เทศกาลมหาพรตเริ่มขึ้นแล้ว เพื่อให้พวกเราเตรียมจิตใจร่วมสมโภชปัสกาของพระเยซูคริสตเจ้า วันสมโภชปัสกาปีนี้ จะตรงกับวันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม พระศาสนจักรกำหนดให้มีเวลา 40 วัน เพื่อเตรียมจิตใจ เราเรียกเวลาในช่วงนี้ว่า มหาพรต ซึ่งหมายความว่าจะเป็นเวลาของการปรับเปลี่ยนชีวิตให้ดีกว่าเดิมและปฏิบัติอย่างจริงจัง จิตตารมณ์ของเทศกาลนี้คือ การทำกิจใช้โทษบาปและการสวดภาวนา ในพระคัมภีร์มีการนำเลข 40 มาใช้หลายครั้งในเหตุการณ์สำคัญต่างๆ พระเจ้าทรงให้มีน้ำท่วมโลกสมัยของโนอาห์ โดยมีฝนตกลงมา 40 วัน 40 คืน เพื่อเป็นการชำระและเริ่มต้นใหม่ การเดินทางของชาวอิสราเอลโดยการนำของโมเสสในถิ่นทุรกันดาร ก่อนที่พวกเขาจะเข้าสู่ดินแดนที่พระเจ้าส่งสัญญาไว้ ก็ใช้เวลา 40 ปี เป็นช่วงเวลาของชาวยิวที่ได้มีประสบการณ์กับพระเจ้า ที่ทรงนำทาง เดินอยู่กับพวกเขาและนำเข้าสู่ดินแดนที่ทรงสัญญาไว้ พระเยซูเจ้าเองก็ใช้เวลา 40 วันเพื่ออยู่ใกล้ชิดกับพระเจ้า ก่อนที่พระองค์จะทรงเริ่มภารกิจของพระองค์
เรามองเห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากผ่านเลข 40 ในสมัยของโนอาห์ ก่อนที่เหตุการณ์น้ำท่วมโลกจะเกิดขึ้น โนอาห์ได้เตือนบรรดาผู้คนให้ปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิต แต่พวกเขาไม่สนใจ พระเจ้าทรงให้ฝนตกต่อเนื่องตลอด 40 วันและน้ำก็ท่วม ทำให้ทุกชีวิตจบสิ้นเหลือเพียงครอบครัวของโนอาห์ พระเจ้าทรงเริ่มสิ่งต่างๆขึ้นใหม่จากครอบครัวของโนอาห์ ในสมัยของโมเสส เมื่อพระเจ้าให้ท่านพาชาวอิสราเอลเดินทางออกจากประเทศอียิปต์ ช่วยให้พวกเขาหลุดพ้นจากการเป็นทาส และกลับมาสู่อิสรภาพ โมเสส ใช้เวลา 40 ปีนำพาชาวอิสราแอล เดินทางในทะเลทราย ตลอดเวลานั้นเองก็ได้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย บรรดาชาวยิวได้เรียนรู้ความขัดสนยากลำบากที่เกิดกับชีวิต การเดินทางพักแรมในที่ที่ไม่มีความสะดวกสบาย การขาดอาหารและน้ำดื่ม การถูกศัตรูรังแกและโจมตี แต่ในความลำบากของพวกเขา พระเจ้าทรงประทับอยู่และให้ความช่วยเหลือเสมอ ในที่สุดหลังจากผ่าน 40 ปี พระเจ้าก็พาพวกเขาเดินเข้าสู่ดินแดนที่ได้ทรงสัญญาไว้กับบรรพบุรุษ
พระเยซูเจ้าทรงใช้เวลาเพื่อมหาพรตของพระองค์เป็นเวลา 40 วันก่อนเริ่มภารกิจ 40 วันที่พระองค์ทรงอยู่ในที่เปลี่ยว ทรงสวดภาวนาและอดอาหาร ในช่วงเวลาที่ดูเหมือนร่างกายอ่อนแอ พระองค์ถูกปีศาจล่อลวง ท้าทาย แต่พระองค์ทรงมีจิตใจเข้มแข็ง ทรงขับไล่ปีศาจและมันทำอะไรพระองค์ไม่ได้
ทุกปีพวกเราก็จะมีช่วงเวลามหาพรต 40 วัน เพื่อการเตรียมตัวก่อนสมโภชปัสกา ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา ในวันนั้นได้มีพิธีเสกและโรยเถ้า ซึ่งถือเป็นเครื่องหมายการเริ่มเทศกาลมหาพรต ในสมัยก่อนการแสดงออกเพื่อการกลับใจ ก็จะมีการนำผ้ากระสอบมาสวม เอาฝุ่นดินโรยศีรษะ ผ้ากระสอบทำให้เกิดการระคายเคือง ผู้ที่สวมใส่ไม่สะดวกสบาย ไม่สวยงาม การโรยฝุ่นดินบนศีรษะก็ให้ความรู้สึกเช่นเดียวกัน ประกาศกโยเอลได้เตือนว่า การเป็นทุกข์กลับใจ ไม่ใช่เพียงการฉีกเสื้อผ้า การสวมผ้ากระสอบและโรยเถ้าเท่านั้น ส่วนสำคัญอยู่ที่ภายในจิตใจ ท่านเรียกร้องให้ฉีกใจ ต้องเป็นความสำนึกและเสียใจอย่างแท้จริงที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิต
พระศาสนจักรกำหนดเวลาเพื่อจะเข้าสู่ช่วงมหาพรต ไม่ได้เรียกร้องให้สวมผ้ากระสอบ ไม่เรียกร้องให้ทำตัวเศร้าหมอง แต่ให้ยินดีเบิกบาน การสวดภาวนามากขึ้นเป็นความปรารถนาและตั้งใจที่จะสวดอย่างมีความสุข ไม่ใช่รู้สึกต้องทรมานเมื่อต้องสวดภาวนามากขึ้น เมื่อทำทานหรือช่วยเหลือคนอื่น ให้ตั้งใจทำ ทำอย่างเงียบๆ ไม่ต้องบอกให้ใครรู้ พระเยซูเจ้าสอนว่า “ทำทานมือขวา อย่าให้มือซ้ายรู้” การแสดงความเอื้อเฟื้อช่วยเหลือกันและกัน การรู้จักอดทนต่อกัน กิจการเหล่านี้เป็นไปด้วยความเต็มใจ การทำพลีกรรมเพื่อใช้โทษบาป ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญ ตั้งใจปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างที่เคยปฏิบัติ ความคิด การกระทำและคำพูด การอดออมเพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้อื่น และการสวดภาวนา คือสิ่งที่เชิญชวนพวกเราทุกคนปฏิบัติในเทศกาลมหาพรตนี้.
สวัสดี…อดิศักดิ์