“ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระองค์ที่ข้าพเจ้าไม่เป็นเหมือนมนุษย์คนอื่น”
พระวรสารนักบุญลูกาบทที่ 17 มีนิทานเปรียบเทียบเกี่ยวกับการภาวนาอยู่ 2 เรื่อง คือเรื่องผู้พิพากษาอธรรมกับหญิงม่าย (ลก 18:1-8) สอนให้อย่าท้อถอยและภาวนาอย่างสม่ำเสมอ อีกเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องชาวฟาริสีและคนเก็บภาษี (ลก 18:9-14) สอนท่าทีของการภาวนา ซึ่งเราได้ยินในวันนี้
เริ่มต้นเรื่องด้วยพระเยซูเจ้า “เล่าเรื่องอุปมานี้ให้บางคนที่ภูมิใจว่าตนเป็นผู้ชอบธรรมและดูหมิ่นผู้อื่น” (ลก 18:9) ซึ่งแตกต่างจากโดยทั่วไปที่พระองค์มักจะสอนประชาชนโดยรวม หรือไม่ก็เฉพาะบรรดาศิษย์ และพระองค์ก็ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่พวกธรรมาจารย์และฟาริสีแต่อย่างใด แต่เรื่องนี้พระองค์ต้องการสอนคนที่มีนิสัยเหล่านี้โดยตรง ไม่ใช่ชาวฟาริสีทุกคนมีนิสัยเช่นนี้
และแน่นอนไม่ใช่ศิษย์ของพระองค์ หรือประชาชนทุกคนที่สุภาพเหมือนกับคนเก็บภาษีในนิทานเปรียบเทียบ บางคนยังคิดว่าตนเองดีกว่าผู้อื่น ยกตนขมท่าน ดูแคลนผู้อื่น บ่อยครั้งเรามักคิดเข้าข้างตัวเองว่า “ดีนะ ที่ฉันไม่ได้เป็นเหมือนคนนั้นคนนี้” ซึ่งไม่ต่างอะไรจากนิทานเปรียบเทียบของพระเยซูเจ้าวันนี้เลย
ชาวฟาริสีในนิทานเปรียบเทียบวันนี้ “ชาวฟาริสียืนอธิษฐานภาวนาในใจ” ซึ่งต้นฉบับภาษากรีกใช้คำว่า pros heauton (to himself) ซึ่งตามบริบทอาจแปลได้ว่าชาวฟาริสีผู้นี้ “ยืนภาวนากับตัวเอง” เขาภาวนาขอบพระคุณพระเจ้าก็จริง แต่สิ่งที่กล่าวออกมาล้วนเป็นสิ่งที่เขากระทำ ไม่มีคำใดที่ขอบพระคุณพระเจ้าที่พระองค์ทำให้เขาสามารถทำสิ่งต่างๆ อย่างการจำศีลอดอาหาร การถวายหนึ่งในสิบของรายได้ตามที่ว่ามาเลย ทั้งๆ ที่เป็นพระพรของพระเจ้าที่ทำให้เขามีศักยภาพทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะพระเจ้า เขาจะมีอาหารเพียงพอจนเลือกว่าจะจำศีลได้ไหม? สามารถมีรายได้เพียงพอจะถวายไหม?
ไม่เพียงแค่นั้น ชาวฟาริสีคนนี้ยัง “แซะ” คนเก็บภาษีที่อยู่ห่างออกไป ทุกประโยคของการภาวนามีแต่ตัวเอง ส่วนพระเจ้าและเพื่อนมนุษย์คนอื่น (แม้จะเป็นคนที่ไม่ชอบก็ตามที) ไม่ได้อยู่ในคำภาวนาของเขาเลย
ท่าทีในการภาวนาของเราเป็นเหมือนชาวฟาริสีผู้นั้นไหม? เราขอบคุณพระเจ้าด้วยเรื่องใด? เราเคยขอบคุณพระเจ้าเพราะสิ่งต่างๆ ที่เรามี เพราะปัจจัยชีวิตที่เราอยู่ได้โดยไม่ได้ลำบากนักหรือไม่? หรือเรายังคงสนใจแต่ตัวเอง บ่อยครั้งทีเดียว เพราะความมั่นใจในตัวเอง ความจองหอง ความยโส แม้แต่ความเขลาที่ไม่รู้ว่าตนเองแท้จริงแล้วเป็นอย่างไร ทำให้เรามีลักษณะเดียวกันกับชาวฟาริสีผู้นั้น เรามองเห็นแต่ข้อดีของตนเอง มองเห็นแต่ข้อเสียของผู้อื่น โดยเฉพาะคนที่เราไม่ชอบ และบ่อยครั้งส่งผลกับท่าทีการภาวนาของเรา.
…ลาซารัส…