บ่อยครั้งเราพูดว่าผู้อ่อนแอทนทุกข์ทรมานจากความเจ็บป่วย
พี่น้องที่รัก การที่ข้าพเจ้าทำการแยกแยะดังนี้ ข้าพเจ้าคิดว่าดีกว่าและแจ่มแจ้งกว่า ถ้ามีบางท่านที่มีประสบการณ์และรอบรู้มากอาจทำได้เช่นเดียวกัน แต่เมื่อเกี่ยวกับพระวาจาในพระคัมภีร์ การพูดถึงสิ่งที่ข้าพเจ้าคิดนี้คงไม่ทำให้ท่านขาดผลประโยชน์ สำหรับชุมพาที่อ่อนแอนั้น เป็นที่น่ากลัวว่าเมื่อถูกประจญเขาจะพ่ายแพ้ ส่วนชุมพาที่เจ็บป่วยนั้น เขาไม่สบายอยู่แล้วเพราะมีความปรารถนาที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นอุปสรรคขัดขวาง มิให้เขาเข้าในหนทางของพระเจ้าและรับแอกของพระคริสตเจ้า
มีบางคนต้องการที่จะเจริญชีวิตอย่างดีและตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว แต่เขาไม่สามารถรับทนความทุกข์ยากต่างๆ ทั้งๆ ที่เขาเตรียมพร้อมที่จะทำความดีแล้ว คริสตชนต้องมีกำลังเข้มแข็ง ไม่ใช่เพื่อทำกิจการดีเท่านั้น แต่ยังต้องมีความกล้าหาญที่จะสู้ทนความชั่วร้ายด้วย คนอ่อนแอคือคนที่ปรากฏว่าเป็นคนใจร้อนรนในการทำกิจการดี แต่ไม่พอใจหรือไม่สามารถทนความทุกข์ยากที่น่ากลัว คนรักโลกซึ่งถอยหนีจากการทำดี โดยมีความปรารถนาที่ไม่ดีก็เท่ากับนอนป่วยและเซื่องซึม ด้วยการป่วยเช่นนี้ทำให้เขาหมดพละกำลังที่จะทำกิจการดี
คนง่อยก็มีอาการเช่นนี้ เมื่อคนหามไม่สามารถนำเขาไปหาพระเยซูเจ้า เขาจึงเปิดหลังคา และหย่อนคนง่อยลงแทบพระบาทของพระองค์ บางทีท่านอยากทำเช่นนี้ คือเปิดหลังคาและหย่อนคนง่อยลงแทบพระบาทของพระคริสตเจ้า ขาแข้งของเขา ปราศจากชีวิต วิญญาณว่างเปล่าด้วยกิจการดี หนักอึ้งด้วยบาป อ่อนแอเพราะความเจ็บไข้อันเกิดจากความปรารถนาที่ไม่ดี เพราะขาแข้งของเขาช่วยตัวเองไม่ได้ เขาเป็นอัมพาตภายใน และไม่สามารถไปหานายแพทย์ แต่บางทีนายแพทย์เองซ่อนอยู่ข้างใน เพราะความเข้าใจพระคัมภีร์อย่างแท้จริงถูกปิดซ่อนอยู่ ฉะนั้น จงแสดงสิ่งที่ถูกซ่อนอยู่ก่อน แล้วท่านจึงจะเปิดหลังคาและหย่อนคนง่อยลงแทบพระบาทพระคริสตเจ้า
สำหรับผู้ที่ไม่ได้ปฏิบัติเช่นนี้ และผู้ที่เลินเล่อ ท่านได้ฟังแล้วว่า พระเจ้าตรัสว่าอย่างไร “ท่านไม่รักษาผู้เจ็บป่วย ไม่พันแผลผู้ถูกทำร้าย” เราได้กล่าวถึงเรื่องนี้มาแล้ว มนุษย์ถูกทำร้าย ด้วยการประจญอย่างน่าหวาดเสียว แต่ก็มีความบรรเทาอยู่พร้อมแล้ว คือการรักษาบาดแผลของผู้ที่ถูกทำร้าย “พระเป็นเจ้าทรงซื่อสัตย์ พระองค์ไม่ทรงอนุญาตให้ท่านถูกประจญเกินกำลังของท่าน แต่แม้ว่าทรงอนุญาตให้มีการประจญ พระองค์ก็ยังทรงจัดให้มีทางหนีทีไล่ คือให้สามารถต้านทานได้”
วันนี้ นักบุญมัทธิวพาเราเข้าไปเรียนรู้พระอาณาจักรสวรรค์ ที่ซึ่งถูกจำลองในภาพของสวนองุ่นแห่งหนึ่ง มีผู้คนที่ถูกเชิญให้เข้าไปทำงานด้วยค่าจ้าง 1 เหรียญ ตามที่ตกลงกับพ่อบ้านไว้ในตอนเช้าตรู่ รวมไปถึงผู้คนที่อยู่ตามลานสาธารณะโดยไม่ได้ทำงานและในเวลาสามโมงเช้า ด้วยคำเชิญที่ว่า “จงไปทำงานในสวนองุ่นของฉันเถิด ฉันจะให้ค่าจ้างตามสมควร” และผู้คนที่พ่อบ้านพบในเวลาเที่ยงวัน บ่ายสามโมง และสุดท้ายในเวลาห้าโมงเย็น ด้วยคำเชิญชวนหลังจากตั้งคำถามกับผู้คนที่ไม่ได้ทำงานว่า “ทำไม ท่านยืนอยู่ที่นี่ทั้งวัน โดยไม่ทำอะไร” อาณาจักรสวรรค์ เป็นของคนที่ตอบรับคำเชิญชวน และเป็นบุญของผู้ที่ “ไม่มีใครมาจ้าง” เพราะในเวลาค่ำ เมื่อเจ้าของสวนจะต้องจ่ายค่าจ้าง คนกลุ่มสุดท้ายได้กลับกลายเป็นคนกลุ่มแรก และ และได้รับ 1 เหรียญที่เท่ากันเป็นรางวัล
พี่น้องที่รัก บ่อยครั้งที่เรามักจะไม่เข้าใจน้ำพระทัยของพระเจ้าสักเท่าไหร่นัก เพราะธรรมชาติมนุษย์เรามักจะเปรียบเทียบตัวเองกับผู้คนรอบตัวด้วยมุมมองของเรา เหมือนคำบ่นของคนงานในพระวรสารวันนี้ที่ว่า “พวกที่มาสุดท้ายนี้ทำงานเพียงชั่วโมงเดียว ท่านก็ให้ค่าจ้างแก่เขาเท่ากับเรา ซึ่งต้องตรากตรำอยู่กลางแดดตลอดวัน” แต่…พี่น้องครับ และแน่นอน มุมมองของพระเจ้านั้น ช่างแตกต่างจากมนุษย์อย่างเราโดยสิ้นเชิง “เพื่อนเอ๋ย ฉันไม่ได้โกงท่านเลย ท่านไม่ได้ตกลงกับฉันคนละ 1 เหรียญหรือ จงเอาค่าจ้างของท่านไปเถิด ฉันอยากให้คนที่มาสุดท้ายนี้เท่ากับให้ท่าน ฉันไม่มีสิทธิ์ใช้เงินของฉันตามที่ฉันพอใจหรือ ท่านอิจฉาริษยา เพราะฉันใจดีหรือ” เช่นเดียวกับสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสในหนังสือประกาศกอิสยาห์ว่า “สวรรค์อยู่สูงกว่าแผ่นดินฉันใด ทางของเราก็อยู่สูงกว่าทางของท่าน และความคิดของเราก็อยู่เหนือความคิดของท่านฉันนั้น”
พี่น้องที่รัก “อย่าคิดว่าคนอื่นผิด เพียงเพราะคิดว่าเราถูก” คนเรามีมุมมองที่แตกต่างกัน เป็นเพราะเรามักจะตีความสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า ความเชื่อ อารมณ์ความรู้สึก ทัศนคติ ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น รวมไปถึงพื้นฐานชีวิตที่ได้รับมาจากการเลี้ยงดู และประสบการณ์เดิมที่เคยมีในเรื่องที่คล้ายคลึงแตกต่างกัน ต่างคน ต่างมุมมอง สิ่งที่แต่ละคนเห็นจึงแตกต่างกัน คนงานกลุ่มแรกในพระวรสารวันนี้ มองความยุติธรรมจากเนื้องาน ระยะเวลาที่ลงแรง ความมากน้อยของความเหนื่อยยากจากปัจจัยที่เป็นอุปสรรค เทียบกับคนที่มาที่หลังซึ่งทำงานในรูปแบบเดียวกัน แต่ระยะเวลาสั้นกว่า เนื้องานที่ทำก็ได้น้อยกว่า เหนื่อยน้อยกว่า ลำบากน้อยกว่า จนลืมไปว่า 1 เหรียญ คือ ค่าจ้างที่ตกลงกันกับพ่อบ้าน ซึ่งเจ้าของสวนก็ได้จ่ายให้ครบจามจำนวน เพียงแค่ว่า จ่ายให้คนที่มาทีหลังเท่ากันกับพวกเขาเท่านั้น คนกลุ่มแรกรู้สึกผิดหวังเพราะ “เขาคิดว่าตนจะได้รับมากกว่านั้น” พวกเขาจึงบ่นว่า เพราะรู้สึกไม่พอใจ บ่อยครั้งที่เราแต่ละคนก็เป็นเช่นเดียวกับคนกลุ่มแรกที่รู้สึกผิดหวังกับสิ่งที่ได้รับ ต่อว่าพระเจ้าที่พระองค์ไม่ยุติธรรม ใจดีไม่เท่ากัน
พี่น้อง ความใจดีจากพระเจ้า เป็นของประทานให้เปล่า พระองค์มีสิทธิ์ที่จะ “ใช้เงินของฉันตามที่ฉันพอใจ” หรือที่เราโกรธเป็นเพราะ “ท่านอิจฉาริษยา เพราะฉันใจดีหรือ” ถ้อยพระวาจาวันนี้ เตือนใจเรา ให้ขอบคุณพระเจ้ามากกว่าจะโกรธ หากความใจดีเป็นของประทานให้เปล่าแล้วนั้น 1 เหรียญ ก็ย่อมมีค่าเหลือเกินสำหรับผู้ที่ได้รับ แม้อาจจะดูเหมือนว่าเราลงแรงมากกว่า เมื่อเทียบกับเพื่อนพี่น้องที่ลงแรงน้อยกว่าแต่ได้รับเท่ากัน จงเพ่งมองที่องค์พระผู้เป็นเจ้า รับพระหรรษทานจากพระเจ้าด้วยใจกตัญญูใน 1 เหรียญที่เราได้รับ เพื่อนพี่น้องของเราที่ได้รับมากกว่า อาจจะต้องการมากกว่า และที่เราได้รับเท่ากับเขาอาจจะดูเหมือนกว่า แต่เพราะพระเจ้าทรงทราบดีว่าเท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับเรา อย่าอิจฉาเลยที่พี่น้องของเราจะได้รับเท่ากัน หรือมากกว่าเรา หากสิ่งที่เขาได้รับช่วยต่อชีวิตของเขาให้อยู่รอดได้ยาวขึ้นอีกได้ จงดีใจกับเขาเถิด
ที่สุด จงประพฤติตนให้คู่ควรกับข่าวดีของพระคริสตเจ้า เปิดตาใจของเราให้กว้าง เพื่อจะได้รู้จักขอบคุณด้วยใจกตัญญูรู้คุณในของประทานที่ได้รับ และแสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้าเมื่อพระองค์ทรงยอมให้เราพบ จงทูลขอพระองค์ให้เปิดใจ หล่อหลอมความคิดของเราใหม่ ให้ละม้ายคล้ายคลึงกับพระองค์มากขึ้น และให้ทางของเราเชื่อมต่อไปถึงทางของพระองค์จนกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน
ขอพระเจ้าทรงอวยพระพร…