“จนกว่าท่านจะได้รับพระอานุภาพจากเบื้องบนปกคลุมไว้”
พระเยซูเจ้าสรุปชีวิต คำสอนและภารกิจของพระองค์ไว้ในประโยคสั้นๆ ก่อนที่พระองค์จะจากบรรดาศิษย์ไปคือ “พระคริสตเจ้าจะต้องรับทนทรมานและจะกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายในวันที่สาม จะต้องประกาศในพระนามของพระองค์ให้นานาชาติกลับใจเพื่อรับอภัยบาป โดยเริ่มจากกรุงเยรูซาเล็ม” (ลก 24:46-47)
การ “เริ่มจากกรุงเยรูซาเล็ม” เพื่อยืนยันว่าพระเยซูเจ้ามีชีวิตอยู่จริงกับบรรดาศิษย์ซึ่งพวกเขาเป็นพยานยืนยันถึงเรื่องนี้ได้ (ลก 24:48) แต่การประกาศข่าวดีในพระนามของพระเยซูเจ้านี้ไม่ได้ถูกจำกัดแค่เพียงที่เยรูซาเล็มแต่ต้องออกไปยังสุดปลายแผ่นดิน
พระวรสารนักบุญลูกาไม่ได้บรรยายเหตุการณ์ขณะที่พระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์เพราะท่านจะบรรยายไว้ในหนังสือกิจการอัครสาวก ดังที่เกริ่นไว้ในตอนต้นของหนังสือเล่มที่สองว่า “ท่านเธโอฟิลัสที่รัก ในหนังสือเล่มแรกข้าพเจ้าเล่าถึงทุกสิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำและทรงสั่งสอน เริ่มตั้งแต่ต้นจนกระทั่งถึงวันที่พระองค์ทรงได้รับการยกขึ้นสวรรค์”
พระเยซูเจ้าพาบรรดาศิษย์ออกไปใกล้หมู่บ้านเบธานี แต่คำสั่งของพระเยซูเจ้าก่อนหน้านี้คือให้พวกเขา “คอยอยู่ในกรุงจนกว่าท่านจะได้รับพระอานุภาพจากเบื้องบนปกคลุมไว้” (ลก 24:49) สำนวนนี้หมายถึงการเสด็จลงมาของพระจิตเจ้า และชวนให้คิดถึงเหตุการณ์การแจ้งสารของแม่พระซึ่งเป็นงานของพระจิตเจ้าอีกด้วย
น่าสังเกตว่าพระเยซูเจ้าให้บรรดาศิษย์คอยรับพระจิตเจ้าก่อน แล้วจึงค่อยออกไปประกาศข่าวดี เพราะการประกาศข่าวดีเชื่อมโยงกับการอภัยบาปซึ่งต้องอาศัยอำนาจของพระจิตเจ้า บรรดาศิษย์ต้องอาศัยพระพรของพระจิตเจ้าในการออกไปยังนานาชาติ และหากอ่านล่วงหน้าในหนังสือกิจการอัครสาวกไปอีกสักนิดเราจะเห็นว่ากว่าบรรดาศิษย์จะกล้าเปิดตัวต่อนานาชาติจริงๆ ต้องอาศัยเวลาพอสมควร
ก่อนจะจากไปพระองค์ “ทรงยกพระหัตถ์ขึ้นอวยพระพร” แล้วพวกเขาก็ “กลับไปกรุงเยรูซาเล็มด้วยความยินดียิ่ง” ชวนให้คิดถึงภาพตอนสิ้นสุดพิธีมิสซา พระสงฆ์ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนพระคริสตเจ้ายกมือขึ้นอวยพรแล้วก็กลับออกไปยังห้องซาคริสเตีย ส่วนคริสตชนเมื่อได้รับพรแล้วก็กลับบ้านไปด้วยความยินดี.
…ลาซารัส…