• หน้าแรก
  • เกี่ยวกับอาสนวิหาร
    • ประวัติอาสนวิหารอัสสัมชัญ
    • สถาปัตยกรรม
    • บรรณฐาน
    • ภาษาลาตินในวัด
    • กระจกสี / stained-glass
    • รูปนักบุญ / saint sculpture
  • บริการต่างๆ
    • ล้างบาปทารก / Baptisms
    • การถ่ายภาพ / Take pictures
    • แต่งงาน / wedding
  • ติดต่อสอบถาม/Contact us
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับอาสนวิหาร
    • ประวัติอาสนวิหารอัสสัมชัญ
    • สถาปัตยกรรม
    • บรรณฐาน
    • ภาษาลาตินในวัด
    • กระจกสี / stained-glass
    • รูปนักบุญ / saint sculpture
  • บริการต่างๆ
    • ล้างบาปทารก / Baptisms
    • การถ่ายภาพ / Take pictures
    • แต่งงาน / wedding
  • ติดต่อสอบถาม/Contact us

Category: คิดสักนิด…สะกิดใจ

2017-02-05 ความสว่างและเกลือ

สวัสดีครับพี่น้องที่รักอาทิตย์นี้เราเข้าสู่สัปดาห์ที่5 ของเทศกาลธรรมดาซึ่งในอาทิตย์นี้พระเยซูเจ้าได้สอนและตักเตือนให้เราเป็นเกลือดองแผ่นดินและแสงสว่างส่องโลก ความสว่างและเกลือนั้นมีความสำคัญต่อโลกมากเพียงใดเราแต่ละคนก็มีความสำคัญมากฉันพระองค์จึงตักเตือนใจให้เราเป็นดังแสงสว่างของโลกนี้เพื่อคนทั้งหลายจะได้เห็นพระคริสตเจ้าได้อย่างชัดเจนมากขึ้นผ่านทางชีวิตของเราและทรงย้ำอีกว่าเราต้องเป็นเกลือของแผ่นดินที่มีชีวิตตามจิตตารมณ์และตามมาตรฐานของพระคริสตเจ้านั่นคือชีวิตคริสตชนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณาความรักและการให้อภัยผู้อื่นเสมอเพื่อชีวิตของเราจะได้เป็นพระพรเป็นความดีและเป็นยาที่สามารถรักษาทุกสิ่งได้แม้แต่ความเกลียดชังและความเห็นแก่ตัวในโลกของเรา ณตรอกซอยแห่งหนึ่งที่ทั้งมืดคับแคบอับชื้นและไม่มีแสงสว่างส่องทางแม้แต่น้อยดังนั้นเมื่อถึงยามค่ำคืนการเดินทางในตรอกซอยแห่งนี้จึงเป็นไปด้วยความยากลำบากมากยิ่งนัก คืนวันหนึ่งมีพระรูปหนึ่งเดินผ่านเข้ามายังตรอกแห่งนี้เพื่อมุ่งหน้าไปยังอารามของตนแต่ทว่าด้วยความมืดของตรอกซอยแห่งนี้ซึ่งแม้กระทั่งนิ้วมือทั้งห้าของตนเองก็ยังมองไม่เห็นเมื่อเดินทางไปเรื่อยๆพระรูปนี้จึงเดินไปชนผู้อื่นและมิหน้ำซ้ำก็ยังถูกผู้อื่นเดินมาชนด้วยอย่างไม่หยุดหย่อน ขณะนั้นเองมีคนผู้หนึ่งถือโคมไฟเดินเข้ามายังตรอกดังกล่าวจึงทำให้ตรอกดังกล่าวเกิดแสงสว่างขึ้นมาพอสมควรพระรูปนั้นได้ยินคนเดินผ่านทางพูดว่า“คนตาบอดผู้นั้นช่างแปลกนักตนเองมองไม่เห็นแท้ๆใยต้องถือโคมไฟให้วุ่นวาย”  เมื่อพระได้ยินดังนี้ก็รู้สึกแปลกใจมากเช่นกันรอจนกระทั่งคนตาบอดท่านนี้ถือโคมไฟเดินผ่านมาจึงเอ่ยถามขึ้นว่า“ขออภัยท่านตาบอดจริงๆหรือเปล่า?”คนตาบอดตอบว่า”ถูกแล้วข้าเกิดมาก็พิการตาสองข้างมองไม่เห็นสำหรับข้านั้นไม่ว่าจะยามเช้าสายบ่ายเย็นล้วนไม่ต่างกันทั้งยังไม่ทราบว่าแสงสว่างนั้นมีหน้าตาเป็นเช่นไร“ พระได้ยินดังนั้นก็ยิ่งงุนงงมากขึ้นจึงเอ่ยถามต่อไปว่า“ถ้าเช่นนั้นแล้วท่านจะถือโคมไฟไปเพื่ออะไร?”คนตาบอดตอบว่า“เนื่องเพราะข้าเคยได้ยินคนพูดกันว่าในยามกลางคืนไร้แสงสว่างคนตาดีทั้งหลายก็เป็นเช่นเดียวกับข้าคือมองไม่เห็นสิ่งใด” “เมื่อครู่ท่านเดินอย่างมืดมนในตรอกซอยนี้ท่านโดนคนเดินสวนมาชนเอาหรือไม่?…… ท่านดูข้าเองนะแม้เป็นคนตาบอดแต่ข้าไม่โดนผู้อื่นเดินชนเลยแม้แต่ครั้งเดียวทั้งๆที่เมื่อก่อนข้าก็เป็นเช่นเดียวกับท่านคือโดนคนเดินมาชนเอาบ่อยครั้งแต่เมื่อข้าถือโคมไฟทุกอย่างก็เปลี่ยนไป…ที่ข้าจุดโคมถือไปไหนมาไหนด้วยนั้นข้าจุดเพื่อให้แสงสว่างกับผู้อื่นและเพื่อให้ผู้อื่นมองเห็นตัวข้าตั้งแต่นั้นมาข้าก็ไม่โดนผู้ใดเดินชนอีกเลย” […]

อ่านต่อ

2017-0212 ธรรมบัญญัติ

สวัสดีครับพี่น้องที่รักพบกันอีกครั้งในคอลัมน์“คิดสะนิดสะกิดใจ” สำหรับสัปดาห์วันวาเลน์ไทน์หรือวันแห่งความรักซึ่งฟังๆดูก็มีความหมายและน่ารักดีสำหรับคนทุกๆคนพระวรสารในอาทิตย์นี้พระเยซูเจ้าทรงตรัสสอนกับเราในหลายเรื่องด้วยกันซึ่งเนื้อหาและใจความสำคัญของพระวรสารในอาทิตย์แม้จะยาวสักหน่อยแต่เป็นคำสอนหรือธรรมบัญญัติที่จำเป็นสำหรับการเป็นคริสตชนของเราพระเยซูเจ้าจึงเตือนใจเราให้เข้าใจอย่างชัดเจนในเรื่องบาปต่างๆเช่นอย่าฆ่าคนอย่าล่วงประเวณีอย่าลักขโมยห้ามหย่าร้างและเราต้องรู้จักให้อภัยต่อกันฯลฯซึ่งแม้สิ่งต่างๆเหล่านี้อาจเป็นสิ่งพื้นฐานที่เราทราบอยู่แล้วแต่ก็เป็นโอกาสดีที่เราจะมาทบทวนเรื่องของธรรมบัญญัติและศีลธรรมกันอีกครั้งหนึ่งซึ่งแน่นอนการเป็นคริสตชนหรือลูกที่ดีของพระเป็นเจ้าก็คือการลงมือปฎิบัตินะครับไม่ใช่รอโอกาสหรือรอเวลาจนเป็นเพียงแค่ความรู้ความเข้าใจแต่ไม่ได้มีผลต่อการดำเนินชีวิตของเรา มีม้าพันลี้หนุ่มตัวหนึ่งรอคอยผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญม้ามาพบเห็นมัน พ่อค้ามาแล้วพูดว่า“เจ้ายินยอมไปกับข้าหรือไม่?”ม้าส่ายหัวแล้วพูดว่า”ข้าเป็นม้าพันลี้จะไปขนส่งสินค้าให้พ่อค้าคนหนึ่งได้อย่างไรกัน“ ทหารมาแล้วพูดว่า“เจ้ายินยอมไปกับข้าหรือไม่?”ม้าส่ายหัวแล้วพูดว่า“ข้าเป็นม้าพันลี้จะไปปฏิบัติงานให้แก่ทหารธรรมดาๆคนหนึ่งได้อย่างไรกัน“ นายพรานมาแล้วพูดว่า“เจ้ายินยอมที่จะไปกับข้าหรือไม่?”ม้าส่ายหัวแล้วพูดว่า“ข้าเป็นม้าพันลี้จะไปทำงานหนักให้แก่ผู้ที่เป็นนายพรานได้อย่างไรกัน“ …วันแล้ววันเล่าปีแล้วปีเล่าม้าตัวนี้ยังคงหาเจ้านายที่ใฝ่ฝันไว้ไม่ได้เลย วันหนึ่งขุนนางจากวังหลวงได้ออกมาหาม้าพันลี้ตามพระราชโองการม้าพันลี้จึงได้ไปหาขุนนางท่านนี้จนพบเจอแล้วพูดขึ้นว่า“ข้านี่แหละคือม้าพันลี้ที่ท่านตามหา“ ขุนนางถามว่า“เจ้าม้าเจ้าคุ้นเคยและชำนาญเส้นทางของประเทศเราหรือไม่?”…ม้าส่ายหัว ขุนนางถามอีกว่า“แล้วเจ้าเคยเข้าสู่สนามรบมีประสบการณ์การสู้รบหรือไม่?”…ม้าส่ายหัวอีกครั้ง […]

อ่านต่อ

2017-02-19 การให้อภัย

สวัสดีครับพี่น้องที่รักพบกันอีกครั้งนะครับกับคอลัมน์“คิดสักนิด..สะกิดใจ”ในอาทิตย์ที่7 ของสัปดาห์ธรรมดาอาทิตย์นี้ในพระวรสารพระเยซูเจ้าทรงเราสอนในสิ่งพิเศษซึ่งมีความแตกต่างจากความคิดหรือคำสอนของคนทั่วๆไปที่เขาทำกันคนอื่นอาจสอนว่า“ตาต่อตาฟันต่อฟัน”แต่พระเยซูเจ้าทรงสอนว่า“อย่าตอบโต้คนชั่วผู้ใดตบแก้มขวาของท่านจงหันแก้มซ้ายให้เขาด้วยผู้ใดฟ้องท่านที่ศาลเพื่อหว้งเสื้อยาวของท่านก็จงแถมเสื้อคลุมให้เขาด้วย…” ท่านทั้งหลายได้ยินคำกล่าวว่า“จงรักเพื่อนบ้านและจงเกลียดศัตรู” แต่เราสอนว่า“จงรักศัตรูและภาวนาให้กับผู้ที่เบียดเบียนท่าน” ซึ่งแน่นอนคำสอนในเรื่องต่างๆเหล่านี้เป็นสี่งที่พระเยซูเจ้ายืนยันกับเราว่าเราคริสตชนต้องมีชีวิตที่แตกต่างจากคนทั่วๆไปเราคริสตชนต้องเป็นผู้ดีบริบูรณ์หรือผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักความเมตตาและรู้จักให้อภัยแก่ผู้อื่นและก้าวสำคัญที่จะทำเราเป็นคนดีบริบูรณ์ได้อย่างแท้จริงนั่นก็คือเรื่องของการให้อภัย  เมื่อพูดถึงเรื่องของการอภัยมีเรื่องราวน่าประทับใจมากมายแต่เรื่องหนึ่งที่พ่อชอบมากที่สุดก็คือเรื่องราวของผู้หญิงชาวเวียดนามคนหนึ่งชื่อKim Phúc หรือคิมฟุคในระหว่างสงครามเวียดนามทหารอเมริกันทิ้งบอมบ์ที่หมู่บ้านของเธอพ่อแม่พี่น้องของเธอเสียชีวิตตัวเธออายุเพียง9 ขวบไฟลุกท่วมตัววิ่งหนีอย่างตื่นตระหนกออกจากหมู่บ้านไม่มีเสื้อผ้าติดกายเลยเธอได้รับการรักษาแผลไฟไหม้เกือบ30 ปีผ่านไปวันหนึ่งเธอได้รับเชิญให้พูดต่อหน้าอนุสาวรีย์ทหารผ่านศึกที่กรุงนิวยอร์กเธอพูดได้อย่างน่าประทับใจถ้อยคำตอนหนึ่งเธอกล่าวว่า“ดิฉันต้องทุกข์ทรมานอย่างมากทั้งทางร่างกายและจิตใจจนบางครั้งคิดว่าไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกต่อไปแต่พระเจ้าทรงประทานชีวิตให้ดิฉันพระองค์ประทานความเชื่อและความหวังถ้าหากดิฉันมีโอกาสเผชิญหน้ากับนักบินที่ทิ้งระเบิดหมู่บ้านฉันดิฉันก็จะบอกกับเขาว่า“เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นได้แต่เราควรพยายามช่วยกันส่งเสริมให้มีสันติภาพในปัจจุบันและในอนาคต” […]

อ่านต่อ

2017-02-26 เทศกาลมหาพรต

แทนคิดสะนิด…สะกิดใจ วันพุธรับเถ้า วันพุธรับเถ้าเป็นวันหนึ่งที่พระศาสนจักรเรียกร้องให้ผู้ใหญ่ทุกคนทำการจำศีลอดอาหาร นั่นคือให้อดมื้ออาหารที่สำคัญที่สุดของวัน ทั้งนี้เพื่อเป็นเครื่องหมายแสดงให้เห็นถึงความพร้อมที่จะเสียสละและการรู้จักร่วมสุขร่วมทุกข์กับคนอื่น เป็นต้นเพื่อให้เป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูเจ้าในพระทรมานของ พระองค์           ความพร้อมที่เริ่มต้นด้วยการรู้จักฟังเสียงของพระเจ้า พร้อมที่จะรับรู้ค่านิยมแห่งพระวาจาของพระองค์ อันเป็นเครื่องหมายของการกลับใจ โดยนัยนี้การจำศีลอดอาหารของคริสตชนก็จะละม้ายคล้ายกับของพระอาจารย์เจ้า เวลาที่พระองค์ทรงเริ่มปฏิบัติพระภารกิจของพระองค์ […]

อ่านต่อ

2017-03-05 ช่วงเวลา 40 วัน

สวัสดีครับพบกันอีกครั้งกับคอลัมน์“คิดสักนิด..สะกิดใจ”นะครับอาทิตย์นี้เราเข้าสู่สัปดาห์ที่1 ของเทศกาลมหาพรตแล้วนะครับเทศกาลที่พระศาสนจักรเชิญชวนให้เราคริสตชนใช้“ช่วงเวลา40 วัน”แห่งการเตรียมชีวิตและจิตใจของเราเข้าสู่การฉลองที่สำคัญและยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเราคริสตชนนั่นก็คือวันสมโภชปัสกาหรือการฉลองการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า เราคริสตชนได้เริ่มต้นเทศกาลมหาพรตนี้ด้วยวันพุธรับเถ้าซึ่งเราคริสตชนไม่ว่าจะอยู่ในฐานันดรในพระศาสนจักรไม่ว่าจะเป็นพระสันตะปาปาพระสังฆราชพระสงฆ์นักบวชหรือฆราวาสเราทุกคนก็จะมี“การรับเถ้า”โดยก้มศีรษะของเราลงรับการทำเครื่องหมายกางเขนที่หน้าผากพร้อมกับคำพูดเตือนใจสั้นๆของพระสงฆ์เพื่อเป็นการแสดงออกถึงท่าทีภายนอกซึ่งต้องสอดคล้องกับท่าทีภายในจิตใจว่ามหาพรตคือช่วงเวลาพิเศษที่เราต้องสุภาพถ่อมตนสำนึกผิดกลับใจและใช้โทษบาปของตน อาทิตย์ที่1 ของเทศกาลมหาพรตพระวรสารจึงให้ข้อคิดกับเราเกี่ยวกับเรื่องการประจญล่อลวงและบาปซึ่งพระเยซูเจ้าเตือนเราให้ระมัดระวังการประจญล่อลวงของผีปีศาจด้วยสิ่งพื้นฐานที่มนุษย์มักจะผิดพลาดกันนั่นคือการกินทรัพย์สมบัติและอำนาจเกียรติยศเพราะปีศาจนั่นรู้ดีถึงความอ่อนแอของเรามนุษย์ว่าเรามนุษย์ทุกคนต้องกินมันรู้ว่ามนุษย์มักโลภในทรัพย์สมบัติและมันก็รู้อีกว่ามนุษย์มักหลงใหลในอำนาจมนุษย์ชอบอยู่เหนือคนอื่นและไม่ปรารถนาให้ใครอยู่เหนือตนเรามนุษย์จึงมักอิจฉากันและต้องการจะทำลายล้างคนที่เก่งหรือคนอื่นอยู่เหนือตนเองเสมอ ดังนั้นพี่น้องครับสิ่งสำคัญที่เราต้องตระหนักถึงและเป็นข้อคิดสำคัญสำหรับในอาทิตย์นี้จึงไม่ใช่เพียงแค่ประเด็นของการล่อลวงของผีปีศาจเท่านั้นแต่ยังเป็นประเด็นเรื่องหนทางหรือวิธีการในเอาชนะบาปหรือการประจญล่อลวงของผีปีศาจซึ่งพ่อขอแนะนำวิธีเอาชนะกับการประจญล่อลวงการต่อสู้กับกิเลสตัณหาลดความจองหองและลดความเห็นแก่ตัวของเราลงด้วยจิตตารมณ์แห่งมหาพรตในกิจการหลัก3 ประการนั่นคือการสวดภาวนาจำศีลอดอาหารและทำกิจเมตตา ·เราสวดภาวนาเพื่อเราจะได้สุภาพถ่อมตนมากขึ้นโดยยอมรับว่าเรานั่นอ่อนแอเกินไปและเราจะยังทำอะไรไม่ได้เลยหากเราปราศจากพระเป็นเจ้าทรงช่วยเหลือ ·เราจำศีลอดอาหารเพื่อเราจะได้รู้จักบังคับตนเองรู้จักออกจากตนเองโดยไม่ทำตามใจตนเองเอาชนะและตายต่อน้ำใจของเราเองรวมทั้งยังเป็นเรียนรู้ที่จะเป็นหนึ่งเดียวกับผู้ที่ยากไร้ที่ต้องอดมื้อกินมื้อเราอดเพื่อจะได้คิดถึงคนอื่นและใส่ใจคนอื่นเพิ่มมากขึ้น […]

อ่านต่อ

2017-03-12 การเปลี่ยนแปลง

          สวัสดีครับพี่น้องที่รักพบกันอีกครั้งเช่นเคยกับคอลัมน์“คิดสักนิด..สะกิดใจ”วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วมากจริงๆเผลอแปปเดี๋ยวเราก็เข้าสู่อาทิตย์ที่2 ของเทศกาลมหาพรตกันแล้วนะครับอาทิตย์ที่แล้วพระเยซูเจ้าสอนให้เรารู้จักกับการ“ต่อสู้กับการผจญล่อลวง”ส่วนอาทิตย์นี้พระเยซูเจ้าทรงเชื้อเชิญเราทุกคนให้มาพบกับ“การเปลี่ยนแปลง”เหมือนกับตอนที่พระองค์ทรงพาศิษย์ทั้งสามคือเปโตรยากอบและยอห์นขึ้นไปบนภูเขาสูงและก็ได้ทำให้พวกเขาเห็นถึงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ด้วยการจำแลงพระวรกายอย่างรุ่งโรจน์ต่อหน้าต่อตาพวกเขาโดยมีโมเสสและเอลียาห์มาร่วมสนทนาก้บพระองค์เพื่อยืนยันว่า“พระองค์พระผู้ไถ่ของพวกเขา” เพราะบัดนี้สิ่งที่พระเจ้าเคยสัญญาไว้กับมนุษย์โดยผ่านทางโมเสสและเอลียาห์เกี่ยวกับพระผู้ช่วยให้รอดพ้นนั้นกำลังจะเป็นจริงโดยผ่านทางพระเยซูเจ้าผู้นี้เอง พี่น้องครับการจำแลงพระวรกายของพระเยซูเจ้าในอาทิตย์นี้จึงเป็นการยืนยันถึงพระสิริรุ่งโรจน์ขององค์พระเยซูเจ้าว่าความตายบนไม้กางเขนที่พระเยซูเจ้าทรงเลือกนั้นมีค่ามากเพียงใด? เป็นเกียรติมงคลอันยิ่งใหญ่ที่ทรงไถ่บาปเราซึ่งให้ข้อคิดแก่เราว่าประการแรกหากเราต้องการได้รับเกียรติมงคลนี้เราจำเป็นต้องผ่านหนทางแห่งไม้กางเขนนี้เช่นเดียวกันนั่นคือเราจำเป็นต้องตายต่อน้ำใจตนเองลดความเห็นแก่ตัวรู้จักเปลี่ยนแปลงของตนเองและน้อมรับทั้งความสุขและทุกข์ที่พระเจ้ามอบให้ด้วยใจยินดีดังคำกล่าวที่ว่าเมื่อเราผ่านกางเขนเราจะพบกับแสงสว่างอย่างแน่นอน […]

อ่านต่อ

2017-03-19 น้ำทรงชีวิต

      สวัสดีครับพี่น้องที่รักบทอ่านทั้งสามอาทิตย์ที่สามของเทศกาลมหาพรตในวันนี้พูดถึง“น้ำทรงชีวิต”บทอ่านที่1 จากหนังสืออพยพได้พูดถึงโมเสสตอนที่ท่านทนการรบเร้าของชาวยิวไม่ไหวเรื่องน้ำพระเจ้าจึงทรงให้โมเสสเอาไม้เท้าเคาะหินเพื่อให้มีน้ำสำหรับเลี้ยงพวกเขาในบทจดหมายของนักบุญเปาโลท่านได้เปรียบพระเยซูเจ้าว่าทรงเป็นน้ำที่พระเจ้าทรงหลั่งลงในดวงใจของเราเพื่อทำให้เราพบกับความรักการไถ่บาปและความรอดพ้นที่พระเจ้าได้ประทานให้แก่เราส่วนในพระวรสารก็ได้เล่าถึงตอนที่พระเยซูเจ้าเสด็จไปที่แคว้นสะมาเรียใกล้ๆกับบ่อน้ำของยาคอบที่นั่นพระองค์ทรงพบกับหญิงชาวสะมาเรียคนหนึ่งซึ่งพระองค์ทรงขอน้ำจากเธอก่อนก่อนที่พระองค์จะประทาน“น้ำทรงชีวิต”ให้แก่เธอและที่นี่เองพระองค์ประกาศต่อเธอว่า“เราคือพระเมสิยาห์”ที่พวกท่านนั้นรอคอย พี่น้องครับเทศกาลมหาพรตเป็นเวลาที่เราทุกคนต้องหา“น้ำทรงชีวิต”เช่นเดียวกันเพราะว่า –   แม้พระเยซูเจ้าทรงเป็นชาวยิวที่เป็นศัตรูกับหญิงคนนี้และแคว้นสะมาเรียแต่พระองค์ไม่ทรงคิดแบบชาวยิวทั่วๆไปพระองค์จึงทรงเสด็จมาหาหญิงคนนี้พูดคุยและขอน้ำเพื่อสอนเราว่าหากเราต้องการพบน้ำทรงชีวิตเราต้องรู้จักทำลายกำแพงภายในจิตใจของเราลดอคติทำลายความเกลียดชังด้วยการให้ภาวนาและรู้จักให้อภัยแก่ผู้ที่เป็นศัตรูกับเรา –   แม้หญิงคนนี้จะเป็นคนบาปเพราะเธอมีสามีถึงห้าคนและกำลังอยู่กินกับสามีคนที่หกเป็นคนบาปในสายตาของคนทั่วไปหรือแม้แต่ชาวสะมาเรียด้วยกันเองแต่พระเยซูเจ้าทรงสอนเราว่าหากเราต้องการพบน้ำทรงชีวิตเราต้องรู้จักเข้าใจยอมรับรู้จักให้โอกาสรู้จักพูดให้กำลังใจรู้จักถนอมน้ำใจคนอื่นและไม่ควรไปตัดสินคนอื่นเลยเพราะเราเองก็เป็นคนบาปเหมือนกัน […]

อ่านต่อ

2017-03-26 การจัดดอกไม้ในวัด

  แทนคิดสักนิด…สะกิดใจ การจัดดอกไม้ในวัด   การจัดดอกไม้เป็นศาสตร์และศิลป์แขนงหนึ่งที่อยู่คู่กับวัฒนธรรมของมนุษย์มาเป็นเวลายาวนาน คริสตชนเองก็มีการใช้ใบไม้ ในการประดับที่ฝังศพของมรณสักขีด้วยใบปาล์ม และกิ่งมะกอกเทศ ซึ่งในเวลานั้น กลุ่มคริสตชนประกอบพิธีบูชาขอบพระคุณบนที่ฝังศพของบรรดามรณสักขี […]

อ่านต่อ

2017-11-12 เมืองสวรรค์

       สวัสดีครับ พี่น้องที่รักพบกันอีกครั้งในคอลัมน์ “คิดสักนิด…..สะกิดใจ” ของอาทิตย์ที่ 32ในเทศกาลธรรมดา ซึ่งเรากำลังเดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายของปีพิธีกรรม โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ […]

อ่านต่อ

2017-11-05 การรับพระคุณการุณย์ วันภาวนาอุทิศแด่ผู้ล่วงลับ

พิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณและพระคุณการุณย์ ในวันภาวนาอุทิศแด่ผู้ล่วงลับ2 พฤศจิกายน โดยคุณพ่อวีรศักดิ์วนาโรจน์สุวิช (เรียบเรียงจากหนังสือORDER…Liturgical Year 2014-2015) มิสซาบูชาขอบพระคุณ           ในวันนี้พระศาสนจักรอนุญาตให้พระสงฆ์ถวายมิสซาบูชาขอบพระคุณได้3 […]

อ่านต่อ

Posts pagination

1 … 35 36 37 … 60

เกี่ยวกับวัดฯ

  • ประวัติอาสนวิหาร
  • แม่พระอัสสัมชัญ
  • บรรณฐาน
  • สถาปัตยกรรม
  • กระจกสี
  • ภาษาลาตินในวัด

บริการต่างๆ

  • ล้างบาปทารก / Baptisms
  • แต่งงาน / Wedding
  • การขออนุญาตถ่ายภาพ

สารวัดย้อนหลัง

  • บทสนทนาจากเจ้าอาวาส
  • คิดสักนิด...สะกิดใจ...
  • ปลัดแก่ ซอย40
  • ปี 2012

บุคลากร/องค์กรต่างๆในวัด

  • พระสงฆ์
  • สำนักงานวัด
  • สภาภิบาล
  • นักขับร้อง
  • สโมสรเยาวชน

ลิงค์คาทอลิก

  • สภาสังฆราชคาทอลิกประเทศไทย
  • อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
  • หอจดหมายเหตุ อัครสังฆมณฑลฯ
  • สื่อมวลชนคาทอลิกประเทศไทย
Facebook-f Youtube