แล้วใครเล่าเป็นเพื่อนมนุษย์ของข้าพเจ้า?
นักกฎหมายคนหนึ่งมาถามพระเยซูเจ้าว่าต้องทำอย่างไรจึงจะได้ชีวิตนิรันดร ซึ่งอันที่จริงเขารู้คำตอบอยู่แล้วว่าคือการรักพระเจ้าและรักเพื่อนมนุษย์
แต่จุดประสงค์ของนักกฎหมายคนนี้ต้องการจะทำให้พระเยซูเจ้าจนมุม จึงถามต่อว่า “แล้วใครเล่าเป็นเพื่อนมนุษย์ของข้าพเจ้า?”
คำถามนี้ ดูผิวเผินเหมือนกับเป็นความอยากรู้ แต่อันที่จริงนักกฎหมายกำลังพยายามแบ่งแยกว่าใครที่เขาต้องรักในฐานะเพื่อนมนุษย์ และเมื่อรู้ว่าใครเป็นเพื่อนมนุษย์แล้วเขาจะรู้เช่นกันว่าใครไม่ใช่เพื่อนมนุษย์
สำหรับชาวยิว เพื่อนมนุษย์ของพวกเขามีเพียงเพื่อนร่วมชาติเท่านั้น ไม่ใช่กับคนต่างชาติและคนสะมาเรียที่พวกเขาถือว่าไม่ใช่พวกเดียวกัน พระองค์จึงเลือกเล่าเรื่องชาวสะมาเรียผู้ใจดีเพื่อให้เห็นว่าการรักเพื่อนมนุษย์ไม่ถูกจำกัดด้วยเชื้อชาติ พรรคพวก สถานะใดๆ แต่มีเพียง “ความเป็นมนุษย์” เท่านั้น
พระเยซูเจ้าปูเรื่องมาด้วยการที่มีชายคนหนึ่งถูกทำร้ายขณะเดินทางจากกรุงเยรูซาเล็มไปยังเมืองเยรีโค เขาถูกทิ้งไว้ อาการสาหัส มีสมณะและชาวเลวีเดินผ่านมา พวกเขาเดินเลยไปอีกฟากหนึ่งโดยไม่ทราบเหตุผล อาจเป็นเพราะกำลังยุ่ง อาจะเป็นเพราะกลัวสกปรก อาจเป็นเพราะกลัวว่าจะถูกทำร้ายด้วย หรือเหตุผลใดๆ ก็แล้วแต่ แต่ทั้งหมดก็เป็นเหตุผลอันหนักแน่นที่จะตัดสินใจผ่านเลยไป
มีเพียงชาวสะมาเรียคนหนึ่งเท่านั้นที่หยุดเพราะ “รู้สึกสงสาร” จากนั้นจึง “เทน้ำมันและเหล้าองุ่นลงบนบาดแผลแล้วพันผ้าให้ นำเขาขึ้นหลังสัตว์ของตนพาไปถึงโรงแรมแห่งหนึ่งและช่วยดูแลเขา” และในตอนท้ายยังมอบเงินให้เจ้าของโรงแรมเพื่อให้ช่วยดูแลชายคนนี้
คำตอบของคำถามที่ว่า “ใครเล่าเป็นเพื่อนมนุษย์ของข้าพเจ้า?” น่าจะเป็น “ชาวสะมาเรียคนนั้น” แต่นักกฎหมายเลือกที่จะเลี่ยงโดยตอบว่า “คนที่แสดงความเมตตาต่อเขา” เพื่อจะได้ไม่ต้องกล่าวถึงชาวสะมาเรีย
ใช่แล้ว เพื่อนมนุษย์ของเราคือคนที่แสดงความเมตตาต่อเรา ในทางกลับกันหากเราอยากเป็นเพื่อนมนุษย์กับผู้ใดก็เพียงแสดงความเมตตากับเขา โดยเฉพาะในยามยากลำบาก.
…ลาซารัส…