• หน้าแรก
  • เกี่ยวกับอาสนวิหาร
    • ประวัติอาสนวิหารอัสสัมชัญ
    • สถาปัตยกรรม
    • บรรณฐาน
    • ภาษาลาตินในวัด
    • กระจกสี / stained-glass
    • รูปนักบุญ / saint sculpture
  • บริการต่างๆ
    • ล้างบาปทารก / Baptisms
    • การถ่ายภาพ / Take pictures
    • แต่งงาน / wedding
  • ติดต่อสอบถาม/Contact us
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับอาสนวิหาร
    • ประวัติอาสนวิหารอัสสัมชัญ
    • สถาปัตยกรรม
    • บรรณฐาน
    • ภาษาลาตินในวัด
    • กระจกสี / stained-glass
    • รูปนักบุญ / saint sculpture
  • บริการต่างๆ
    • ล้างบาปทารก / Baptisms
    • การถ่ายภาพ / Take pictures
    • แต่งงาน / wedding
  • ติดต่อสอบถาม/Contact us

2019-06-16 ระลึกถึงนักบุญอันตนแห่งปาดัวพระสงฆ์นักปราชญ์

แทนคิดสักนิด…สะกิดใจ

13 มิถุนายนระลึกถึงนักบุญอันตนแห่งปาดัวพระสงฆ์นักปราชญ์

 (St. Anthony of Padua, Priest & Doctor, memorial)

          นักบุญอันตนเกิดที่กรุงลิสบอน  ประเทศโปรตุเกสเมื่อปีค.ศ. 1195 ขณะรับศีลล้างบาปได้รับชื่อว่าFerdinand  Bouillonบิดามารดาของท่านเป็นเชื้อสายผู้ดีชาวโปรตุกีส  บิดาของท่านได้เป็นอัศวินในราชสำนักของกษัตริย์อัลฟอนโซที่2 (King Alfonso II) การศึกษาขั้นเริ่มแรกที่ท่านได้รับเกิดขึ้นที่อาสนวิหารแห่งกรุงลิสบอนนั่นเองเมื่ออายุ15 ปีได้เข้าคณะของนักบุญออกัสติน(The Regular Canons of St. Augustine) และได้ถูกย้ายให้ไปอยู่ในอารามที่เมืองโคอิมบรา(Coimbra) ในอีกสองปีต่อมาสาเหตุเพราะมีเพื่อนๆของท่านมาเยี่ยมมากไปทำให้เกิดความวอกแวกที่อารามนี้ท่านได้อุทิศตนในการภาวนาและการศึกษาจนกลายเป็นผู้รอบรู้ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลเป็นอย่างดี

ในปีค.ศ. 1220 ขณะที่ท่านมีอายุได้25 ปีคุณพ่อเปโดรแห่งโปรตุเกส(Don Pedro of Portugal) ได้นำพระธาตุของพวกนักบวชฟรังซิสกันรุ่นแรกที่ยอมตายเป็นมรณสักขีจากประเทศโมร็อกโกกลับมายังเมืองโคอิมบรานักบุญอันตนได้รับแรงกระตุ้นให้อยากเป็นมรณสักขีเป็นอย่างมาก  จึงไปขอเข้าคณะฟรังซิสกันในปีค.ศ. 1221 และได้รับเข้าเป็นสมาชิก  ที่นี่ท่านได้รับชื่อว่า”อันตน” (Anthony) และท่านก็ขอให้ส่งท่านไปประเทศโมร็อกโกเพื่อไปเทศน์สอนพระวรสารให้กับพวกแขกมัวส์(Moors) แต่ขณะเดินทางไป  ท่านป่วยหนักมาก  จึงถูกบังคับให้กลับมาแต่เรือของท่านเจอพายุใหญ่  จนต้องไปขึ้นฝั่งที่เกาะซิซิลี  ประเทศอิตาลี  ต่อจากนั้นท่านได้ยินว่ามีการประชุมครั้งใหญ่ของคณะฟรังซิสกันที่เมืองอัสซีซีในปีค.ศ. 1221 ท่านจึงได้เข้าร่วมประชุมกับบรรดาภราดา3,000 คนที่นั่น  และได้เห็นนักบุญฟรังซิสอัสซีซีเป็นครั้งแรก  หลังการประชุมนั้นท่านได้รับหน้าที่ทำงานรับใช้พื้นๆที่อารามใกล้เมืองฟอร์ลีเพราะความสุภาพของท่าน  จึงไม่มีใครรู้ว่าท่านเป็นผู้มีความรู้ดีมากคนหนึ่ง  จนกระทั่งต่อมาที่มีบางครั้งท่านถูกขอร้องให้พูดบ้างเล็กน้อยในพิธีบวช  จึงได้ทำให้คนอื่นๆเพิ่งค้นพบว่าท่านมีพรสวรรค์ในการเทศน์อย่างน่าทึ่ง

นักบุญอันตนสามารถอธิบายพระคัมภีร์ให้เข้าใจง่ายๆแต่ลึกซึ้งและชัดแจ้งจนกระทั่งนักบุญฟรังซิสเองเขียนจดหมายไปถึงท่านว่าดังนี้”ฉันปรารถนาให้ท่านสอนเทววิทยาให้กับบรรดาภราดาของเรา  แต่อย่างไรก็ตาม  มีเงื่อนไขว่าต้องไม่ทำให้จิตตารมณ์ของการภาวนาและความศรัทธาดับมอดไป“  ดังนั้นท่านก็ได้เริ่มสอนและเทศนาตลอดทั่วทั้งฝรั่งเศสตอนใต้  และอิตาลีทางตอนเหนือ  ด้วยบุคลิกภาพที่น่าชื่นชมของท่าน  ผนวกกับน้ำเสียงที่ชัดเจนมีอำนาจและน่าฟัง  ทำให้ท่านสามารถถ่ายทอดความรู้ของท่านไปยังคนอื่นๆได้เป็นอย่างดี  และพระเจ้าได้มอบพระพรแก่ท่านในด้านการทำอัศจรรย์(miracles) การใช้ลิ้น(tongues = ภาษาที่ชักจูง) และการทำนาย(prophecy)  นอกจากนี้ท่านยังได้ต่อสู้อย่างเข้มแข็งกับพวกเฮเรติ๊กCathari และPatarines ที่แพร่หลายมากในขณะนั้น  พวกนี้สอนให้ดื้อดึงอยู่ในพยศชั่วของความหรูหราฟุ้งเฟ้อ  ความหยิ่งยโส  การกดขี่  ความเกลียดชัง  และความโลภ  ซึ่งท่านก็ประสบความสำเร็จในการต่อสู้กับพวกนี้ด้วย

นักบุญอันตนเป็นคนที่สุภาพมาก  ท่านเห็นว่าคำสอนของท่านก็ดี  งานอภิบาลของท่านก็ดี  ตลอดจนทั้งชีวิตของท่านเป็นการบริการรับใช้  เพื่อจะได้นำวิญญาณของคนจำนวนมากมายมาถวายแด่พระคริสต์  ท่านได้ทำให้คนที่เป็นศัตรูกันมานานคืนดีกัน  บรรดาลูกหนี้ได้ออกจากคุก  พวกโจรหันมาประกอบอาชีพสุจริต  คนโกงเขามาก็ได้ชดใช้ให้คืนไป  และผู้ปกครองบ้านเมืองได้ตรากฎหมายที่มีคุณประโยชน์เพื่อแก้ไขความผิดพลาดให้กลับสู่ความถูกต้อง

นักบุญอันตนสามารถดึงดูดผู้คนมากมายให้มาฟังคำเทศน์ของท่านไม่ว่าจะไปที่ไหนในอิตาลีก็ตาม  และโดยเฉพาะท่านประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวงที่เมืองปาดัว  ที่นี่คนเกือบทั่วทั้งเมืองจะมาชุมนุมกันเนืองแน่นเพื่อฟังท่าน  และให้การต้อนรับท่านเหมือนเป็นนักบุญฟรังซิส(อัสซีซี)อีกองค์หนึ่ง

ภายหลังนักบุญฟรังซิสสิ้นชีพแล้ว  นักบุญอันตนได้ไปเป็นเจ้าคณะแขวงของแคว้นเอมิลิอา(Emilia) หรือโรมาญา(Romagna) และในปีค.ศ. 1226 ได้รับเลือกเป็นทูตพิเศษของคณะไปเฝ้าพระสันตะปาปาเกรโกรี่ที่9 ไม่นานหลังจากนั้น  ท่านพ้นจากหน้าที่นี้  แล้วกลับไปเทศน์สอนได้ใหม่  ท่านได้กลับไปที่เมืองปาดัว  และเทศน์สอนที่นั่นจนถึงแก่ความตาย  เมื่อวันที่13 มิถุนายนค.ศ. 1231 เมื่ออายุ36 ปีเท่านั้น  อีกหนึ่งปีต่อมาได้รับการประกาศแต่งตั้งเป็นนักบุญ  และจำเนียรกาลต่อมาจึงได้รับการประกาศเป็นนักปราชญ์ของพระศาสนจักรในปีค.ศ. 1946 โดยพระสันตะปาปาปีโอที่12 ท่านเป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ของประเทศโปรตุเกสของนักเดินทาง  ของหญิงที่ตั้งครรภ์และหญิงที่มีลูกยาก  ของคนยากคนจน(St. Anthony’s Bread) และพวกที่ทำของหายมักจะขอความช่วยเหลือจากท่านเป็นพิเศษรวมทั้งพวกที่อยู่ในอันตรายในกรณีเรือจะอับปางด้วย

พระธาตุของนักบุญผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้  ซึ่งชื่อภาษากรีกของท่านมีความหมายว่า“ประเมินค่ามิได้” (= priceless)ก็กลายเป็นสิ่งที่หาค่ามิได้ของท่านจริงๆเช่นลิ้นของท่าน  ที่เทศน์ให้ชาวเมืองปาดัวและเมืองลิสบอนให้กลับใจมาสัมผัสความรักจากพระเจ้า  ทุกวันนี้ยังคงความสดและมีสีแดงอยู่ท่ามกลางความเปื่อยสลายไปของพระธาตุส่วนอื่นๆของท่าน  และลิ้นของท่านนี้ยังคงถูกเก็บไว้บูชาในบาสิลิกาที่สร้างให้เป็นเกียรติแก่ท่านในปีค.ศ.1263

(ถอดความโดย คุณพ่อ วิชา หิรัญญการ จากหนังสือ Saint Companions For Each Day; เขียนโดย A.J.M. Mausolfe และ J.K. Mausolfe และ The Book of Saints ; Text : Victor Hoagland, C.P., Illustrations : George Angelini; The Regina Press, New York)

เกี่ยวกับวัดฯ

  • ประวัติอาสนวิหาร
  • แม่พระอัสสัมชัญ
  • บรรณฐาน
  • สถาปัตยกรรม
  • กระจกสี
  • ภาษาลาตินในวัด

บริการต่างๆ

  • ล้างบาปทารก / Baptisms
  • แต่งงาน / Wedding
  • การขออนุญาตถ่ายภาพ

สารวัดย้อนหลัง

  • บทสนทนาจากเจ้าอาวาส
  • คิดสักนิด...สะกิดใจ...
  • ปลัดแก่ ซอย40
  • ปี 2012

บุคลากร/องค์กรต่างๆในวัด

  • พระสงฆ์
  • สำนักงานวัด
  • สภาภิบาล
  • นักขับร้อง
  • สโมสรเยาวชน

ลิงค์คาทอลิก

  • สภาสังฆราชคาทอลิกประเทศไทย
  • อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
  • หอจดหมายเหตุ อัครสังฆมณฑลฯ
  • สื่อมวลชนคาทอลิกประเทศไทย
Facebook-f Youtube