สัปดาห์ที่แล้ว ในระหว่างมิสซาสาย ได้มีพิธีเลือกสรรผู้สมัครเป็นคริสตชน เป็นขั้นตอนหนึ่งของการก้าวเดินเข้าสู่การเป็นคริสตชน สำหรับผู้ที่เป็นผู้ใหญ่ ซึ่งมีช่วงเวลาเรียนคำสอน เรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับพระเจ้า มีความเชื่อ มีความตั้งใจที่จะยอมรับ มีความเชื่อมั่นในองค์พระผู้เป็นเจ้า ย้อนกลับไปเมื่อเริ่มต้นเทศกาลเตรียมรับเสด็จฯ ก็มีพิธีต้อนรับผู้สมัครฯ มาจนถึงวันนี้ พวกเขาพร้อมที่จะติดตามและอุทิศตัวเป็นศิษย์ของพระเจ้าและเป็นสมาชิกของพระศาสนจักร รูปแบบการสอนคำสอนและการโปรดศีลล้างบาปของผู้ใหญ่ จะมีหลายขั้นตอนต่างจากการล้างบาปให้กับเด็กทารก ซึ่งจะทำทุกขั้นตอนจบทันทีในขณะพิธีโปรดศีลล้างบาป แต่สำหรับผู้ใหญ่ แต่ละขั้นตอนจะมีช่วงเวลาเพื่อไตร่ตรอง ต่อจากนี้ไป ก็จะเป็นช่วงที่เรียกว่าการพิจารณาความตั้งใจ ก่อนที่จะเข้าสู่วันที่จะรับศีลล้างบาป ซึ่งจะกระทำในคืนวันสมโภชปัสกา ในวันนั้นจะมีพิธีเสกน้ำล้างบาป การเทน้ำล้างบาปบนศีรษะ เขาจะได้รับการชำระล้าง ซึ่งเป็นส่วนที่มีความสำคัญ เป็นเครื่องหมายของการเกิดใหม่เป็นบุตรของพระเจ้า
ช่วงเทศกาลมหาพรต นอกจากเตรียมตัวของผู้สมัครที่จะเป็นคริสตชนแล้ว ก็ยังเป็นเวลาที่พระศาสนจักรเชิญชวนคริสตชนทุกคน ให้คิดถึงศีลล้างบาปของตนเองด้วย ผ่านทางศีลฯนี้เราทุกคนได้รับสถานะเป็นลูกของพระเจ้า ในช่วงนี้เองที่ผู้เตรียมเป็นคริสตชนจะได้พิจารณาความตั้งใจ เพื่อพวกเขาจะได้ตระหนักและมีความตั้งใจอย่างเข้มแข็งก่อนจะเข้าสู่ช่วงสุดท้ายก็คือการรับการล้างบาป ในเวลาเดียวกันก็เป็นช่วงเวลาที่คริสตชนทุกคน จะได้ตระหนักและเข้าใจถึงความหมายและความสำคัญของศีลล้างบาปด้วย ขณะที่ผู้สมัครฯได้พิจารณาความตั้งใจ ก็ควรจะเป็นเวลาของเราทุกคนที่รับศีลล้างบาปแล้ว ได้พิจารณาความตั้งใจของตนเองเช่นเดียวกัน ว่าเรายังคงเชื่อมั่นในองค์พระผู้เป็นเจ้า ยังคงมีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะติดตามพระเจ้าอย่างมั่นคงอยู่เสมอ
ช่วงเทศกาลมหาพรตปีนี้ เหตุการณ์เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับพระเยซูเจ้าที่เราจะได้ฟังเมื่อมาร่วมพิธีมิสซาในวันอาทิตย์ พระองค์กำลังจะเสด็จมุ่งหน้าสู่กรุงเยรูซาเล็ม พระองค์ตั้งใจเสด็จเข้าไปที่นั่นเพื่อจะฉลองปัสกา แต่มีความหมายมากกว่าปัสกาทุกปี นั่นก็คือ ปัสกาที่หมายถึงชีวิตของพระองค์เองที่จะต้องสิ้นพระชนม์และกลับคืนพระชนมชีพ เรื่องราวพระวรสารสัปดาห์นี้ พระเยซูเจ้าทรงพาศิษย์ 3 คนขึ้นไปบนภูเขาสูง ทรงเปิดเผยให้พวกเขาได้เห็นสิริรุ่งโรจน์ที่พระองค์จะได้รับ แต่ก็เป็นช่วงสั้นๆจากนั้นก็มีเสียงจากเมฆว่า “ผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเรา จงฟังท่านเถิด” และในขณะที่เดินกลับลงมา พระองค์บอกกับบรรดาศิษย์ว่าพระองค์จะไปกรุงเยรูซาเล็ม และยังบอกกับพวกเขาด้วยว่าพระองค์จะสิ้นพระชนม์และกลับคืนชีพจากความตาย เป็นเรื่องราวที่ต้องการบอกกับเราทุกคนเช่นเดียวกัน
เหตุการณ์ที่เปโตรกับเพื่อนสาวกได้ประสบในช่วงเวลาสั้นๆ เป็นความสุข ความประทับใจที่อยากจะให้พระเยซูเจ้าอยู่ที่นั่นตลอดไป เขาเสนอว่าจะสร้างเพิงที่พักขึ้น 3 หลัง สำหรับพระเยซูเจ้าหลังหนึ่ง โมเสสหลังหนึ่งและเอลียาห์หลังหนึ่ง พระเยซูเจ้าไม่ได้ให้คำตอบ แต่ทรงพาพวกเขามุ่งหน้าไปยังกรุงเยรูซาเล็ม พวกเราเข้าใจได้ว่าพระเยซูเจ้าทรงทำให้บรรดาสาวกมองเห็นเรื่องราวในอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร เราไม่ได้อยู่ในโลกนี้ตลอดไป ไม่ต้องคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะมั่นคงถาวร เพราะเป้าหมายปลายทางของทุกคนไม่ได้อยู่ในโลกนี้ มหาพรตจนถึงปัสกา เป็นการฉลองต่อเนื่องจะไม่มีปัสกาหากไม่มีมหาพรต และมหาพรตก็จะไปสิ้นสุดที่ปัสกา
การติดตามพระเยซูเจ้าเข้าไปยังกรุงเยรูซาเล็ม เชิญชวนให้พวกเราได้สวดภาวนามากขึ้น ให้ลงมือปฏิบัติและจริงจังในเรื่องการบังคับจิตใจ ร่างกาย เพื่อเป็นกิจใช้โทษบาป การคิดถึงคนอื่นด้วยการอดออมและแบ่งปันช่วยเหลือ.
สวัสดี…พ่ออดิศักดิ์