“เราให้บทบัญญัติใหม่แก่ท่านทั้งหลาย”
พระวรสารที่เราได้ยินวันนี้เป็นคำสอนในคืนสุดท้ายที่พระเยซูเจ้าทรงพระชนม์อยู่บนโลกนี้ เราอาจจะสงสัยนิดหน่อยว่าทำไมพระศาสนจักรจึงนำเอาข้อความนี้มาอ่านในช่วงเทศกาลปัสกา
เหตุผลที่พระศาสนจักรนำเอาข้อความที่เปรียบเสมือนพินัยกรรมหรือคำสั่งเสียสุดท้ายของพระเยซูเจ้ามาอ่านในช่วงนี้ก็เพื่อไตร่ตรองไปพร้อมๆ กับเรื่องราวการก่อร่างสร้างกลุ่มคริสตชนในยุคแรกเริ่มซึ่งพระเยซูเจ้าผู้กลับคืนพระชนมชีพเป็นแรงบันดาลใจ
เรื่องราวที่เราได้ยินจากพระวรสารคือคำสั่งเสียของพระเยซูเจ้าหลังจากยูดาสออกไปแล้ว พระเยซูเจ้าเชื่อมโยงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์กับพระสิริรุ่งโรจน์ของพระบิดา สำหรับยอห์นแล้ว พระสิริรุ่งโรจน์ของพระเยซูเจ้าคือพระทรมาน ไม้กางเขน และการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์
ณ เวลาที่พระองค์ตรัสนั้น พระองค์ตัดสินใจแล้วว่าจะรับพระสิริรุ่งโรจน์นี้ ดังนั้น พระองค์มีสิ่งที่ต้องฝากฝังบรรดาศิษย์ ซึ่งพระองค์ได้ทำไปแล้วก่อนหน้านี้คือเครื่องหมายแห่งความรักผ่านทางการล้างเท้าพวกเขา เครื่องหมายแห่งความรักของพระเยซูเจ้าคือการยอมมอบตัวตนของตนเองแก่ผู้ที่ตนรัก ซึ่งแสดงออกอย่างชัดเจนในการสิ้นพระชนม์ของพระองค์
บทบัญญัติใหม่ของพระเยซูเจ้าคือสิ่งที่พระองค์กระทำมาตลอด นั่นคือ “เรารักท่านทั้งหลายอย่างไร ท่านก็จงรักกันอย่างนั้นเถิด” (ยน 13:34) บทบัญญัติใหม่นี้เองที่สร้างกลุ่มคริสตชนให้ไม่เป็นเหมือนชุมชนอื่น แต่เป็นชุมชนแห่งความรัก ดังที่พระองค์ตรัสว่า “ถ้าท่านมีความรักต่อกัน ทุกคนจะรู้ว่าท่านเป็นศิษย์ของเรา” (ยน 13:35)
ดังนั้น เพื่อที่จะเข้าใจว่าต้องรักอย่างไร เราจำเป็นต้องรู้จักพระเยซูเจ้าและแบบอย่างของพระองค์ ชุมชนคริสตชนจำเป็นต้องเลียนแบบอย่างแห่งความรักของพระเยซูเจ้า และที่สุด “ทุกคนจะรู้ว่าท่านเป็นศิษย์ของเรา”
การประกาศพระวาจาที่ชัดเจนที่สุดและได้รับการพิสูจน์มากทุกยุคสมัยคือการดำเนินชีวิตตามที่พระเยซูเจ้าทรงสอนอย่างดี ไม่ใช่การไปร้องตะโกนตามถนนหนทาง ไม่ใช่การโฆษณาชวนเชื่อ แต่เป็นการให้แบบอย่างด้วยการดำเนินชีวิต.
…ลาซารัส…