“ทรงบิขนมปัง ส่งให้บรรดาศิษย์นำไปแจกจ่ายแก่ประชาชน”
บทเพลงเริ่มพิธีของวันสมโภชพระคริสตวรกาย “พระองค์ทรงเลี้ยงดูประชากรของพระองค์ด้วยข้าวสาลีที่ดีเลิศ” (เทียบ สดด 81:16) คือบทนำที่ช่วยทำให้เราเข้าใจพระวาจาและวันฉลองนี้มากขึ้น
ขณะที่พระเยซูเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่บนโลกนี้ พระองค์ใส่ใจประชาชนในทุกเรื่อง ไม่แต่เพียงเรื่องจิตใจเท่านั้นแต่เป็นเรื่องร่างกายด้วย แม้เมื่อถูกประจญเรื่องอาหารพระองค์จะยืนยันว่า “มนุษย์มิได้ดำรงชีวิตด้วยอาหารเท่านั้น” (ลก 4:4) แต่มิได้ปฏิเสธความสำคัญของอาหารฝ่ายกาย
เหตุการณ์ที่เป็นเครื่องหมายของความใส่ใจนี้คือเมื่อพระองค์สอนประชาชนแล้ว พระองค์ยังขอให้บรรดาศิษย์ดูแลประชาชนให้กินจนอิ่มก่อนจะแยกย้ายกลับบ้านอีกด้วย
บรรดาศิษย์ผู้ยังไม่เข้าใจและไม่มีความเชื่อมากพอคิดถึงการที่จะต้องหาอาหารมาเลี้ยงประชาชนจำนวนมากมาย เพราะด้วยสิ่งที่มีคือขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวไม่อาจเลี้ยงประชาชนที่นับเฉพาะผู้ชายก็ห้าพันคนแล้วได้เลย
แต่พวกเขาลืมไปอีกอย่างหนึ่ง พวกเขาไม่ได้มีแค่ขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวเท่านั้น
พวกเขามี “พระเยซูเจ้า”
พระเยซูเจ้ารับสิ่งที่พวกเขามี “ทรงแหงนพระพักตร์ขึ้นมองท้องฟ้า ทรงกล่าวถวายพระพร ทรงบิขนมปัง ส่งให้บรรดาศิษย์นำไปแจกจ่ายแก่ประชาชน” ผลก็คือ “ทุกคนได้กินจนอิ่ม แล้วยังเก็บเศษที่เหลือได้สิบสองกระบุง”
ภาพของพระเยซูเจ้าวันนี้ชวนให้คิดถึงอิริยาบถของพระเยซูเจ้า ณ อาหารค่ำมื้อสุดท้าย และในทุกมิสซา “ทรงหยิบปัง ขอบพระคุณ บิออก ประทานให้บรรดาศิษย์…”
ทุกวันนี้พระเยซูเจ้ายังคง “เลี้ยงดูประชากรของพระองค์ด้วยข้าวสาลีที่ดีเลิศ” ผ่านทางศีลมหาสนิท ซึ่งข้าวสาลีที่ดีเลิศนี้คือชีวิตของพระองค์เองที่มอบให้เรามนุษย์ทุกคน
การทวีขนมปังเกิดผลเพราะทุกคนต่างมอบสิ่งที่ตนเองมีให้กัน คนที่มีขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวมอบให้พระเยซูเจ้า พระเยซูเจ้ามอบให้บรรดาศิษย์ บรรดาศิษย์มอบให้ประชาชน ผลก็คือทุกคนมีความสุขกาย สุขใจ ได้กินจนอิ่ม และยังเก็บเศษที่เหลืออีกได้เป็นจำนวนมาก
เราได้มอบสิ่งดีๆ ที่เรามีแก่ผู้อื่นบ้างไหม? เราได้มอบสิ่งที่เรามีให้พระเยซูเจ้าเพื่อให้พระองค์ทำให้เกิดประโยชน์กับเพื่อนพี่น้องบ้างไหม? สิ่งที่เรามีนั้น เรามอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับพระเจ้า เหมือนกับที่พระองค์มอบข้าวสาลีที่ดีที่สุดให้เราหรือไม่ หรือว่าเราเอาเพียงเศษๆ ของสิ่งที่เรามีให้พระเจ้าเท่านั้น?.
…ลาซารัส…