บทอ่านจากคำบรรยายเพลงสดุดี โดยนักบุญออกัสติน พระสังฆราช
ในพระคริสตเจ้าเราถูกประจญและในพระองค์เราได้ชนะมาร
“ข้าแต่พระเจ้า โปรดสดับฟังคำวิงวอนของข้าพเจ้า โปรดสดับฟังคำภาวนาของข้าพเจ้า” ใครเป็นคนพูด? ดูเหมือนเป็นคนคนเดียว ดูซิ เป็นคนคนเดียวจริงหรือ “ข้าพเจ้าร้องหาพระองค์จากสุดแดนแผ่นดิน ในขณะที่หัวใจของข้าพเจ้าปวดร้าว” เดี๋ยวนี้เห็นแล้วว่าไม่ใช่คนคนเดียว แต่ที่ถูกต้องมากกว่า คือเป็นคนคนเดียวในใจความที่ว่าพระคริสตเจ้าทรงเป็นหนึ่ง และเราทุกคนเป็นส่วนอวัยวะของพระองค์ คนคนเดียวจะร้องจากสุดแดนแผ่นดินได้อย่างไร? คนเดียวที่ร้องจากสุดแดนแผ่นดินได้ก็คือ ผู้ที่เป็นทายาทร่วมกับพระบุตร มีคำกล่าวถึงพระองค์ว่า “จงขอจากเรา และเราจะประทานนานาชาติให้เป็นมรดกแก่ท่าน และสุดแดนแผ่นดินจะเป็นกรรมสิทธิ์ของท่าน” กรรมสิทธิ์ของพระคริสตเจ้า ทายาทของพระคริสตเจ้า พระวรกายของพระคริสตเจ้า พระศาสนจักรหนึ่งเดียวของพระคริสตเจ้า ความเป็นหนึ่งเดียวที่เราเป็นอยู่ ร้องจากสุดแดนแผ่นดิน ร้องว่าอะไร? ร้องตามที่ข้าพเจ้ากล่าวไว้แต่ต้น “ข้าแต่พระเจ้าโปรดสดับฟังคำวิงวอนของข้าพเจ้า โปรดสดับฟังคำภาวนาของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าร้องหาพระองค์จากสุดปลายแผ่นดิน” ที่ข้าพเจ้าร้องหาพระองค์ “จากสุดแดนแผ่นดิน” ก็คือจากทั่วทุกทิศ
ทำไมข้าพเจ้าจึงได้ส่งเสียงร้องนี้? “ในขณะที่หัวใจข้าพเจ้าปวดร้าว” ผู้พูดแสดงว่า เขาอยู่ท่ามกลางนานาชาติ บนแผ่นดินในสภาพที่ไม่ได้รับการยกย่อง แต่ได้รับความลำบากแสนสาหัส
การเดินทางของเราในโลกจะปราศจากความลำบากไม่ได้ เราจะเจริญก้าวหน้าก็โดยความลำบาก ไม่มีใครรู้จักตัวเองนอกจากโดยผ่านความลำบาก และไม่มีใครสมควรได้รับมงกุฎนอกจากได้รับชัยชนะแล้ว หรืออย่างน้อยได้พยายามต่อสู้ศัตรูและการประจญต่างๆ
พระองค์ทรงทำให้เราเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงยอมให้มารประจญ เราได้ทราบจากพระวรสารแล้วว่า พระเยซูคริสตเจ้าทรงถูกมารประจญในถิ่นกันดาร แน่นอนว่าพระองค์ทรงถูกมารประจญ ในพระคริสตเจ้า ท่านก็ถูกมารประจญด้วย เพราะพระคริสตเจ้าได้ทรงรับเอาร่างกายเหมือนธรรมชาติของท่าน แต่ด้วยอำนาจของพระองค์เอง พระองค์ได้ทรงพิชิตความรอดสำหรับท่าน พระองค์ทรงรับความตายในธรรมชาติของท่าน และด้วยอำนาจของพระองค์เอง พระองค์ทรงพิชิตชีวิตเพื่อท่าน พระองค์ทรงรับการสบประมาทในธรรมชาติของท่าน แต่ด้วยฤทธิ์อำนาจพระองค์เอง พระองค์ทรงรับเกียรติมงคลเพื่อท่าน เพราะฉะนั้น พระองค์ทรงถูกประจญในธรรมชาติของท่าน แต่ด้วยอำนาจของพระองค์เอง พระองค์ก็ทรงพิชิตชัยชนะเพื่อท่าน
ถ้าเราถูกประจญในพระคริสตเจ้า เราก็ชนะมารในพระองค์ ท่านคิดถึงแต่การถูกประจญของพระคริสตเจ้า โดยไม่คิดถึงชัยชนะของพระองค์เลยหรือ? จงมองดูตัวท่านเองเมื่อถูกประจญ และท่านจะเห็นว่าตัวท่านกำลังได้รับชัยชนะในพระองค์ เมื่อมารมาประจญ พระองค์ก็ได้ทรงขับไล่มัน แต่ถ้าพระองค์มิได้ทรงถูกประจญ พระองค์ไม่อาจสอนเราให้รู้จักเอาชนะการประจญได้.
พระจิตเจ้าทรงดลให้พระเยซูเจ้าเสด็จเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร ทรงอยู่กับสัตว์ป่า มีบรรดาทูตสวรรค์มาปรนนิบัติรับใช้ ทรงประทับอยู่ที่นั่นสี่สิบวัน ถูกซาตานประจญ ตามคำบอกเล่าของนักบุญมาระโก เล่าไว้สั้นๆ เพียงเท่านี้ แต่พ่อก็เชื่อว่า เราแต่ละคนคงเคยได้ยินเรื่องราวขององค์พระเยซูเจ้าที่ถูกประจญเป็นเวลาสี่สิบวันในถิ่นทุรกันดารจากผู้เขียนท่านอื่นและหากพอจะจดจำรายละเอียดได้ ก็คงจะนึกออกว่า พระเยซูเจ้าทรงถูกประจญ หรือ ถูกทดลอง ทดสอบจิตใจ ในเรื่องสำคัญๆ อันเกี่ยวข้องกับเรื่องพื้นฐานของการดำรงชีวิตของมนุษย์ในแง่มุมต่างๆ ที่เรามนุษย์ทุกคนก็มักจะถูกประจญด้วย
และเมื่อพระองค์ผู้ทรงรับสภาพเป็นมนุษย์ดุจเรา ยังสามารถผ่านพ้นการทดลองได้ เราก็ย่อมทำได้ด้วยเช่นเดียวกัน
ความหิว เป็นเรื่องตามธรรมชาติของมนุษย์ฝ่ายร่างกาย ซาตานใช้ความหิวโหยของร่างกาย เป็นตัวกระตุ้นจิตใจให้เกิดความอยาก พี่น้อง ความอยากประเภทนี้ เป็นเรื่องปากท้อง เรื่องความจำเป็น ซึ่งหากเราหาอาหาร น้ำ ประทังร่างกาย ให้การดูแลอย่างพอเหมาะพอควร ร่างกายอิ่ม ความหิวโหย และความอยากก็หายไป แต่ถึงกระนั้น ซาตานก็ยังใช้ความหิวโหยของร่างกาย เป็นตัวกระตุ้นจิตใจ ให้เกิดความอยาก เพราะมันเชื่อว่า มนุษย์มีความอยากที่ไม่มีวันสิ้นสุด มีแนวโน้มมีจะขาดความยับยั้งชั่งใจ เพราะมักจะแสวงหา สิ่งที่เรียกว่า “ความสุข” ในเรื่องภายนอกมากกว่าเรื่องภายใจ โดยเฉพาะจากการกิน ดื่ม จนเกินความจำเป็น เพียงเพราะต้องการเติมเต็มความสุข แต่สำหรับพระเยซูเจ้า พระองค์ทรงทำให้เรามั่นใจได้ว่า แม้ว่ามนุษย์จะมีความอยากที่ไม่มีวันสิ้นสุด แต่มนุษย์สามารถยับยั้งใจตัวเองได้ เมื่อมีสติอยู่ทุกขณะ เราก็จะสามารถเอาชนะกลลวงของซาตานได้ และทรงทำให้เราเห็นเป็นแบบอย่างแล้ว
นอกจากเรื่องฝ่ายกาย อำนาจ การครอบครองสรรพสิ่ง และความอยากเป็นใหญ่ เป็นอีกหนึ่งกลลวง ที่ซาตานใช้กระตุ้นเพื่อให้มนุษย์ “อยากได้ อยากมี” เป็นความอยากที่เกิดขึ้นจากส่วนลึกของจิตใจ ที่ซาตานรู้ดีว่ามนุษย์มีความอยากชนิดนี้หลบซ่อนอยู่
พี่น้องครับ ความอยากของมนุษย์ ไม่ว่าจะฝ่ายกาย หรือจิตใจ เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ความรู้สึก ความต้องการภายในของเรา ซาตานรู้ว่าเรามนุษย์อ่อนแอจริงๆ ในเรื่องเหล่านี้ จึงล่อลวงให้ใจอยาก เพื่อกำหนดพฤติกรรมของตัวเองให้แสวงหา ให้อยากได้ อยากมี แต่หากเราใช้ประโยชน์ จากความอ่อนแอให้บำเพ็ญประโยชน์ล่ะ…
จงใช้ความอยากได้ อยากมี กับเรื่องของจิตวิญญาณเถิด จงหิวโหยพระอาณาจักรสวรรค์ จงอยากได้ อยากมี พระเจ้าผู้ปกครองชีวิต ให้พระองค์ทรงนำทาง ปกป้อง และคุ้มครองชีวิตกายจิตของเรา
จงอยากได้อยากมีอาหารฝ่ายจิต หล่อเลี้ยงวิญญาณไม่ให้ลุ่มหลงกับอำนาจฝ่ายต่ำ
จงอยากได้ อยากมี คุณธรรม ความดีงาม และสติ เพื่อจะได้ประคองชีวิตของตนไปในทางธรรม เพราะสิ่งเหล่านี้ โลกไม่สามารถให้เราอิ่มหนำได้ และ โลกไม่สามารถหาสิ่งใดทดแทนพระเจ้าได้ มีเพียงการยับยั้งชั่งใจ ที่เราจะชนะการทดลองทั้งหมด และ สติ อันเกิดจากการฝึกฝนเท่านั้น ที้ทำให้เรามีที่ว่างในใจให้พระเจ้าทรงครอบครองชีวิตตลอดไป.