ทุกคนที่มีพระจิตของพระเจ้าเป็นผู้นำ ย่อมเป็นบุตรของพระเจ้า
นักบุญเปาโลในจดหมายถึงชาวโรมสอนเรื่องบุคคลที่ดำเนินชีวิตตามธรรมชาติ (เนื้อหนัง) และบุคคลที่ดำเนินชีวิตตามพระจิตเจ้า เปาโลเน้นให้เราทุกคนดำเนินชีวิตตามพระจิตเจ้า เพราะ “เพราะพระจิตของพระเจ้าสถิตอยู่ในตัวท่าน ถ้าผู้ใดไม่มีพระจิตของพระคริสตเจ้า ผู้นั้นก็ไม่เป็นของพระองค์” (รม 8:9)
ข้อความที่เราได้ยินในวันนี้ เปาโลบอกกลับคริสตชนชาวโรม และบอกกับพวกเราโดยตรงว่าพระจิตของพระเจ้าที่ประทับอยู่กับคริสตชนทุกคนนั้น คือพระจิตองค์เดียวกันกับที่สถิตในพระคริสตเจ้า ดังนั้นการดำเนินชีวิตของเราต้องสอดคล้องกับชีวิตของพระคริสตเจ้า ซึ่งผลของการดำเนินชีวิตเช่นนี้จะทำให้ร่างกายที่ตายได้ของเรากลับมีชีวิตเหมือนกับที่พระองค์บันดาลในพระเยซูเจ้ากลับคืนชีพด้วย (เทียบ รม 8:11)
การดำเนินชีวิตโดยมีพระจิตเจ้าทรงนำคือวิถีชีวิตของคริสตชนผู้เป็นบุตรของพระเจ้า เพราะ “ทุกคนที่มีพระจิตของพระเจ้าเป็นผู้นำ ย่อมเป็นบุตรของพระเจ้า” (รม 8:14) และเราไม่มีเหตุผลที่ต้องกลัวเพราะ “ท่านทั้งหลายไม่ได้รับจิตการเป็นทาสซึ่งมีแต่ความหวาดกลัวอีก แต่ได้รับจิตการเป็นบุตรบุญธรรม” (รม 8:15)
การเป็นคริสตชนไม่ใช่การเป็นทาสของพระเจ้า แต่เป็น “บุตรของพระเจ้า” ท่าทีของคริสตชนจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกลัวพระเจ้า หากแต่ไว้วางใจและร้องเรียกพระองค์เมื่อเราต้องการความช่วยเหลือ
ในขณะเดียวกันเมื่อเราเป็นบุตรของพระเจ้า เราจึงไม่อาจเลี่ยงชะตากรรมที่พระเยซูเจ้าต้องเผชิญได้ เราจำเป็นต้องพบเจอสิ่งที่พระเยซูเจ้าเคยพบเจอ แต่ไม่ต้องกลัวเพราะ “ถ้าเรารับการทรมานร่วมกับพระองค์ เราก็จะรับพระสิริรุ่งโรจน์ร่วมกับพระองค์ด้วย” (รม 8:17)
วันสมโภชพระจิตเจ้าเป็นที่ห้าสิบของเทศกาลปัสกา (เปนเตกอสเต) และยังเป็นวันสิ้นสุดเทศกาลปัสกาด้วย เมื่อเริ่มต้นเทศกาลปัสกาในวันเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ สัญลักษณ์หนึ่งที่เด่นชัดมากคือ “ศีลล้างบาป” ที่ทำให้เรากลับกลายเป็นนบุตรพระเจ้า ส่วนในวันนี้ สัญลักษณ์ที่ชัดเจนคือพระจิตเจ้าซึ่งชวนให้เราคิดถึง “ศีลกำลัง” ซึ่งหากเรามองในภาพรวมแล้วเหมือนเป็นชีวิตของเราที่เป็นบุตรของพระเจ้าผ่านทางศีลล้างบาปและเข้มแข็งพร้อมจะดำเนินชีวิตโดยมีพระจิตเจ้าทรงนำเมื่อได้รับศีลกำลัง ชีวิตคริสตชนของเราผู้เป็นบุตรของพระเจ้าต่อจากนี้จะมี “พระจิตของพระเจ้าเป็นผู้นำ”.
…ลาซารัส…