“บุตรแห่งมนุษย์ก็จะต้องถูกยกขึ้น”
เพื่อเข้าใจพระวาจาของพระเยซูเจ้าวันนี้ที่ว่า “โมเสสยกรูปงูขึ้นในถิ่นทุรกันดารฉันใด บุตรแห่งมนุษย์ก็จะต้องถูกยกขึ้นฉันนั้น” เราต้องฟังเหตุการณ์จากบทอ่านที่ 1 จากหนังสือกันดารวิถีที่ชาวอิสราเอลบ่นว่าพระเจ้าและถูกงูพิษกัด พระเจ้าจึงให้โมเสสทำงูทองสัมฤทธิ์ขึ้นติดไว้ที่เสาและบอกชาวอิสราเอลว่า “ผู้ที่ถูกงูกัดและมองดูงูทองสัมฤทธิ์นั้นก็รอดชีวิต”
ความหมายของการมองดูรูปงูทองสัมฤทธิ์ไม่ใช่เพียงแค่มอง แต่เพราะพวกเขามองดูด้วยความเชื่อในพระสัญญาที่ว่าเมื่อมองดูรูปนี้พวกเขาจะรอดชีวิต
เช่นเดียวกับไม้กางเขนที่พระเยซูเจ้าพระองค์จะถูกตรึงและถูกยกขึ้นเหนือแผ่นดิน
หากการมองดูรูปงูทองสัมฤทธิ์นั้นด้วยความเชื่อทำให้รอดชีวิต การมองดูบุตรแห่งมนุษย์ที่ถูกตรึงบนไม้กางเขนก็จะได้รับความรอดพ้นเช่นเดียวกัน
ไม้กางเขนที่เคยเป็นเครื่องมือประหารชีวิตนักโทษกลับกลายเป็นบัลลังก์ของพระเยซูเจ้า และพระองค์ทรงครองราชย์บนไม้กางเขนนี้ ไม้กางเขนที่เป็นเครื่องทรมานกลับกลายเป็นชีวิตประจำวันของคริสตชน (ไม่ใช่เครื่องประดับแต่เป็นการดำเนินชีวิต) ไม้กางเขนกลายเป็นความหมายของความรักที่พระเจ้ามอบให้มนุษย์
สำหรับเรามนุษย์เช่นกัน ไม้กางเขนกลายเป็นเครื่องหมายแห่งความรักที่เรามอบให้กันด้วย พ่อแม่ที่น้อมรับกางเขนแห่งการทำงานหนัก การไม่มีเวลาของตนเองเพราะความรักต่อลูก เด็กคนหนึ่งที่น้อมรับกางเขนแห่งการตั้งใจเรียน ไม่มีเวลาไปเที่ยวเล่นเพราะรักอนาคตของตนเอง คนคนหนึ่งที่น้อมรับกางเขนของพระคริสตเจ้าแม้ว่าจะต้องทวนกระแสสังคมก็ตาม
เมื่อใดที่เราท้อเพราะไม้กางเขน อย่าลืมที่จะเงยหน้าขึ้นมองไม้กางเขนของพระคริสตเจ้า พระองค์ยังคงเป็นแบบอย่างและกำลังใจให้เราเสมอ พระองค์ยังคงอยู่บนไม้กางเขนทุกวันบนแท่นบูชา และทุกที่ที่เราให้พระองค์อยู่เพื่อเตือนใจเราเสมอ
…ลาซารัส…