“เรารู้จักทั้งบิดาและมารดาของเขาดี”
พระเยซูเจ้ากล่าวทิ้งท้ายเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า “เราเป็นปังแห่งชีวิต ผู้ที่มาหาเราจะไม่หิว และผู้ที่เชื่อในเราจะไม่กระหายอีกเลย” (ยน 6:35)
สิ่งที่พระเยซูเจ้าพูดทำให้บรรดาชาวยิวบ่นพึมพำกันทันที เป็นคำเดียวกับที่พระคัมภีร์พันธสัญญาเดิมภาษากรีกใช้เพื่ออธิบายชาวอิสราเอลที่บ่นว่าพระเจ้าในถิ่นทุรกันดาร (เทียบ อพย 16:2ฯ; 17:3; กดว 11:1; 14:27) เพราะพวกเขาไม่เข้าใจสิ่งที่พระเยซูเจ้าต้องการอธิบาย
พวกเขาพูดกันทันทีว่า “คนคนนี้ไม่ใช่เยซูบุตรของโยเซฟหรือ เรารู้จักทั้งบิดาและมารดาของเขาดี” (ยน 6:42) ทั้งนี้เพราะพวกเขารู้จักพระเยซูเจ้าเพียงในฐานะชายหนุ่มจากกาลิลีเท่านั้น ชายคนนี้จะพูดได้อย่างไรว่าตนเองเป็นปังแห่งชีวิตที่ลงมาจากสวรรค์ อีกทั้งยังรู้จักบิดามารดาของพระเยซูเจ้าดี พวกเขาไม่เข้าใจและเอาไปพูดกันเอง
ดูเหมือนพระเยซูเจ้าจะเข้าใจสถานการณ์จึงตรัสว่า “เลิกบ่นพึมพำกันเสียทีเถิด” (ข้อ 43) และอธิบายต่อ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก และสรุปย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า “เราเป็นปังทรงชีวิตที่ลงมาจากสวรรค์ ใครที่กินปังนี้จะมีชีวิตอยู่ตลอดไป” (ข้อ 48, 51)
ชาวอิสราเอลบ่นว่าพระเยซูเจ้าเรื่องปังแห่งชีวิต ทั้ง ๆ ที่ยังไม่เคยลองลิ้มรสปังแห่งชีวิตนี้ เพราะพวกเขา “ไม่เชื่อ” ในพระองค์
วันนี้เราได้ยินคำบ่นว่าพระเจ้าในหลายบทอ่าน แม้กระทั่งในบทอ่านที่หนึ่งเอลียาห์ก็บ่นพระเจ้าเหมือนกัน “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า เพียงเท่านี้ก็พอแล้ว โปรดเอาชีวิตของข้าพเจ้าไปเถิด ข้าพเจ้าไม่ดีกว่าบรรพบุรุษของข้าพเจ้าเลย” (1พกษ 19:4) แต่สิ่งที่พระเจ้าทำก็คือให้ทูตสวรรค์นำอาหารมาให้
อาจจะไม่ใช่แค่ชาวอิสราเอลที่บ่น ไม่ใช่แค่เอลียาห์ที่บ่น แต่บางทีตัวเราก็บ่นพระเจ้าด้วย เราต่างถูกประจญให้ปฏิเสธเมื่อรู้ความจริงที่ไม่ตรงกับความปรารถนาของเรา เหมือนชาวอิสราเอลที่พอรู้ว่าพระเยซูเจ้าจะไม่ทวีขนมปังให้พวกเขากินอีกแล้ว พวกเขาก็ต่อต้าน หรือเหมือนกับเอลียาห์ที่เมื่อเผชิญหน้ากับอุปสรรคก็อยากจะทิ้งภารกิจของพระเจ้า ตัวเราก็ถูกท้าทายเช่นกันเมื่อชีวิตต้องประสบความทุกข์ยากลำบาก ถูกท้าทายให้เชื่อ ถูกท้าทายให้ทิ้งหน้าที่ แม้กระทั่งถูกท้าทายให้ทิ้งความเชื่อ
..<ลาซารัส>..