• หน้าแรก
  • เกี่ยวกับอาสนวิหาร
    • ประวัติอาสนวิหารอัสสัมชัญ
    • สถาปัตยกรรม
    • บรรณฐาน
    • ภาษาลาตินในวัด
    • กระจกสี / stained-glass
    • รูปนักบุญ / saint sculpture
  • บริการต่างๆ
    • ล้างบาปทารก / Baptisms
    • การถ่ายภาพ / Take pictures
    • แต่งงาน / wedding
  • ติดต่อสอบถาม/Contact us
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับอาสนวิหาร
    • ประวัติอาสนวิหารอัสสัมชัญ
    • สถาปัตยกรรม
    • บรรณฐาน
    • ภาษาลาตินในวัด
    • กระจกสี / stained-glass
    • รูปนักบุญ / saint sculpture
  • บริการต่างๆ
    • ล้างบาปทารก / Baptisms
    • การถ่ายภาพ / Take pictures
    • แต่งงาน / wedding
  • ติดต่อสอบถาม/Contact us

ความสุขอยู่ที่ใด

ธามาดา

ฉันไม่มีความสุข…
ฉันไม่ชอบงานที่ฉันทำ  เพราะมันน่าเบื่อและไม่มีที่สิ้นสุด
ฉันไม่ชอบเจ้านาย  เพราะเขาไม่เคยคิดหรือทำอะไรเองนอกจากชี้นิ้วสั่งกับดุด่าฉันเท่านั้น
ฉันไม่ชอบเช้าวันจันทร์  เพราะเป็นวันที่ฉันรู้สึกเหมือนถูกบังคับให้ตื่นขึ้นมาเผชิญโลกที่โหดร้ายแต่ละสัปดาห์ของการทำงานดูราวกับการคืบคลานไปท่ามกลางสนามรบ
ฉันไม่ชอบเช้าวันอังคารเพราะเป็นวันที่ฉันรู้สึกว่าตัวเองเพิ่งทำงานไปได้วันเดียวยังมีอีกหลายวันที่โหดร้ายรออยู่
ฉันไม่ชอบเช้าวันพุธ เพราะเป็นวันที่ฉันเริ่มตื่นขึ้นมาพร้อมกับความล้าและพบว่าเวลาเพิ่งผ่านไปเพียงครึ่งทางเท่านั้น
ฉันไม่ชอบเช้าวันพฤหัสบดี  เพราะเป็นวันที่ฉันเหนื่อยล้าจากการทำงานมาตลอดหลายวัน   แต่ทุกอย่างก็ยังคงดำเนินต่อไป  พรุ่งนี้ก็ยังต้องทำงาน
ฉันไม่ชอบเช้าวันศุกร์    เพราะฉันเหนื่อยจนแทบลุกจากเตียงไม่ไหวแล้วแต่ก็ยังต้องลุกไปทำงาน
 

ฉันไม่ชอบเช้าวันเสาร์    เพราะฉันอยากตื่นสายๆ  แต่กลับมีเด็กบ้านใกล้ๆวิ่งเล่นเสียงดังจนต้องตื่นแต่เช้า
ฉันไม่ชอบเช้าวันอาทิตย์    เพราะฉันจะถูกปลุกแต่เช้าเช่นกันด้วยเสียงเครื่องดูดฝุ่นกับเสียงตัดต้นไม้และเครื่องตัดหญ้าของเพื่อนบ้าน
ฉันไม่ชอบวันหยุดนักขัตฤกษ์   เพราะมันทำให้ร้านรวงในกรุงเทพฯปิดจะซื้อหาอะไรก็ยาก จะออกไปต่างจังหวัดคนก็มาก  ฉันเคยเห็นรถติดบนยอดเขาห่างไกลในวันสิ้นปีมาแล้ว
ฉันไม่ชอบรถติด  เพราะมันทำให้ฉันถึงที่ทำงานช้า
ฉันไม่ชอบรถเมล์    เพราะฉันต้องยืนเบียดกับคนแปลกหน้าและร้อนอบอ้าว
ฉันไม่ชอบบ้านเช่าที่ฉันอยู่    เพราะมันคับแคบแออัด เปิดหน้าต่างออกไปเห็นแต่ตึกบังท้องฟ้า
ฉันไม่ชอบบ้านเดิมที่ต่างจังหวัด   เพราะมันห่างไกลมากและมีแต่ความกันดาร
ฉันไม่ชอบนิยายน้ำเน่า    เพราะมันไม่เคยให้แง่คิดหรือช่วยพัฒนาจิตใจของเราให้ดีขึ้นเลย
ฉันไม่ชอบหน้าร้อน    เพราะมันทำให้ฉันรู้สึกอบอ้าวและหงุดหงิดทั้งวัน
ฉันไม่ชอบหน้าฝน  เพราะมันทำให้ฉันเปียกแฉะ เดินทางลำบาก ตากผ้าก็ไม่แห้ง
ฉันไม่ชอบหน้าหนาว    เพราะมันทำให้ฉันเป็นหวัดและไม่มีชีวิตชีวา
ฉันไม่ชอบมหาวิทยาลัยที่ฉันเรียนจบมา    เพราะมันไม่ค่อยมีชื่อเสียงทำให้ฉันหางานทำลำบาก
ฉันไม่ชอบคนรักของฉัน   เพราะเขาเป็นคนขวานผ่าซากไม่โรแมนติค ไม่เอาอกเอาใจฉันเลย
ฉันไม่ชอบกรุงเทพ  เพราะที่นี่มีแต่ความเบียดเสียด ทุกอย่างเร่งรีบและดิ้นรนผู้คนเห็นแก่ตัว

ฉันไม่มีความสุข…………..   ความสุขอยู่ที่ไหนกัน…

วันหนึ่งฉันยืนอยู่ที่ป้ายรถเมล์แม่ลูกคู่หนึ่งนั่งรอรถอยู่ใกล้ๆผ่านไปสักพักอยู่ๆลูกชายวัยซนของหญิงคนนั้นก็ชี้นิ้วขึ้นไปบนท้องฟ้าและบอกกับแม่  “แม่….หมาอยู่บนฟ้า”
“ไหนลูก” แม่ขมวดคิ้วแล้วโน้มตัวมองตามลูก “อ๋อเมฆน่ะเหรอลูก ดูเป็นหมายังไงนะ”
“นี่ไงแม่ ตรงที่ยื่นๆออกมานี่เป็นหัวหมานี่หูมัน มีขาหน้าด้วย”
“แล้วขาหลังล่ะลูกไม่เห็นมีเลย”
“มันกระโดดออกจากปุยนุ่น ขาหลังมันเลยจมในปุยนุ่น” เด็กชายว่า

ฉันหันไปมองเมฆก้อนนั้นตามด้วนความอยากรู้อยากเห็นแล้วก็ต้องขมวดคิ้วมันเป็นแค่ก้อนเมฆสีขาวไร้รูปทรงธรรมดารูปหนึ่งเท่านั้นเองไม่ได้มีความเหมือนกับหมาตรงไหนเลย    ฉันยักไหล่แล้วหันไปชะเง้อมองรถเมล์บนถนนตามเดิม เสียเวลาฟังเจ้าเด็กฟุ้งซ่านจริงๆ

“เหรอ…แต่แม่ว่ามันดูเหมือนกับยีราฟนะลูก     เห็นมั้ย คอมันยาวเป็นยีราฟเลยหูชี้ด้วย”
“ไม่ใช่นะแม่ ยังเป็นหมาอยู่ หมาคอยาวๆโอ๊ยๆๆทำไมขามันหายไปแล้วล่ะ”
“ข้างบนลมคงพัดแรงน่ะลูก เมฆมันเป็นแค่ไอน้ำที่ลอยในอากาศและจับตัวกันเป็นก้อนพอลมพัดมันก็เปลี่ยนรูปร่างเหมือนกันตอนที่ลูกเป่าควันในชามก๋วยเตี๋ยวร้อนๆไงจ๊ะ”

ฉันเงยหน้ามองก้อนเมฆไอน้ำสีขาวบนทั้งฟ้าอีกครั้ง        ฉันมองอย่างไรก็เห็นเป็นเพียงแต่เมฆธรรมดาๆ ก้อนหนึ่งเท่านั้นในขณะที่แม่ลูกคู่นั้นเห็นเป็นสัตว์ต่างๆมากมายทำไมของสิ่งเดียวกันแต่คนสองคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆกันกลับมองไม่เหมือนกันหรือว่ามาลูกคู่นี้เห็นในสิ่งที่ฉันไม่เห็น…

บนรถเมล์ที่ฉันโหนไปทำงานเด็กนักเรียนสองคนใกล้ๆ กำลังพูดถึงการสอบเข้ามหาวิทยาลัย
“ทำไมแกรีบอ่านหนังสือคร่ำเคร่งนัก กว่าจะสอบก็ปีหน้าไม่ใช่เหรอ”
“ต้องรีบอ่านสิ อีกแค่ปีเดียวพวกเราต้องสอบแล้วนะนี่อ่านแทบไม่ได้นอนมาหลายเดือนแล้ว”    “เหรอ…”        “แล้วแกล่ะทำไมจนป่านนี้ยังไม่อ่านหนังสือสักที”
“ไม่ต้องรีบหรอกอีกตั้งปีกว่าจะถึงวันสอบ”

ฉันมองตามหลังเด็กทั้งสองขณะที่พวกเขาเดินลงจากรถหน้าโรงเรียนนับว่าเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของคนสองคนที่มองสิ่งเดียวกันต่างออกไป  คนหนึ่งมองอย่างเป็นทุกข์ อีกคนมองอย่างไม่ทุกข์      หรือว่าทุกสิ่งรอบตัวสามารถมองได้สองแบบจริงๆแบบเดียวกับที่ฉันมองสองด้านของเหรียญหรือมองแก้วน้ำที่มีน้ำเหลืออยู่ครึ่งแก้ว

แล้วที่ฉันไม่มีความสุขอยู่ทุกวันนี้เกิดจากการมองของฉันใช่หรือไม่…

เย็นวันนั้นฉันกลับบ้านมานั่งพักที่ระเบียง  แมวดำตัวหนึ่งกำลังพยายามจะมาคุ้ยหาขยะในถุงดำ ที่มัดกองไว้หน้าบ้านแต่แรกฉันทำท่าจะถอดรองเท้าขว้างใส่แบบที่เคยทำมาแต่พอคิดไปอีกทางว่าการเกิดเป็นแมวจรจัดไร้เจ้าของและที่ซุกหัวนอนนั้นก็แย่พออยู่แล้ว  ยังต้องมาคุ้ยขยะหาอาหารประทังชีวิตให้รอด  แล้วยังถูกคนขับไล่อีกไปที่ไหนก็มีแต่คนไม่ต้อนรับเอ็นดู

ฉันลองเปลี่ยนความคิดดู หันหลังเดินเข้าครัวหยิบไส้กรอกอีสานและแฮมในตู้เย็นออกมาอุ่นเล็กน้อย      จากนั้นก็เปิดประตูบ้านออกไป แมวดำยังอยู่ที่กองขยะหน้าบ้านแสงจากเสาไฟฟ้าที่ส่องสลัวลงมาถึงตัวของมันทำให้มองดูเหมือนกับว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่โดดเดี่ยวที่สุดในโลกฉันส่งเสียงเลียนแบบแมวดังเมี้ยวๆ จนมันหันมามอง

“กินซะนะอยู่ด้วยกันมานานฉันเพิ่งจะมาใจดีวันนี้แหละ”             แมวตัวนั้นค่อยๆเดินมาอย่างกล้าๆกลัวๆจนมาหยุดใกล้ๆฉันจึงวางไส้กรอกอีสานกับหมูแฮมลงบนพื้นแมวจรจัดส่งเสียงร้องเหมียวๆ    ขณะก้มลงดมอาหารมื้อพิเศษนั้นในที่สุดมันก็กินอย่างเอร็ดอร่อยทีเดียว

ฉันยืนกอดอกมองภาพแมวที่กำลังกินอาหารที่ฉันหามาให้อย่างมีความสุข      เพิ่งได้รู้กับตัวเองว่าการไล่แมวกับการให้อาหารแมวนั้นมันให้ความสุขทางใจที่แตกต่างกันมากกขนาดนี้เอง

ต่อจากนี้ไปฉันจะมีความสุข…            ……………………………………………………………………………………………

ฉันชอบงานที่ฉันทำ  เพราะมันให้โอกาสฉันได้แสดงฝีมือทำงานเพื่อส่วนรวมและมีรายได้มาเลี้ยงตัวเองงานทั้งหลายนั้นดูช่างท้าทายฉันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ฉันชอบเจ้านาย    เพราะเขาให้โอกาสฉันคิดและตัดสินใจลงมือทำสิ่งต่างๆด้วยตัวเอง      โดยพยายามตักเตือนแนะนำเมื่อฉันทำงานผิดพลาด
ฉันชอบเช้าวันจันทร์  เพราะเป็นวันที่ฉันรู้สึกเหมือนทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งสัปดาห์นี้จะต้องดีกว่าสัปดาห์ที่แล้ว
ฉันชอบเช้าวันอังคาร    เพราะเป็นวันที่ฉันเพิ่งทำงานไปได้วันเดียวยังมีอีกหลายวันที่สนุกสนานรออยู่ เพื่อนที่ทำงานยังรอฉันอยู่
ฉันชอบเช้าวันพุธ  เพราะเป็นวันที่ฉันเริ่มตื่นขึ้นมาพร้อมความล้าเล็กน้อย  และพบว่าเวลาผ่านไปครึ่งทางแล้ว     ฉันจะรีบทำงานในเวลาที่เหลือให้ดีที่สุด อีกไม่นานฉันจะได้พักผ่อนวันหยุดแล้ว
ฉันชอบเช้าวันพฤหัสบดี  เพราะเป็นวันที่ฉันเห็นความคืบหน้าของงานในสัปดาห์นี้มากมาย    หากฉันไม่จัดการงานพวกนี้บริษัทและทุกคนในบริษัทคงลำบากมากฉันรู้ว่าฉันมีส่วนร่วมในการผลักดันบริษัทของฉัน
ฉันชอบเช้าวันศุกร์  เพราะฉันจะให้กำลังใจตัวเองว่านี่คือวันทำงานวันสุดท้ายแล้ว  ฉันจะจัดการทุกสิ่งไม่ให้คั่งค้างเพื่อให้พรุ่งนี้และมะรืนนี้เป็นวันหยุดที่แสนสบาย
ฉันชอบเช้าวันเสาร์  เพราะฉันจะตื่นมาพร้อมกับเสียงหัวเราะของเด็กบ้านใกล้ๆ    ที่กำลังวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน ฟังดูสดชื่นมีชีวิตชีวาจากนั้นฉันจะเริ่มทำความสะอาดบ้านและมองดูบ้านที่สะอาดขึ้นทีละน้อยอย่างภูมิใจ
ฉันชอบเช้าวันอาทิตย์   เพราะฉันจะตื่อนแต่เช้าเช่นกัน    เพื่อเตรียมหุงหาอาหารใส่บาตรพระที่ผ่านมาหน้าหมู่บ้าน จากนั้นฉันจะไปซื้อของและกลับมาพักผ่อนที่บ้านรอคอยสัปดาห์ใหม่ที่กำลังจะเริ่มขึ้น
ฉันชอบวันหยุดนักขัตฤกษ์    เพราะมันทำให้ฉันมีเวลาส่วนตัวให้ตัวเองและครอบครัวมากขึ้น
ฉันชอบรถติด  เพราะมันทำให้ฉันเพลิดเพลินกับการฟังเพลงวิทยุช่องโปรดและเหม่อมองสิ่งต่างๆรอบตัวนานขึ้น
ฉันชอบรถเมล์   เพราะฉันมองเห็นคนมากมายที่กำลังร่วมทางกันอยู่บนรถคันเดียวกันแต่ละวันที่ได้พบกับผู้คนบนรถเมล์ฉันมักจะได้แง่คิดดีๆจากการเงี่ยหูฟังพวกเขาคุยกันอยู่เสมอ
ฉันชอบบ้านเช่าที่ฉันอยู่  เพราะมันดูกะทัดรัดดูแลทำความสะอาดได้ง่าย       มีเพื่อนบ้านมากมายคอยช่วยเป็น   หูเป็นตาให้
ฉันชอบบ้านเดิมที่ต่างจังหวัด  เพราะมันห่างไกลจากความวุ่นวายในเมืองหลวง      และฉันมักจะกลับไปพักผ่อนเติมพลังอยู่เสมอเมื่อเหนื่อยล้า

จากการใช้ชีวิตในเมือง
ฉันชอบนิยายน้ำเน่า  เพราะมันทำให้ฉันผ่อนคลายและได้ล่องลอยไปในโลกความฝันบ้าง          หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว
ฉันชอบหน้าร้อน   เพราะมันทำให้ฉันรู้สึกถึงชีวิตชีวารอบข้างเสียงแมลงต่างพากันร้อง     นกต่างพากันบินออกหากินดอกไม้เบ่งบาน
ฉันชอบหน้าฝน   เพราะมันช่างดูอบอุ่นชุ่มเย็นการเฝ้ามองต้นไม้เขียวขจีต้องลมฝนจากใต้ชายคาบ้านฉัน  เป็นภาพที่สวยงามจริงๆ
ฉันชอบหน้าหนาว   เพราะมันทำให้ฉันรู้สึกเย็นสบายได้หยิบเสื้อหนาวสวยๆในตู้ออกมาใส่   จะเดินออกไปไหนมาไหนก็กระชุ่มกระชวย นอนหลับก็สบายไม่ต้องเปิดพัดลม
ฉันชอบมหาวิทยาลัยที่ฉันเรียนจบมา   เพราะมันไม่ค่อยมีชื่อเสียงหากฉันทำงานของฉันจนประสบความสำเร็จ     ฉันจะกลายเป็นบุคคลที่สร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยของฉันจะเป็นที่ยอมรับของทุกคน
ฉันชอบคนรักของฉัน    เพราะเขาเป็นคนจริงใจพูดตรงไปตรงมา ไม่มีมารยา          และทำให้ฉันเรียนรู้ที่จะเอาอกเอาใจเธอ
ฉันชอบกรุงเทพ    เพราะที่นี่มีผู้คนมากมาย และมีบทเรียนใหม่ๆที่จะคอยสอนใจฉันอย่างไม่รู้จักจบสิ้น เหมือนกับที่มันเคยสอนฉันให้มองโลกอย่างมีความสุขมาแล้ว

ฉันมีความสุข…

ความสุขอยู่ในทุกหนแห่งและอยู่ที่ตัวฉันเอง…        อยู่ที่ฉันจะตั้งใจมองหามันในทุกสิ่งรอบข้างเองหรือไม่เท่านั้น…

เกี่ยวกับวัดฯ

  • ประวัติอาสนวิหาร
  • แม่พระอัสสัมชัญ
  • บรรณฐาน
  • สถาปัตยกรรม
  • กระจกสี
  • ภาษาลาตินในวัด

บริการต่างๆ

  • ล้างบาปทารก / Baptisms
  • แต่งงาน / Wedding
  • การขออนุญาตถ่ายภาพ

สารวัดย้อนหลัง

  • บทสนทนาจากเจ้าอาวาส
  • คิดสักนิด...สะกิดใจ...
  • ปลัดแก่ ซอย40
  • ปี 2012

บุคลากร/องค์กรต่างๆในวัด

  • พระสงฆ์
  • สำนักงานวัด
  • สภาภิบาล
  • นักขับร้อง
  • สโมสรเยาวชน

ลิงค์คาทอลิก

  • สภาสังฆราชคาทอลิกประเทศไทย
  • อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
  • หอจดหมายเหตุ อัครสังฆมณฑลฯ
  • สื่อมวลชนคาทอลิกประเทศไทย
Facebook-f Youtube