องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเหลียวมามองเปโตร
เป็นธรรมเนียมที่เราจะได้ฟังเรื่องพระทรมานขององค์พระผู้เป็นเจ้าปีละสองครั้ง คือในวันอาทิตย์ใบลานที่จะได้ฟังเรื่องราวจากผู้เขียนพระวรสารสามท่านผลัดเปลี่ยนกันไป และวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์จากคำบอกเล่าของนักบุญยอห์น
หากเรามองเหตุการณ์ต่างๆ ที่ประกอบกันเป็นพระทรมานของพระเยซูเจ้าล้วนเป็นเหตุการณ์น่าสะเทือนใจทั้งสิ้น ยิ่งในพระวรสารนักบุญลูกาที่เล่าเรื่องราวได้อย่างสละสลวย ทำให้เราเห็นภาพเหตุการณ์ต่างๆ รวมถึงความรู้สึกบางอย่างที่ซ่อนอยู่ระหว่างบรรทัด
หนึ่งในเหตุการณ์ที่น่าสะเทือนใจและทำให้พระเยซูเจ้าน่าสงสารมากๆ คือเพื่อนทุกคนที่เคยนั่งกินข้าวกับพระองค์ ต่างทรยศและทอดทิ้งพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นคำขอร้องของพระเยซูเจ้าที่ขอให้อยู่เป็นเพื่อนกับพระองค์ขณะที่พระองค์ต้องการกำลังใจเพื่อเผชิญหน้ากับพระทรมานที่กำลังมาถึง (เทียบ 22:46) การใช้อิริยาบถทักทายของเพื่อนเพื่อทรยศของยูดาส (22:48) และคำปฏิเสธสามครั้งของเปโตร (22:54-62)
ทำไมการปฏิเสธพระเยซูเจ้าของเปโตรจึงเป็นความผิดทั้งๆ ที่การกระทำนี้เกิดขึ้นเพราะความกลัว ยิ่งในขณะที่อยู่ท่ามกลางบรรดาคนปองร้ายและพร้อมจะเอาชีวิต เปโตรกลัวจะถูกจับเหมือนพระเยซูเจ้า เขาจึงกล่าวว่าไม่รู้จักพระเยซูเจ้าถึงสามครั้ง
เหตุผลที่การปฏิเสธนี้เป็นบาปเพราะเปโตร “โกหก” เปโตรทำบาปผิดต่อความจริง และโทษของเปโตรคือ “ใครที่ปฏิเสธเราต่อหน้าเพื่อนมนุษย์ เราจะปฏิเสธเขาต่อหน้าพระบิดาในสวรรค์ด้วย” (มธ 10:33)
การปฏิเสธนี้ยังเป็นผลมาจากความมั่นใจในตนเองมากเกินไป ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้พระเยซูเจ้าเตือนเปโตรแล้ว (22:31-34) เปโตรเลือกจะไว้ใจในความเป็นมนุษย์ของตนเองมากกว่าไว้ใจในพระเยซูเจ้า ที่ภูเขามะกอกเทศเปโตรก็เลือกที่จะหลับแทนที่จะภาวนาขอกำลัง
คำสำคัญมากๆ ของฉากนี้คือ “เปโตรพูดยังไม่ทันขาดคำไก่ก็ขัน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเหลียวมามองเปโตร”
ในขณะที่เรากำลังทำบาป พระเจ้าส่งสัญญาณบอกเรา พระเจ้าเห็น แต่สายตาของพระเจ้าที่มองเราไม่ใช่สายตาที่กล่าวโทษ หากเป็นสายตาที่เข้าใจความอ่อนแอของเรา ในการกลับใจของเรา เป็นพระเจ้าที่เริ่มก่อนเสมอ
เมื่อเปโตรเห็นพระเยซูเจ้า เขาระลึกถึงพระวาจาของพระเยซูเจ้า ออกไปข้างนอก และร้องไห้อย่างขมขื่น
เมื่อ “ระลึกถึง” พระวาจาของพระเยซูเจ้าที่บอกกับตน เปโตรจึงหันหลัง “ออกไปข้างนอก” สัญลักษณ์ของการเปลี่ยนเป้าหมายของชีวิต แทนที่จะพิสูจน์ว่าพระเยซูเจ้าเข้าใจตัวเขาผิด เขาออกไปและ “ร้องไห้อย่างขมขื่น” เพราะสำนึกถึงความผิดที่กระทำลงไป แต่ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากร้องไห้อย่างขมขื่น
ขอให้พระทรมานที่เราได้ฟังในวันนี้ทำให้เรารู้ว่าพระเจ้าทรงเหลียวมามองเรา และแม้เราจะทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าเป็นทุกข์ถึงบาปเช่นเดียวกับเปโตร แต่ขอให้เรามั่นใจในพระเมตตาที่พระเจ้าทรงมอบให้เราก่อนเสมอ.
…ลาซารัส…