แทนคิดสักนิด…สะกิดใจ 13 มิถุนายนระลึกถึงนักบุญอันตนแห่งปาดัวพระสงฆ์นักปราชญ์ (St. Anthony of Padua, Priest & Doctor, […]
แทนคิดสักนิด…สะกิดใจ 13 มิถุนายนระลึกถึงนักบุญอันตนแห่งปาดัวพระสงฆ์นักปราชญ์ (St. Anthony of Padua, Priest & Doctor, […]
วันนี้ทั้งชาวยิวและเราคริสตชนฉลองวันที่ห้าสิบ(Pentecost) หลังการสมโภชปัสกา“วันเปนเตกอสเต” ในภาษากรีกหมายถึง“วันที่ห้าสิบ”สำหรับชาวยิวถือเป็นวันฉลองการขอบพระคุณพระเจ้าหลังฤดูเก็บเกี่ยวอีกทั้งเป็นการระลึกถึงการกระทำพันธสัญญาระหว่างพระยาเวห์กับโนอาห์หลัง50 วัน ของการเกิดน้ำท่วมใหญ่และพันธสัญญาที่ทรงกระทำกับประชากรอิสราแอลผ่านทางโมเสสบนภูเขาซีนาย(อพย.20) ซึ่งเกิดขึ้นในวันที่ห้าสิบหลังการอพยพออกจากแผ่นดินอียิปต์ สำหรับเราคริสตชนวันนี้เป็นวันฉลองพระจิตเสด็จลงมาเหนือบรรดาอัครสาวกเป็นรูปเปลวไฟสัณฐานเหมือนลิ้นอีกทั้งเป็นวันฉลองของการถือกำเนิดของพระศาสนจักรซึ่งเริ่มต้นขึ้นในวันที่พระจิตเจ้าเสด็จลงมา(ภายหลังได้รับพระจิตเจ้าเปโตรได้เริ่มประกาศเทศน์สอนมีคนกลับใจรับศีลล้างบาป3,000 คน) และเป็นวันฉลองการก่อตั้งพันธสัญญาใหม่ของพระเยซูเจ้ากับพระศาสนจักรซึ่งเป็นประชากรอิสราแอลใหม่ที่มีบรรดาอัครสาวกเป็นรากฐาน นักบุญเปาโลได้กล่าวว่า“หากพระจิตเจ้าไม่ทรงดลใจก็ไม่มีผู้ใดพูดได้ว่าพระเยซูคือองค์พระผู้เป็นเจ้า”(1 […]
ข้อคิดวันสมโภชพระวรกายและพระโลหิตพระคริสตเจ้า ปี C 1 คร11: 23-26…ในคืนที่ทรงถูกทรยศนั้นเองพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงหยิบปังขอบพระคุณแล้วทรงบิออกตรัสว่า“นี่คือกายของเราเพื่อท่านทั้งหลายจงทำการนี้เพื่อระลึกถึงเราเถิด…ถ้วยนี้คือพันธสัญญาใหม่ในโลหิตของเราทุกครั้งที่ท่านจะดื่มจงทำการนี้เพื่อระลึกถึงเราเถิด”…(และ)ทุกครั้งที่ท่านกินปังนี้และดื่มจากถ้วยนี้ท่านก็ประกาศการสิ้นพระชนม์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจนกว่าพระองค์จะเสด็จมา… เราเป็นประชากรของพระเจ้าที่กำลังเดินทางชีวิตในความเชื่อมุ่งสู่แผ่นดินพระสัญญาแห่งชีวิตนิรันดรเราต้องการอาหารสำหรับการเดินทางชีวิตนี้ของเรา…ในพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณเราได้รับการเลี้ยงดูอย่างมีคุณค่าจากพระกายของพระเยซูเจ้าประเสริฐกว่ามานนาที่บรรพบุรุษของเราได้รับในถิ่นทุรกันดาร…และพระองค์ทรงเลี้ยงดูเราด้วยพระวาจาของพระเจ้าและด้วยปังแห่งชีวิตนิรันดร์ ข้อคิด…คืนก่อนที่พระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์พระองค์ทรงนั่งที่โต๊ะอาหารกับพวกสาวกของพระองค์คนกลุ่มเล็กๆนั่งล้อมที่โต๊ะอาหารย่อมบ่งบอกถึงความใกล้ชิดความอบอุ่นความไว้วางใจกันและความรัก…แต่ถ้าหากมีผู้กำลังคิดทรยศพระองค์อยู่ที่นั่นด้วยภาพเช่นนี้จะทิ่มแทงบาดหัวใจยิ่งขึ้นทั้งจะเพิ่มความเจ็บปวดมากขึ้นเมื่อความร้าวฉานเกิดขึ้นในหมู่คนที่มีความสนิทสนมใกล้ชิดกันความเข้าใจซึ่งกันและกันจะกลับกลายเป็นสิ่งที่ยากยิ่งขึ้นยากมากกว่าความเข้าใจกันกับคนที่เรารู้จักกันแบบธรรมดา ที่โต๊ะอาหารผู้กำลังคิดทรยศพระอาจารย์ก็นั่งอยู่ด้วย…เราอาจจะตั้งคำถามว่ายูดาสมาปรากฏตัวอยู่ด้วยทำไม?…เมื่อเขาได้ตั้งใจที่จะทรยศขายพระเยซูเจ้าอยู่แล้วบางทีเขาอาจจะต้องการแสดงให้เห็นว่าเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องปกติธรรมดาและพระเยซูเจ้าเองก็คงจะไม่เคลือบแคลงสงสัยแต่อย่างใด นักบุญเปาโลได้เล่าเรื่องการรับประทานอาหารค่ำมื้อสุดท้ายของพระเยซูเจ้าว่า…ในคืนที่ทรงถูกทรยศนั้นเองพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงหยิบปังขอบพระคุณแล้วทรงบิออกตรัสว่า“นี่คือกายของเราเพื่อท่านทั้งหลายจงทำการนี้เพื่อระลึกถึงเราเถิด…ถ้วยนี้คือพันธสัญญาใหม่ในโลหิตของเราทุกครั้งที่ท่านจะดื่มจงทำการนี้เพื่อระลึกถึงเราเถิด” […]
ข้อคิดวันสมโภชพระตรีเอกภาพปี C ยน16: 12-15…พระเยซูเจ้าทรงตรัสว่า“เมื่อพระจิตแห่งความจริงเสด็จมา…พระองค์จะทรงให้เราได้รับพระสิริรุ่งโรจน์…ทุกสิ่งที่พระบิดาทรงมีนั้นก็เป็นของเราด้วยดังนั้นเราจึงบอกว่าพระจิตเจ้าจะทรงแจ้งให้ท่านรู้คำสอนที่ทรงรับจากเรา”… พระตรีเอกภาพซึ่งเราทำการสมโภชในวันนี้นำเรามนุษย์ทุกๆคนให้ไปอยู่ต่อหน้าธรรมล้ำลึกขององค์พระผู้เป็นเจ้า…เราสามารถเรียนรู้บางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับพระเจ้าด้วยการสังเกตดูสิ่งสร้างแต่ว่าเป็นองค์พระเยซูเจ้าซึ่งได้เผยแสดงธรรมล้ำลึกของพระเจ้าให้กับเรา…แต่ว่าหลายๆครั้งเรากลับหลงใหลในสิ่งสร้างจนทำให้เราลืมพระเจ้า…ให้เราได้ไตร่ตรองในเรื่องนี้สักครู่หนึ่ง ข้อคิด…สิ่งแรกที่บิดามารดาสอนเราเกี่ยวกับศาสนาคงจะเป็นการทำเครื่องหมายสำคัญกางเขนและสิ่งสุดท้ายที่พระสงฆ์ทำที่หลุมฝังศพของเรา ก็คือการทำเครื่องหมายสำคัญกางเขนเหนือร่างที่ไม่ไหวติงของเรา เพราะชีวิตคริสตชนของเราถูกตราไว้ “ในพระนามของพระบิดา และพระบุตร และพระจิต”…และบทภาวนาของพระศาสนจักรโดยทั่วๆไป […]
ข้อคิดวันสมโภชพระจิตเจ้า ปี C ยน14: 15-16, 23ข-26…เราบอกสิ่งเหล่านี้ให้ท่านฟังขณะที่เรายังอยู่กับท่านแต่พระผู้ช่วยเหลือคือ”พระจิตเจ้า”ที่พระบิดาจะส่งมาในนามของเรานั้นจะทรงสอนท่านทุกสิ่งและจะทรงให้ท่านระลึกถึงทุกสิ่งที่เราเคยบอกท่าน… วันนี้เราทำการสมโภชการเสด็จมาของพระจิตเจ้ายังบรรดาอัครสาวกและสานุศิษย์ของพระองค์…ผ่านทางคำอธิษฐานภาวนาของพระศาสนจักรพระจิตเจ้าก็เสด็จมายังเราแต่ละคนในวันสมโภชนี้…ดังนั้นให้เราเตรียมตัวเตรียมจิตใจของเราให้พร้อมที่จะรับเสด็จพระองค์ด้วยการเป็นทุกข์ถึงบาป ข้อคิด…ครั้งแรกที่พระเยซูเจ้าทรงประทานพระจิตเจ้าให้กับบรรดาอัครสาวกเกิดขึ้นในเวลาเย็นวันอาทิตย์ปัสกา(ยน20: 21-23)…การเป่าลมเหนือพวกอัครสาวกเป็นสัญลักษณ์ของการรับพระจิตเจ้าพระองค์ซึ่งเป็นหลักการของสิ่งสร้างใหม่นอกจากนั้นการรับพระจิตก็ยังหมายถึงการรับพระพรของพระองค์และการส่งบรรดาอัครสาวกและศิษย์ของพระเยซูเจ้าออกไปเทศน์สอนให้กับนานาชาติตามที่พระเยซูเจ้าได้ทรงมีพระบัญชาไว้… …เป็นไปไม่ได้ที่เราจะเจริญชีวิตคริสตชนอย่างดีได้โดยปราศจากพระจิตเจ้าเป็นผู้นำเราจะซาบซึ้งถึงบทบาทของพระจิตในชีวิตคริสตชนได้นั้นเราต้องเริ่มจากพระเยซูเจ้าแม้องค์พระเยซูเจ้าเองก็จำเป็นต้องมีพระจิตพระจิตเจ้าทรงมีบทบาทที่สำคัญในชีวิตของพระองค์และพระจิตเสด็จลงมาอยู่เหนือพระองค์เมื่อพระองค์ทรงรับพิธีล้างทั้งยังได้ประกาศว่าพระองค์เป็นพระบุตรสุดที่รักของพระบิดาเจ้า ในขณะที่พระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้างนั้นพระองค์ทรงรับอำนาจจากเบื้องบนในการเริ่มพันธกิจของพระองค์…พระจิตเจ้ามิได้ถูกมอบให้พระองค์เพียงชั่วขณะแต่พระจิตยังคงประทับอยู่กับพระองค์ตลอดพันธกิจของพระองค์พระเยซูเจ้ายังคงให้พระจิตทรงนำทางและประทานความเข้มแข็งให้กับพระองค์อย่างต่อเนื่อง […]
“พระเยซูเสด็จขึ้นสวรรค์” (Ascension of Jesus) การสมโภช“พระเยซูเสด็จขึ้นสวรรค์” (Ascension of Jesus)เป็นเหตุการณ์ที่พระเยซูเสด็จขึ้นสวรรค์ต่อหน้าบรรดาอัครสาวกด้วยอำนาจของพระองค์เองหลังจากที่พระองค์ทรงกลับคืนพระชนม์ได้40 วันก่อนเสด็จสู่สวรรค์พระองค์ได้ตรัสกับบรรดาศิษย์และเราแต่ละคนให้สานต่องานไถ่กู้มนุษยชาติของพระองค์ให้สำเร็จไปด้วยการประกาศข่าวดีด้วยคำพูดและการกระทำของพวกเขา […]
ข้อคิดวันสมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์ปีC ลก24: 46-53…ขณะที่ทรงอวยพระพรอยู่นั้นพระองค์ทรงแยกไปจากพวกเขาและทรงถูกนำขึ้นสู่สวรรค์… วันนี้เราทำการสมโภชการได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเยซูเจ้าพระอาจารย์เจ้าของเราเมื่อพระบิดาเจ้าได้ทรงยกย่องพระองค์ขึ้นสู่พระอาณาจักรสวรรค์…และพระเยซูเจ้าเองทรงต้องการให้เราได้มีส่วนร่วมในพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์นี้ด้วย…ให้เราได้ใช้เวลาสักครู่หนึ่งไตร่ตรองถึงพระสิริรุ่งโรจน์และพระอาณาจักรสวรรค์ที่พระองค์จะทรงประทานให้กับเราแต่ละคนหลังจากที่เราจะได้จบชีวิตของเราอย่างดีและอย่างศักดิ์สิทธิ์บนโลกใบนี้แล้ว. ข้อคิด…ในวันสมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จสู่สวรรค์เราสมโภชพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์พระผู้ทรงถ่อมพระองค์ลงยอมรับทรมานและสิ้นพระชนม์บัดนี้ทรงเสวยราชย์ในพระสิริรุ่งโรจน์ณพระหัตถ์ขวาของพระบิดาเจ้า แต่สิ่งที่แปลกคือเส้นทางที่นำพระองค์ไปสู่พระสิริรุ่งโรจน์นั้นกล่าวอย่างตรงไปตรงมาคือช่วงแรกๆนั้นบรรดาอัครสาวกเห็นว่าเป็นสิ่งที่เหลือเชื่อที่ใครจะสามารถเข้าสู่พระสิริรุ่งโรจน์ได้โดยเส้นทางนี้นอกจากพระเมสสิยาห์และโดยผ่านทางการทนทุกข์ทรมานความเจ็บปวดและการสิ้นพระชนม์ พวกเขามีความหวังและมีความฝันว่าพระเยซูเจ้าคือพระเมสสิยาห์ที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้แต่เมื่อพระองค์ทรงต้องสิ้นพระชนม์ด้วยการถูกตรึงที่ไม้กางเขนความฝันของพวกเขาก็พลันสลายไป…พระเมสสิยาห์ผู้ต่ำต้อยและต้องถูกตรึงที่ไม้กางเขนเป็นสิ่งที่พวกเขาคิดไม่ถึงและรับไม่ได้พวกเขาแสวงหาคำตอบจากพระคัมภีร์แต่ไม่พบ อย่างไรก็ตามจิตใจของพวกเขาค่อยๆเปิดออก…พวกเขาพบว่ามีวิธีการอื่นๆอีกในการมองพระคัมภีร์พวกเขาเริ่มมองเห็นว่าบรรดาประกาศกได้กล่าวทำนายไว้ล่วงหน้าแล้วว่าพระเมสสิยาห์จะทรงรับทรมานและสิ้นพระชนม์และจะเสด็จเข้าสู่พระสิริรุ่งโรจน์พระองค์ทรงใช้หนทางที่แปลกเพื่อเข้าสู่พระสิริรุ่งโรจน์และที่แปลกคือทุกคนสามารถเข้าสู่พระสิริรุ่งโรจน์โดยทางความเสียสละและความทุกข์ได้เช่นเดียวกับพระองค์ จากมุมมองทางโลกนั้นชั่วโมงที่พระเยซูเจ้าทรงสิ้นพระชนม์เป็นชั่วโมงของความล้มเหลวที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือเป็นชั่วโมงของความอับอายและอัปยศแต่ด้วยการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์นั้นพระเจ้าทรงเปลี่ยนให้เป็นชั่วโมงแห่งชัยชนะและพระสิริมงคลของพระองค์และเป็นชั่วโมงแห่งพระหรรษทานสำหรับเรามนุษย์ทุกคนด้วยการสิ้นพระชนม์ของพระองค์นั้นอยู่ห่างไกลจากจุดจบของความฝันเป็นวิธีที่ถูกต้องที่พวกเขาตระหนักดังนั้นบรรดาอัครสาวกจึงเริ่มเข้าใจในความหมายในการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าว่าเป็นการบรรลุถึงพระสิริรุ่งโรจน์โดยทางความทุกข์ที่เริ่มด้วยความเจ็บปวดและการสิ้นพระชนม์แต่ก็จบลงด้วยความชื่นชมยินดี […]
แทนคิดสักนิด…สะกิดใจ ตราประทับทางการของมิสซังสยามในอดีต ในโอกาสการสถาปนามิสซังสยามครบรอบ350 ปีน้อยคนที่จะเคยเห็นหรือมีความทรงจำในดวงตราซึ่งเป็นตราประทับทางการของมิสซังสยามในอดีต ดวงตรานี้ได้ถูกแกะออกจากตราประทับซึ่งสามารถย้อนอายุการใช้งานของตราไปถึงต้นกรุงรัตนโกสินทร์เป็นดวงตราที่พระสังฆราชผู้เป็นประมุขมิสซังสยามใช้ประทับในเอกสารทางการต่างๆโดยเฉพาะเอกสารสำคัญของมิสซังที่ส่งไปยังต่างประเทศ(ประมุขมิสซังจะมีตราเฉพาะของตัวเองอีกท่านละอย่างน้อยหนึ่งดวง) ตามรูปแบบของดวงตรานี้เป็นรูปแบบที่นิยมใช้ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่17-18 โดยความหมายที่ปรากฏในดวงตรามิสซังสยามมีดังนี้คือ ตัวอักษรภาษาลาตินVICARIATUS APOSTOLICUS SIAMENSISแปลโดยรวมคือมิสซังสยามหรือในภาษาอังกฤษคือThe […]
ข้อคิดอาทิตย์ที่ 6 เทศกาลปัสกา ปี C ยน14: 23-29…เรามอบสันติสุขไว้ให้ท่านทั้งหลายเราให้สันติสุขของเรากับท่าน…ไม่เหมือนที่โลกให้… พระเยซูเจ้าได้ทรงบอกกับสานุศิษย์ของพระองค์ว่า“เรามอบสันติสุขไว้ให้ท่านทั้งหลายเราให้สันติสุขของเรากับท่าน”…เราไม่สามารถให้สันติสุขของเรากับคนอื่นได้ถ้าหากในตัวเรายังไม่มีสันติสุข…พระเยซูเจ้าสามารถให้สันติสุขกับคนอื่นได้เพราะในพระองค์มีสันติสุขอย่างเต็มเปี่ยมอยู่แล้ว…พระองค์จะประทานสันติสุขของพระองค์ให้กับเราถ้าหากเราจะได้มีชีวิตของพระองค์และปฏิบัติพระวาจาของพระองค์ในชีวิตของเรา ข้อคิด…ระหว่างการเลี้ยงอาหารค่ำมื้อสุดท้ายพระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาศิษย์ว่า“เรามอบสันติสุขไว้ให้ท่านทั้งหลายเราให้สันติสุขของเรากับท่านเราให้สันติสุขกับท่านไม่เหมือนที่โลกให้ใจของท่านอย่าหวั่นไหวหรือมีความกลัวเลย” ช่างเป็นพระวาจาที่งดงามและกินใจมากที่สุดพระวาจาหนึ่งในพระวรสาร คำว่า“สันติสุข” หรือ“สันติภาพ” หรือ“Peace” เป็นถ้อยคำที่มีการใช้กันอย่างกว้างขวางให้ความหมายได้เพียงส่วนน้อยไม่เหมือนกับคำว่า“Shalom” […]
แทนคิดสักนิด…สะกิดใจ ประวัติพระคาร์ดินัลแฟร์นันโด ฟีโลนี สวัสดีครับพี่น้องที่รักสัปดาห์นี้ของการฉลอง350 ปีแห่งการสถาปนามิสซังสยาม(1669-2019) […]