เดือนตุลาคม เป็นเดือนที่เราให้ความสำคัญพิเศษต่อพระแม่มารีอา ซึ่งเราจะร่วมใจกันสวดสายประคำมากกว่าปกติ หลายปีมาแล้วที่ได้มีการรณรงค์ให้มีการสวดสายประคำต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง มีบรรดาคริสตชนในประเทศต่างๆทั่วโลกเข้าร่วม จากนั้นมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบสำหรับในเมืองไทยของเราทางคณะกรรมการได้กำหนดเป้าหมายการสวดสายประคำรวมจำนวนให้ได้ 1 ล้านสาย ซึ่งก็เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ สำหรับปีนี้ มีการเพิ่มเติมเข้ามาก็คือการสวดภาวนาต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมงต่อเนื่องทุกวันตลอดเดือนตุลาคม มีแบบฟอร์มบันทึกตอบรับสำหรับท่านที่สนใจและสมัครใจเข้าร่วมกิจกรรม สำหรับพี่น้องผู้ที่สมัครใจเข้าร่วมกิจกรรมให้ลงเวลาการสวดสายประคำ สะดวกที่จะสวดวันไหนระหว่างเวลาอะไร เชื่อว่ากิจกรรมนี้จะได้รับความร่วมมือจากพี่น้องคริสตชนชาวไทย คณะกรรมการที่จัดกิจกรรมอยากให้ตลอดเดือนตุลาคมมีการสวดสายประคำอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย
การสวดสายประคำเป็นรูปแบบหนึ่งของการสวดภาวนา เป็นการสวดที่ทุกคนสามารถเข้าถึงและปฏิบัติได้ง่ายสะดวกทำได้ตลอดเวลา ทุกสถานที่ หากพูดถึงการสวดภาวนาโดยทั่วไปก็มักจะคิดถึงการสวดสายประคำ นอกจากนั้นก็ยังมีการภาวนารูปแบบอื่นอีก เช่น จากการอ่านหนังสือพระคัมภีร์ การไตร่ตรอง การรำพึง การสวดสายประคำมีความหมายเป็นการสรรเสริญพระเจ้าพร้อมกับพระแม่มารีอา การคิดถึงรำพึงถึงเหตุการณ์ต่างๆในพันธกิจของพระเยซูเจ้า ความสำคัญในชีวิตของแม่พระ ทั้งยังเป็นการอ้อนวอนขอพระเมตตาจากพระเจ้า ซึ่งแต่ละคนต่างมีการอ้อนวอนขอเป็นการเฉพาะส่วนตัวอีกด้วย สำหรับวัตถุประสงค์ในเดือนแห่งการสวดสายประคำในปีนี้ เป็นการวอนขอพระเจ้าได้ประทานสันติภาพสำหรับโลกและสันติในประเทศไทย เพื่อกระแสเรียกการเป็นพระสงฆ์ นักบวช เพื่อวอนขอความช่วยเหลือแก่ผู้เดือดร้อน ยากจน มีความขัดสนและทุกข์ยาก ทั้งยังภาวนาเพื่อชีวิตของทารกที่ถูกทำลายตั้งแต่อยู่ในครรภ์ของมารดา พวกเราเชื่อมั่นว่าผลจากการส่วนภาวนาจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน พระเจ้าทรงฟังคำภาวนาของผู้มีความเชื่อ
พระวรสารวันอาทิตย์สัปดาห์นี้ พระเยซูเจ้าสอนเราให้ตระหนักในการใช้ชีวิต การทำหน้าที่เป็นดังผู้จัดการที่ดี พระองค์ทรงมอบหมายหน้าที่ให้เราได้ช่วยทำด้วยความรับผิดชอบ เราอาจจะมีประสบการณ์การเป็นผู้จัดการในองค์กร ในการประกอบอาชีพ แต่พระเยซูเจ้าทรงปรารถนาให้เราเป็นผู้จัดการในอาณาจักรของพระองค์ เป็นการจัดการที่เริ่มจัดการตัวเองก่อน ซึ่งอาจจะแตกต่างจากประสบการณ์ในชีวิต ที่เรามักจะเป็นผู้ควบคุม ดูแล จัดระเบียบคนอื่น แต่อาจจะไม่ได้จัดการดูแลตัวเอง พระเจ้าทรงให้เรามีเวลาเพื่อการดูแลตัวเองเป็นอันดับแรก พระเจ้าทรงรู้จักผลงานที่เราแต่ละคนได้ลงมือทำ ใครทำมาก รับผิดชอบดี ผลก็จะออกมาดี หรือใครทำน้อยรับผิดชอบน้อย ผลตอบแทนก็ยังน้อยอยู่ เป็นเรื่องราวที่พระเจ้าให้เราได้มีเวลาไตร่ตรอง มีโอกาสปรับปรุงแก้ไขซึ่งเป็นพระพรของพระเจ้าที่ยังคงให้เรามีวันเวลาของชีวิต.
สวัสดี…พ่ออดิศักดิ์