“ไม่มีใครกลับมาถวายเกียรติพระเจ้านอกจากคนต่างชาติคนนี้หรือ”
ระหว่างทางไปเยรูซาเล็มมีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย การเดินทางไปเยรูซาเล็มมีความหมายที่ชัดเจนคือการไปรับทรมาน สิ้นพระชนม์ และกลับคืนพระชนมชีพตามแผนการไถ่กู้ของพระเจ้า
ดูเหมือนว่าพระเยซูเจ้าไม่ได้เร่งรีบเท่าไรนัก เพราะเมื่อตอนเริ่มต้นการเดินทาง ศิษย์ของพระองค์ก็เข้าไปในหมู่บ้านของชาวสะมาเรีย (ลก 9:52) วันนี้พระองค์ยังคงอยู่ที่ดินแดนระหว่างสะมาเรียและกาลิลี (ลก 17:11) ซึ่งลูกาจะกล่าวถึงตำแหน่งถัดไปของพระเยซูเจ้าว่าอยู่ที่เยรีโคในบทที่ 18 และเดินทางถึงเยรูซาเล็มประมาณกลางบทที่ 19
ปกติแล้วชาวยิวกับชาวสะมาเรียจะไม่อยู่ด้วยกันเพราะพวกเขาไม่ถูกกัน แต่ในเรื่องนี้เราเห็นว่าคนโรคเรื้อนทั้ง 10 คนที่มาขอให้พระเยซูเจ้ารักษานั้นมีชาวสะมาเรียรวมอยู่ด้วย เหตุผลที่พวกเขาอยู่ด้วยกันได้เพราะพวกเขามีความทุกข์ยากเหมือนกัน
โรคเรื้อนไม่มีทางรักษา แต่หากโชคดีที่หายได้ ผู้ที่ตัดสินว่าเขาหายจากโรคมีเพียงสมณะเท่านั้น ซึ่งกฎหมายของชาวยิวระบุไว้อย่างละเอียดว่าต้องพิจารณาอย่างไร
คนโรคเรื้อนทั้ง 10 มาขอให้พระเยซูเจ้ารักษา ร้องตะโกนอยู่ห่างๆ ว่า “พระเยซู พระอาจารย์ โปรดสงสารพวกเราเถิด” (ลก 17:13)
แต่แม้พวกเขาอยู่ห่าง พระเยซูเจ้าเห็น (ลก 17:14) แม้เป็นประโยคสั้นๆ ที่พระเยซูเจ้า “เห็น” คนโรคเรื้อน แต่มีความหมายยิ่งใหญ่ว่าพระองค์ใส่ใจและได้ยินคำร้องขอของเราเสมอ
อย่างไรก็ดีเมื่อพวกเขาได้รับการรักษาแล้ว มีเพียงคนเดียวที่กลับมาถวายเกียรติพระเจ้า แต่คนนั้นกลับเป็นชาวสะมาเรียที่ชาวยิวไม่ค่อยชอบหน้าเท่าไรนัก ในขณะที่ชาวยิวเพื่อนร่วมชาติของพระเยซูเจ้าไม่มีใครกลับมาขอบคุณพระองค์เลย
แน่นอนว่าเมื่อหายป่วย คนแรกที่พวกเขาอยากเจอคือคนที่พวกเขารัก ครอบครัว พ่อแม่ คนรัก ลูกๆ มิตรสหายหลังจากที่ถูกตัดออกไปจากสังคมเป็นเวลานาน เหมือนการหลุดพ้นจากความตาย พวกเขาดีใจจริงๆ ที่หายจากโรค แต่พวกเขาอาจลืมคนที่เห็น ได้ยินเสียงร้อง และยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ
เราก็เช่นกัน ส่วนใหญ่เรามักคิดถึงพระเจ้าเมื่อมีความทุกข์ แต่เมื่อความทุกข์นั้นผ่านไป สักกี่คนที่จะกลับมาขอบพระคุณพระเจ้า.
…ลาซารัส…