วันนี้ เราเฉลิมฉลองพระเยซูเจ้าทรงลาเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็ม โดยมีประชาชนชูกิ่งไม้โห่ร้องต้อนรับด้วยความชื่นชมยินดี นี่คือไฮไลท์ของ
วันที่เราเรียกกันอย่างคุ้นหูกันว่า “วันแห่ใบลาน” พระศาสนจักรนำเสนอเรื่องราวพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้า กับเรื่องราวเด่นๆ ที่น่ารำพึงไตร่ตรองกับชีวิตของบุคคลสามคน เพื่อนำเราทึกคนให้เข้าสู่ช่วงเวลาในสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์อย่างมีความหมายมากขึ้น
เรื่องราวของคนแรก
“คนทำดี ถูกตำหนิ”
หญิงสาว กับน้ำมันหอมสมุนไพรบริสุทธิ์ ราคาแพง นางทุบขวดหินขาวแตก และเทน้ำมันหอมลงบนพระเศียรของพระองค์ เหตุการณ์นี้ทำให้บางคนบ่นว่านาง พูดกันอย่างไม่พอใจว่า“ทำไมจึงทำให้น้ำมันหอมเสียไปเปล่าๆ น้ำมันหอมนี้อาจจะขายได้เงินมากกว่าสามร้อยเหรียญ แล้วเอาเงินไปให้คนยากจน”
พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “ปล่อยนางเถิด ทำให้นางยุ่งยากใจทำไม นางได้ทำกิจการดีต่อเรา ท่านจะมีคนยากจนอยู่กับท่านเสมอ ท่านจะทำดีต่อเขาเมื่อไรก็ได้ แต่ท่านจะไม่มีเราอยู่กับท่านเสมอไป นางได้ทำสิ่งที่นางทำได้แล้ว นางชโลมกายของเราล่วงหน้าก่อนจะถึงเวลาฝังศพ”
บ่อยครั้งที่เหตุการ์ณต่างๆ ในชีวิตของเรายืนยันกับเราว่า คนเรามักมองต่างมุมกันเสมอๆ จึงไม่แปลก ที่หญิงคนนี้ จะถูกตำหนิจากผู้คนที่มองต่างและไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่นางทำ แม้แต่นางเองก็ยังให้ค่ากับน้ำหอมบริสุทธิ์ขวดนี้ต่างจากคนอื่นเช่นเดียวกัน หากน้ำมันหอมขวดนี้ขายได้เงินมากกว่าสามร้อยเหรียญ นางกลับเลือกที่จะไม่ขาย แถมทุบจนแตก นั่นเพราะ นางไม่ได้ให้ค่ากับราคา และเงินที่จะได้มาจากการขายของมีค่านี้ แต่ให้ค่ากับพระเศียรของผู้ที่นางนำน้ำมันหอมมาเทชโลมให้ เพื่อเป็นการประกาศว่า เยซูผู้นี้คือผู้ที่มีความหมายมากกว่าเงินทอง และทรงคู่ควรกับสิ่งมีค่าทั้งหลาย
เรื่องราวของคนที่สอง
“คนตัดสินใจผิด คิดใหม่ ตัดสินใจตาย”
ยูดาส อิสคาริโอท หนึ่งในบรรดาอัครสาวกสิบสองคน ไปพบบรรดาหัวหน้าสมณะเพื่อจะมอบพระเยซูเจ้า เมื่อเขาเหล่านั้นได้ยินก็ดีใจและสัญญาจะให้เงินแก่ยูดาส ยูดาสจึงหาโอกาสที่จะมอบพระองค์ …ขณะที่ทุกคนนั่งที่โต๊ะและกินอาหารพร้อมกับพระเยซูเจ้าอยู่นั้น พระองค์
ตรัสว่า “เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า คนหนึ่งในที่นี้จะทรยศต่อเรา คนทรยศกำลังกินอาหารกับเรา” บรรดาอัครสาวกรู้สึกเศร้าใจ ทูลถามพระองค์ทีละคนว่า “ใช่ข้าพเจ้าหรือไม่” พระองค์ตรัสว่า“เป็นคนหนึ่งในสิบสองคนนี้ ที่กำลังจิ้มอาหารในชามเดียวกันกับเรา”… ยูดาสมาถึงพร้อมกับคนจำนวนหนึ่ง ถือดาบและไม้ตะบองเป็นอาวุธ บรรดาหัวหน้าสมณะ ธรรมาจารย์และผู้อาวุโสส่งคนเหล่านี้มา ผู้ทรยศให้สัญญาณกับคนเหล่านี้ว่า “เราจูบผู้ใด ก็เป็นคนนั้นแหละ จงจับกุมเขาไว้แล้วคุมตัวเขาไปอย่างแน่นหนาเถิด” เมื่อยูดาสมาถึง ก็ตรงเข้าไปหาพระองค์ ทูลว่า“พระอาจารย์เจ้าข้า” แล้วจูบพระองค์ คนเหล่านั้นต่างกรูกันเข้ามาจับกุมพระองค์…
ยูดาส ชายผู้ที่ถูกเลือกให้มาใช้ชีวิตอยู่ใกล้ชิด ร่วมเดินทาง กิน ดื่ม แต่กลับทรยศ ด้วยการขาย และจูบ ยอมแลกพระอาจารย์ของตัวเองกับเงินเพียงสามสิบเหรียญ ต่างกับหญิงสาวคนแรกที่หากจะขายอาจได้มากกว่าสามร้อยเหรียญกลับยอมทุบขวดจนแตกและเทชโลมศรีษะพระเยซู สุดท้าย มโนธรรมภายในของยูดาสเตือนเขาให้รู้สำนึก แต่ที่น่าเสียดาย คือ เมื่อเขารู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป แทนที่จะเริ่มต้นใหม่ กลับตัดสินใจฆ่าตัวตาย
เรื่องราวของคนที่สาม
คนที่บอกว่ารัก แต่เมื่อเข้าตาจน กลับปฏิเสธว่าหน้าตาเฉย”
“ท่านอยู่กับเยซู ชาวนาซาเร็ธด้วย”
แต่เปโตรปฏิเสธว่า
“ฉันไม่รู้ และไม่เข้าใจว่าท่านพูดเรื่องอะไร”
เมื่อเดินไปที่ทางเข้าออก ไก่ก็ขัน หญิงรับใช้ยังคงเห็นเปโตร จึงบอกคนที่ยืนอยู่ที่นั่นว่า
“คนนี้เป็นคนหนึ่งในพวกของเขาด้วย”
แต่เปโตรปฏิเสธอีก ต่อมาไม่นาน คนที่ยืนอยู่ที่นั่นกล่าวกับเปโตรว่า “ท่านเป็นคนหนึ่งในพวกเขาแน่ๆ เพราะท่านเป็นชาวกาลิลี”แต่เปโตรเริ่มสบถสาบานอย่างแข็งขันว่า“ข้าพเจ้าไม่รู้จักคนที่ท่านกำลังพูดถึง”
เปโตร หนึ่งในศิษย์สี่คนแรกผู้ที่ถูกเลือกให้ติดตามอย่างใกล้ชิดในเกือบทุกช่วงเวลาที่สำคัญๆ คนที่บอกว่าถึงแม้ข้าพระองค์จะต้องตายพร้อมกับพระองค์ ข้าพระองค์ก็จะไม่ปฏิเสธพระองค์ คนที่บอกรักพระองค์ถึงสามครั้ง ร่วมเดินทาง กิน ดื่ม แต่ในวันนี้กลับปฏิเสธหน้าตาเฉยว่า “ไม่รู้จัก” ปล่อยให้พระองค์อยู่อย่างโดดเดี่ยว เผชิญกับความทุกข์ทรมานอย่างเหลือทนตามลำพัง เปโตรรักพระอาจารย์ แต่เพราะความกลัว จึงทอดทิ้ง ทันใดที่ไก่ก็ขันเป็นครั้งที่สอง เปโตรจึงระลึกถึงคำที่พระเยซูเจ้าตรัสไว้แก่ตนได้ว่า “ก่อนไก่จะขันสองครั้ง ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง” แล้วเขาก็ร้องไห้…พระเจ้าใช้เสียงขันของไก่เป็นสัญญาณเตือนใจ กระตุกมโนธรรมให้สำนึก รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป กลับใจกลายเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิม
พี่น้องที่รัก พ่อยกตัวอย่างสามบุคคลข้างต้น เพื่อเตือนใจเราแต่ละคนให้ฟังเสียงมโนธรรมภายใน
- หนักแน่นในการทำความดี เหมือนหญิงสาวที่ยอมทุบขวดน้ำมัน
- ฟังเสียงเตือนใจ รู้สำนึกในความผิด ร้องไห้เสียใจ และเปลี่ยนแปลงตนเองสู่วิถีทางใหม่
ขอให้แบบอย่างต่างๆ เหล่านี้ ช่วยเราให้ร่วมส่วนในพระมหาทรมานของพระองค์ด้วยความรัก ซื่อสัตย์ และจริงใจเสมอ.