• หน้าแรก
  • เกี่ยวกับอาสนวิหาร
    • ประวัติอาสนวิหารอัสสัมชัญ
    • สถาปัตยกรรม
    • บรรณฐาน
    • ภาษาลาตินในวัด
    • กระจกสี / stained-glass
    • รูปนักบุญ / saint sculpture
  • บริการต่างๆ
    • ล้างบาปทารก / Baptisms
    • การถ่ายภาพ / Take pictures
    • แต่งงาน / wedding
  • ติดต่อสอบถาม/Contact us
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับอาสนวิหาร
    • ประวัติอาสนวิหารอัสสัมชัญ
    • สถาปัตยกรรม
    • บรรณฐาน
    • ภาษาลาตินในวัด
    • กระจกสี / stained-glass
    • รูปนักบุญ / saint sculpture
  • บริการต่างๆ
    • ล้างบาปทารก / Baptisms
    • การถ่ายภาพ / Take pictures
    • แต่งงาน / wedding
  • ติดต่อสอบถาม/Contact us

Category: บทสนทนาจากเจ้าอาวาส

2020-09-27 ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 26 เทศกาลธรรมดา ปี A

ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 26 เทศกาลธรรมดา ปี A มธ21: 28-32…คนเก็บภาษีและหญิงโสเภณีจะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้าก่อนท่าน…เพราะยอห์นได้มาพบท่านชี้หนทางแห่งความชอบธรรมท่านก็ไม่เชื่อยอห์นส่วนคนเก็บภาษีและหญิงโสเภณีเชื่อ เรามีเสรีภาพที่จะบอกว่า“เอา”หรือ“ไม่เอา”กับพระเจ้าแต่นี่ย่อมหมายความว่าเราจะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของเรา…หลายๆครั้งเรามักจะใช้เสรีภาพที่พระเจ้าได้ทรงประทานให้นั้นอย่างไม่ดีหรืออย่างผิดๆแต่ว่าพระเจ้ายังทรงพระทัยดีมีเมตตากรุณาต่อเราอยู่เสมอพระองค์ยังทรงเรียกเราให้เป็นทุกข์กลับใจกลับมาหาพระองค์ ข้อคิด… “อุปมาเรื่องบุตรสองคน” จากพระวรสารในวันนี้มุ่งเป้าไปที่พระสงฆ์ผู้ใหญ่ของชนชาวอิสราแอลจุดมุ่งหมายของอุปมาเรื่องนี้ก็เพื่อเป็นการปกป้องพระเยซูเจ้าจากการที่พระองค์ทรงเชื้อเชิญคนบาปและคนที่ถูกสังคมทอดทิ้งให้เข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้าอันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องในทางศาสนาในสายตาของพวกผู้นำทางศาสนาของชนชาวยิวแน่นอนอุปมาเรื่องนี้ได้ก่อให้เกิดความขุ่นเคืองให้กับพวกเขาเป็นอย่างมากเพราะเป็นการตำหนิพวกเขาโดยตรง บุตรคนแรกเป็นตัวแทนของบรรดาคนบาปซึ่งก็คงไม่แตกต่างอะไรกันมากนักเพราะทีแรกชอบทำอะไรตามใจตนเองแต่ว่าแล้วนั้นก็ได้เป็นทุกข์กลับใจและกลับมาหาพระเจ้าจนที่สุดก็ได้สวรรค์เป็นรางวัลแห่งชีวิต…ส่วนบุตรคนที่สองนั้นเป็นตัวแทนของบรรดาพระสงฆ์ผู้ใหญ่ของชนชาวยิวซึ่งก็คล้ายๆกับบุตรคนที่สองที่ได้สัญญาว่าจะทำงานเพื่อพระเจ้าแต่ที่สุดก็มิได้ทำดังที่ว่านั้นจึงในที่สุดก็ได้ทำให้ตัวเองไม่ได้เข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า เราจึงแลเห็นว่าการกลับใจเป็นเงื่อนไขที่สำคัญเพื่อจะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้าซึ่งในบทอ่านแรกก็ได้กล่าวถึงอยู่แล้ว […]

อ่านต่อ

2020-09-20 ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 25 เทศกาลธรรมดา ปี A

ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 25 เทศกาลธรรมดา ปี A อสย55: 6-9; มธ20: 1-16…สวรรค์อยู่สูงกว่าแผ่นดินฉันใดทางของเราก็อยู่สูงกว่าทางของท่านและความคิดของเราก็อยู่เหนือความคิดของท่านฉันนั้น…ท่านอิจฉาริษยาเพราะเราใจดีหรือ?… บ่อยๆวิธีคิดของเรามนุษย์มักจะเป็นแบบแคบๆไม่กว้างไกลเราคริสตชนโชคดีที่พระเจ้าของเราไม่มีใจเล็กๆหรือใจแคบๆแบบนั้น…เพราะหนทางของพระเจ้าสูงส่งกว่าหนทางของเรามนุษย์เหมือนกับที่สวรรค์อยู่สูงกว่าแผ่นดิน…ให้เราอธิษฐานภาวนาต่อพระเจ้าขอพระองค์ทรงให้อภัยแก่ความใจแคบของเราแต่ว่าในเวลาเดียวกันก็ให้เราได้เปิดใจของเราให้กว้างต่อพระทัยดีของพระองค์และต่อเพื่อนพี่น้อง ข้อคิด…จากบทอ่านแรกท่านประกาศกอิสยาห์บอกเราว่า…ทางของเรามนุษย์ก็ไม่ใช่วิถีของพระเจ้า…ซึ่งทำให้เราสามารถแลเห็นความแตกต่างอย่างมากมายระหว่างพระเจ้ากับเรามนุษย์ไม่ว่าจะเป็นในด้านความคิดหรือในการแสดงออกซึ่งพฤติกรรมต่างๆ…แน่นอนความใจดีใจกว้างของพระเจ้ามีมากกว่าและเหนือกว่าความใจดีใจกว้างของเรามนุษย์มากมายนัก           […]

อ่านต่อ

2020-09-13 ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 24 เทศกาลธรรมดา ปี A

ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 24 เทศกาลธรรมดา ปี A มธ18: 21-35; บสร27: 30-28: 7…เราไม่ได้บอกท่านว่าต้องยกโทษให้เจ็ดครั้งแต่ต้องยกโทษให้เจ็ดคูณเจ็ดสิบครั้ง…และจงให้อภัยเพื่อนบ้านที่ทำผิดต่อท่านแล้วบาปของท่านจะได้รับการอภัย พระวรสารในวันนี้พระเยซูเจ้าได้ทรงแก้ปัญหาที่ว่าถ้าหากเราต้องการให้พระเจ้าให้อภัยแก่เราเราก็ต้องให้อภัยแก่คนอื่น…เราต่างก็รู้ดีว่าเป็นเรื่องยากที่จะให้อภัยแต่ว่าในเวลาเดียวกันก็เป็นเรื่องที่น่ารักมากๆเมื่อเรารู้จักให้อภัยคนอื่น…ทุกครั้งเวลาที่เริ่มพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณเราก็จะเริ่มด้วยการขออภัยโทษจากพระเจ้า ข้อคิด…พระวรสารในวันนี้ได้หยิบยกปัญหาที่เพื่อนพี่น้องคริสตชนได้ทำผิดต่อกันส่วนบทเพลงสดุดี(สดด103) พูดให้เราฟังเกี่ยวกับความยิ่งใหญ่แห่งการให้อภัยของพระเจ้าซึ่งตรงข้ามกับความใจแคบของเราในการให้อภัยคนอื่นถ้าหากว่าเรายังให้อภัยคนอื่นไม่เป็นมันก็จะเป็นตัวชี้บ่งว่าเราอาจจะไม่เคยมีประสบการณ์ถึงการให้อภัยของพระเจ้า ฐานะของคนใช้ในเรื่องเล่าของพระเยซูเจ้าอยู่ในสภาพที่หมดหวังอย่างยิ่ง…เพราะเขาเป็นหนี้กษัตริย์จำนวนเงินมหาศาลจนว่าแม้เขาจะทำงานตลอดชีวิตของเขาเขาก็ยังไม่สามารถชดใช้หนี้จำนวนมหาศาลนี้ได้หมด…นี่เป็นสภาพการณ์ของเราแต่ละคนเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าเราไม่สามารถเอาชนะการให้อภัยของพระเจ้าได้เลยสิ่งที่เราสามารถทำได้ก็คือวิงวอนขอพระเมตตาจากพระองค์ด้วยการให้อภัยแก่เพื่อนพี่น้องของเรา […]

อ่านต่อ

2020-09-06 ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา ปี A

ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา ปี A สดด95; รม13: 8-10…ในวันนี้ถ้าท่านได้ยินเสียงของพระเจ้าก็อย่าทำใจแข็งเลย…และอย่าเป็นหนี้ผู้ใดนอกจากเป็นหนี้ความรักซึ่งกันและกัน…ผู้ที่รักเพื่อนมนุษย์ก็ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติครบถ้วนแล้ว… ในพระวรสารพระเยซูเจ้าได้ทรงกล่าวกับพวกเราว่า“ที่ใดมีสองหรือสามคนชุมนุมกันในนามของเราเราอยู่ที่นั่นในหมู่พวกเขา”…ในขณะนี้เรากำลังมาชุมนุมพบปะกันในพระนามของพระเยซูเจ้าตามพระบัญชาของพระองค์โดยที่เรามาปรากฏตัวอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์ในพิธีบูชาขอบพระคุณนี้ ข้อคิด…เนื้อหาหลักของพระวรสารในวันนี้เป็นเรื่องของการทำบาปหรือการทำผิดของสมาชิกคนหนึ่งของหมู่คณะซึ่งเพื่อนสมาชิกทั้งหลายจะต้องใช้ความพยายามทั้งหลายทั้งปวงในอันที่จะนำผู้ที่หลงผิดไปนั้นให้กลับใจและให้กลับมาสู่ในหนทางที่ถูกต้อง…ครั้งแรกก็ให้ทำเป็นการส่วนตัวแล้วนั้นก็ให้เรียกเพื่อนๆบางคนมาช่วยถ้าคนๆนั้นยังไม่ยอมกลับใจอีกก็ให้กระทำต่อหน้าหมู่คณะทั้งหมดและถ้าเขายังไม่ยอมกลับใจอีกก็ให้อัปเปหิเขาให้พ้นจากหมู่คณะแน่นอนการตัดสินใจทำเช่นนี้ของพระศาสนจักรหรือของหมู่คณะจะได้รับเกียรติจากพระเจ้าเนื่องจากว่าพระเจ้าได้ทรงเป็นแรงบันดาลใจให้พวกเขาทำเช่นนั้น ในบทอ่านแรกจากหนังสือของท่านประกาศกเอเสเคียลก็เช่นกันได้พูดถึงความรับผิดชอบของผู้นำหมู่คณะที่จะต้องใช้ความพยายามแก้ไขตักเตือนผู้ที่หลงผิด เวลาที่เราเดินทางไปในสถานที่ต่างๆของโลกเราจะแลเห็นผืนดินที่แตกต่างกันออกไปบางแห่งก็แห้งแล้งบางแห่งก็อุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยธรรมชาติสีเขียวๆซึ่งเราอาจจะสามารถสรุปได้ว่าเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผืนดินนั้นๆจากการที่ฝนไม่สู้จะตกหรือว่าฝนตกน้อยมาก…ถ้าหากว่าไม่มีฝนแม้ผืนดินจะเคยอุดมสมบูรณ์มาก่อนก็อาจจะกลายเป็นทะเลทรายไปได้แม้แต่ว่าในท้ายที่สุดจะมีฝนตกลงมาบ้างผืนดินก็ยังแห้งและแข็งอยู่รับน้ำไม่ได้จนน้ำไม่สามารถซึมผ่านเข้าไปได้ซึ่งจะทำให้น้ำนั้นไหลไปที่อื่นอันอาจจะก่อให้เกิดน้ำท่วมก็เป็นได้ […]

อ่านต่อ

2020-08-30 ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 22 เทศกาลธรรมดา ปี A

ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 22เทศกาลธรรมดาปีA มธ16: 21-27…ถ้าผู้ใดอยากตามเราก็จงเลิกคิดถึงตนเอง…มนุษย์จะได้ประโยชน์ใดในการที่ได้โลกทั้งโลกเป็นกำไรแต่ต้องเสียชีวิต การเป็นศิษย์ติดตามพระเยซูเจ้าย่อมจะหนีไม่พ้นจากการต้องทนทุกข์ยากลำบากแต่ก็มีรางวัลยิ่งใหญ่ที่คอยอยู่…อย่างไรก็ตามเราก็ยังกล้าๆกลัวๆในการติดตามพระองค์…ให้เรากลับไปหาพระเจ้าพลางกราบขออภัยโทษจากพระองค์สำหรับข้อบกพร่องต่างๆและความไม่เด็ดเดี่ยวในการติดตามพระองค์ของเราให้เราวอนขอพละกำลังจากพระองค์สำหรับชดเชยความอ่อนแอของเรา ข้อคิด…จากบทอ่านแรกเราได้แลเห็นความซื่อสัตย์ของท่านประกาศกเยเรมีย์ที่มีต่อภารกิจที่ท่านได้รับจากพระเจ้า…แต่ว่าท่านได้รับอะไรเป็นการตอบแทนสำหรับความซื่อสัตย์ของท่าน?…ในพระวรสารก็เช่นกันที่เราได้แลเห็นความซื่อสัตย์ของพระเยซูเจ้าที่มีต่อพระบิดาเจ้าและได้รับอะไรเป็นการตอบแทน…ความรู้สึกนึกคิดและอารมณ์ความรู้สึกเช่นเดียวกันนี้ก็คงจะมีอยู่ในตัวเราแต่ขอให้พระวาจาของพระเยซูเจ้าที่ว่า“ใครที่ยอมเสียชีวิตของตนเพื่อพระองค์ก็จะพบชีวิตนั้น” ได้เป็นกำลังใจแก่เราที่ยอมละทิ้งทุกสิ่งเพื่อติดตามพระองค์           นักบุญเปโตรแม้ได้รับการเผยแสดงจากพระเยซูเจ้าว่าพระองค์ทรงเป็นพระแมสสิยาห์และทรงเป็นบุตรของพระเจ้าแต่กลับไม่ยอมรับการเผยแสดงที่ว่าพระแมสสิยาห์ต้องรับทนทุกข์ทรมานนี่ก็คงเป็นลักษณะนิสัยของคริสตชนจำนวนหนึ่งซึ่งโดยทั่วๆไปในการดำเนินชีวิตที่มุ่งสู่พระอาณาจักรพระเจ้ามักจะอยู่ระหว่างทางสองแพร่งคือระหว่างความเชื่อและความเคลือบแคลงสงสัยทั้งยังคิดว่ากางเขนของพระเยซูเจ้าหรือความทุกข์ยากลำบากนั้นเป็นเสมือนเครื่องกีดขวางหรือเป็นอุปสรรคสำหรับพวกเขามิใช่เป็นความสำเร็จ           […]

อ่านต่อ

2020-08-23 ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 21 เทศกาลธรรมดา ปี A

ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 21 เทศกาลธรรมดา ปี A มธ16: 13-20…พระองค์คือพระคริสตเจ้าพระบุตรของพระเจ้าทรงชีวิต…ท่านคือศิลาและบนศิลานี้เราจะตั้งพระศาสนจักรของเรา…และเราจะมอบกุญแจอาณาจักรสวรรค์ให้… พระคริสตเจ้าได้ทรงเลือกนักบุญเปโตรให้เป็นหัวหน้าผู้เลี้ยงแกะเป็นนายชุมพาของฝูงแกะของพระองค์…แม้ว่านักบุญเปโตรจะเต็มเปี่ยมด้วยพลังขับเคลื่อนแต่ท่านก็มีความอ่อนแอเฉกเช่นคนอื่นๆเหมือนกัน…เช่นเดียวกันเราเองก็มีความอ่อนแอเมื่อความอ่อนแอต่างๆเหล่านั้นทำให้เราต้องล้มลงพระคริสตเจ้าก็ทรงให้อภัยเราและจะช่วยพยุงเราให้ลุกขึ้นให้เดินหน้าต่อไป ข้อคิด…เรื่องเล่าของพระวรสารในวันนี้แสดงให้เราเห็นว่าการเป็นประมุขของนักบุญเปโตรมิได้เป็นอะไรบางอย่างที่ได้ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาจากพระศาสนจักรในช่วงเวลาต่อมาเรื่องเล่าที่ว่านี้จะต้องย้อนกลับไปณจุดเริ่มต้นเลยทีเดียวคือกลับไปถึงพระประสงค์ขององค์พระเยซูเจ้า นักบุญเปโตรเป็นบุคคลหนึ่งที่มีลักษณะนิสัยที่น่าสนใจอย่างยิ่งท่านหนึ่งในพระวรสารแน่นอนท่านมีลักษณะและคุณสมบัติของความเป็นผู้นำแต่ว่าในขณะเดียวกันท่านก็มีความอ่อนแอเฉกเช่นคนอื่นๆเหมือนกันในพระวรสารเราได้แลเห็นท่านมีขึ้นมีลงบางครั้งท่านก็มีความกล้าหาญมากบางครั้งก็เป็นคนที่ขี้ขลาดกลัวมากเช่นกัน…พูดง่ายๆก็คือท่านก็เป็นมนุษย์ปุถุชนเหมือนกับคนอื่นๆทั้งหลายนั่นเองท่านมิใช่เป็นนักบุญตั้งแต่เกิดหรือเป็นบุคคลในอุดมการณ์ที่จะมาเป็นประมุขของพระศาสนจักรของพระเยซูเจ้าในภายหลัง แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากๆที่จะให้เราช่วยกันมองดูว่าพระเยซูเจ้าทรงปฏิบัติต่อนักบุญเปโตรอย่างไรพระองค์จะทรงช่วยให้ท่านได้เติบโตจนกระทั่งสามารถยอมพลีชีวิตเพื่อพระองค์ซึ่งในที่สุดก็ได้ผลเช่นนั้นจริงๆการเจริญเติบโตดังกล่าวนี้เป็นขบวนการที่ค่อยเป็นค่อยไปและอย่างต่อเนื่องซึ่งบางครั้งก็มีเดินหน้าบ้างถอยหลังบ้าง การมีชีวิตอยู่ก็คือการเปลี่ยนแปลงและการเป็นผู้ครบครันบริบูรณ์คือการรู้จักเปลี่ยนแปลงเมื่อจำเป็น […]

อ่านต่อ

2020-08-16 ข้อคิดวันสมโภชพระนางมารีย์ได้รับเกียรติยกขึ้นสู่สวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ

ข้อคิดวันสมโภชพระนางมารีย์ได้รับเกียรติยกขึ้นสู่สวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ                                               ลก1:39-56…วิญญาณข้าพเจ้าประกาศความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าจิตใจของข้าพเจ้าชื่นชมยินดีในพระเจ้า…พระองค์ทรงยกย่องผู้ต่ำต้อยให้สูงขึ้น… ในวันนี้พระศาสนจักรถวายเกียรติแด่สาวใช้สุภาพต่ำต้อยแห่งนาซาเร็ธเพราะผ่านทางพระนางโลกได้ต้อนรับองค์พระผู้ไถ่เราคริสตชนต่างมีความชื่นชมยินดีที่พระนางได้มีส่วนในพระเกียรติมงคลของพระบุตรของพระนางในเมืองสวรรค์และจากเมืองสวรรค์พระนางทรงกำลังเฝ้าดูเราอยู่…ให้เราได้หันกลับมาหาพระเจ้าพระผู้ซึ่งพระนางได้ทรงบอกกับเราว่าพระองค์ทรงเป็นผู้เปี่ยมด้วยความรักและเมตตาสงสาร ข้อคิด…พระสันตะปาปาปีโอที่12 ในวันที่1 พฤศจิกายนค.ศ. 1950ในพระสมณสาสน์“Munificentissimus Deus” ของพระองค์ได้ประกาศว่า“พระนางพรหมจารีมารีย์พระมารดานิรมลของพระเจ้าเมื่อได้จบชีวิตบนแผ่นดินของพระนางแล้วก็ได้ถูกยกขึ้นสู่เกียรติมงคลแห่งเมืองสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ”…นี่เป็นความเชื่อศรัทธาอันยาวนานเป็นศตวรรษๆของบรรดาคริสตชนอันเป็นคำอธิบายการเสด็จสู่สวรรค์ทั้งกายและวิญญาณของพระนางมารีย์อย่างสรุปได้ใจความเป็นอย่างดี […]

อ่านต่อ

2020-08-09 ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 19 เทศกาลธรรมดา ปี A

ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 19 เทศกาลธรรมดาปีA มธ14: 22-33…เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นมาประทับในเรือ…ลมก็สงบ… “ท่านช่างมีความเชื่อน้อยจริงสงสัยทำไมเล่า?” … ในช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากลำบากเราก็มักจะหันไปหาพระเจ้า…แต่เราต้องเรียนรู้ว่าเราต้องหันกลับไปหาพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอมิใช่เฉพาะเวลาที่เราต้องการความช่วยเหลือจากพระองค์เท่านั้น ข้อคิด…เรื่องเล่าจากพระวรสารของนักบุญมัทธิวในวันอาทิตย์นี้ได้ให้ความหมายในเชิงสัญลักษณ์คือเรือหมายถึงพระศาสนจักรส่วนบรรดาศิษย์ซึ่งถูกโจมตีจากลมพายุและคลื่นลมทะเลหมายถึงการที่ศิษย์ของพระเยซูเจ้าถูกเบียดเบียนถูกว่าร้าย…แม้ว่าบัดนี้พระองค์ไม่ได้อยู่กับพระศาสนจักรอย่างมีตัวตนเหมือนเมื่อครั้งก่อนโน้น…พระองค์อยู่ในสวรรค์กำลังเสนอคำวิงวอนแด่พระบิดาเจ้าแทนพวกเราอยู่อย่างไรก็ตามในยามที่พวกเราต้องการเรียกหาพระองค์พระองค์ก็จะเสด็จมาหาพวกเราในรูปแบบต่างๆอันจะทำให้ความกลัวของพวกเราสงบลงพลางนำความชื่นชมยินดีและสันติสุขแห่งจิตใจมาให้           […]

อ่านต่อ

2020-08-02 ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 18 เทศกาลธรรมดา ปี A

ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 18 เทศกาลธรรมดา ปี A มธ14: 13-21…พระเยซูเจ้าทรงสั่งให้ประชาชนนั่งลงบนพื้นหญ้าทรงรับขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวขึ้นมาทรงกล่าวถวายพระพรทรงบิขนมปังส่งให้บรรดาศิษย์ไปแจกแก่ประชาชนและทุกคนได้กินจนอิ่ม… ประชาชนมากมายได้ติดตามพระเยซูเจ้าไปในที่เปลี่ยวพลางลืมทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อที่จะฟังพระวาจาของพระองค์และเพื่อต้องการให้พระองค์รักษาโรคภัยไข้เจ็บของพวกเขาให้หายเช่นเดียวกันในขณะนี้ที่เราเองก็ได้ละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างแม้เพียงชั่วครู่หนึ่งเพื่อฟังพระวาจาของพระองค์และเพื่อมารับการรักษาให้หายที่โต๊ะศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ข้อคิด…ในเรื่องอัศจรรย์ของการทวีขนมปังและปลาชวนให้เราได้รำลึกถึงการอัศจรรย์ในเรื่องของ“มานนา”ที่เกิดขึ้นในถิ่นทุรกันดารในพระธรรมเก่า“พระเยซูเจ้า”ทรงเป็น“โมเสสคนใหม่”ซึ่งเลี้ยงดูประชากรของพระองค์ในที่เปลี่ยวในการที่พระเยซูเจ้าทรงเลี้ยงดูประชาชนมากมายในครั้งนี้นั้นนักบุญมัทธิวและบรรดาผู้อ่านพระวรสารของท่านแลเห็นและเข้าใจว่าเป็นการล่วงหน้าแห่งพฤติกรรมของ“พิธีบูชาขอบพระคุณ”ที่พระองค์จะทรงตั้งขึ้นสำหรับพระศาสนจักรของพระองค์นั่นเองทั้งอากัปกิริยาและพระวาจาต่างๆที่นำมาใช้นั้นก็เป็นอากัปกิริยาและพระวาจาที่ใช้ในการรับประทานอาหารค่ำมื้อสุดท้ายของพระองค์กับบรรดาอัครสาวกของพระองค์…”พระเยซูเจ้าทรงหยิบขนมปัง…ตรัสถวายพระพร…ทรงบิขนมปัง…ประทานให้บรรดาศิษย์”และเช่นเดียวกัน“พิธีบูชาขอบพระคุณ”ก็เป็นการล่วงหน้าของ“งานทานเลี้ยงสุดท้ายแห่งพระอาณาจักรของพระเจ้า” คุณแม่เทเรซาได้เล่าให้เราฟังว่าวันหนึ่งได้มีครอบครัวชาวฮินดูครอบครัวหนึ่งมาหาคุณแม่พวกเขาไม่มีอาหารทานมาหลายวันแล้วคุณแม่ได้ลุกขึ้นไปหาข้าวปลาอาหารเท่าที่จะหาได้มาให้พวกเขาได้รับประทานสิ่งที่ได้เกิดขึ้นหลังจากนั้นได้สร้างความประหลาดใจให้กับคุณแม่เป็นอันมาก…คือทันทีผู้ที่เป็นแม่ได้ทำการแบ่งอาหารออกเป็นสองส่วนด้วยกันนางได้เอาอาหารส่วนหนึ่งไปให้ครอบครัวข้างบ้านซึ่งเป็นชาวมุสลิม เมื่อเห็นดังนี้คุณแม่เทเรซาได้พูดกับนางว่า“และเวลานี้เธอมีอาหารเหลือสักมากน้อยแค่ไหน?…และมันเพียงพอสำหรับครอบครัวของเธอหรือ?” “แต่ว่าพวกเขาก็ไม่ได้กินอะไรมาตั้งหลายวันแล้วเหมือนกัน”…นางบอกกับคุณแม่เทเรซา […]

อ่านต่อ

2020-07-26 ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 17 เทศกาลธรรมดา ปี A

ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 17 เทศกาลธรรมดา ปี A มธ13: 44-52…อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ในทุ่งนาคนที่พบก็ฝังซ่อนสมบัตินั้นและยินดีกลับไปขายทุกสิ่งที่มีนำเงินมาซื้อนาแปลงนั้น… เรื่องของ“ปรีชาญาณ”เป็นหัวข้อหลักที่พิธีกรรมของวันอาทิตย์นี้นำเสนอ…ปรีชาญาณเป็นสมบัติอันหาค่ามิได้และเป็นอะไรบางอย่างที่เราทุกคนต้องการเราแต่ละคนยอมรับว่าบางครั้งในชีวิตของเราเพื่อช่วยให้เราได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นสุข ข้อคิด…นิทานเปรียบเทียบเรื่องขุมทรัพย์และไข่มุกเม็ดงามนั้นให้สาระสำคัญอย่างเดียวกันคือพระอาณาจักรสวรรค์สมควรแก่การลงทุนเพื่อจะได้มาแต่ว่าเราต้องการปรีชาญาณซึ่งมาจากพระเจ้าอันเป็นพระพรแสนสุดประเสริฐเพื่อเราจะสามารถมองเห็นและรู้จักบริหารจัดการชีวิตของเราเพื่อให้ได้มาซึ่งขุมทรัพย์ที่ว่านั้น นิทานเปรียบเทียบเรื่องของแหอวนที่หย่อนลงในทะเลก็สื่อความหมายเช่นเดียวกับเรื่องของข้าวสาลีและข้าวละมานของวันอาทิตย์ที่แล้ว…ในห้วงเวลาปัจจุบันนี้และจนกระทั่งถึงวันสิ้นโลกโลกของเรามนุษย์ก็ยังจะประกอบไปด้วยทั้งคนดีและคนไม่ดี…เฉพาะณเวลาแห่งการพิพากษาประมวลพร้อมหรือการพิพากษาสุดท้ายเท่านั้นที่คนทั้งหลายทั้งปวงจะต้องถูกคัดแยกออกมาเป็นสองพวกคือคนดีและคนไม่ดี ตั้งแต่ในยุคแรกๆของมนุษยชาติแล้วที่คนเราพยายามแสวงหาขุมทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นในท้องทุ่งไร่นาบนยอดเขาสูงใต้ท้องทะเลลึกหรือในที่ห่างไกลที่คนธรรมดาๆไปไม่ถึงฯลฯเพียงแต่ว่าถ้าพวกเขาสามาถพบทองคำหรือเพชรพลอยนิลจินดาหรือสมบัติล้ำค่าที่พวกเขาต้องการพวกเขาก็จะเป็นสุขแล้วทุกวันนี้คนเราก็ยังพยายามแสวงหาขุมทรัพย์กันอยู่อย่างไม่รู้จักจบจักสิ้นเพียงแต่ว่าขุมทรัพย์ที่พวกเขากำลังแสวงหากันอยู่นั้นอาจจะอยู่ในสลากล็อตเตอรี่ในบ่อนการพนันหรือในตลาดหลักทรัพย์ที่มีการเล่นหุ้นฯลฯและพวกเขาจะมีความสุขมากถ้าพวกเขาสามารถได้รับโชคดีในการเสี่ยงโชคนั้น เราแต่ละคนต่างก็เป็นนักล่าขุมทรัพย์ด้วยกันทั้งนั้นเพราะเราท่านทั้งหลายต่างก็กำลังมองหาอะไรบางอย่างที่สามารถทำให้เราเป็นสุขได้แม้ชั่วครู่ชั่วยามก็ตามพฤติกรรมดังกล่าวนี้ก็ไม่มีอะไรผิดเพราะองค์พระคริสตเจ้าเองก็ยังให้กำลังใจเราในการตามล่าขุมทรัพย์นั้นดังที่ปรากฎในเรื่องอุปมาทั้งสองเรื่องของพระวรสารในวันนี้ พระคริสตเจ้าทรงรักนักล่าขุมทรัพย์พระองค์ทรงมีความเข้าอกเข้าใจที่ดีต่อผู้ที่กำลังตามล่าขุมทรัพย์นั้นอยู่แม้จะตามล่าขุมทรัพย์ผิดกาลเทสะหรือผิดประเภทก็ตามพระองค์ทรงเข้าใจถึงความกระหายหาขุมทรัพย์ของพวกเขาได้เป็นอย่างดีและพระองค์สามารถที่จะชี้แสดงให้พวกเขาไปในทิศทางที่ถูกต้องว่าขุมทรัพย์ชนิดใดที่พวกเขาต้องตามล่าและอยู่ที่ไหน? […]

อ่านต่อ

Posts pagination

1 … 25 26 27 … 67

เกี่ยวกับวัดฯ

  • ประวัติอาสนวิหาร
  • แม่พระอัสสัมชัญ
  • บรรณฐาน
  • สถาปัตยกรรม
  • กระจกสี
  • ภาษาลาตินในวัด

บริการต่างๆ

  • ล้างบาปทารก / Baptisms
  • แต่งงาน / Wedding
  • การขออนุญาตถ่ายภาพ

สารวัดย้อนหลัง

  • บทสนทนาจากเจ้าอาวาส
  • คิดสักนิด...สะกิดใจ...
  • ปลัดแก่ ซอย40
  • ปี 2012

บุคลากร/องค์กรต่างๆในวัด

  • พระสงฆ์
  • สำนักงานวัด
  • สภาภิบาล
  • นักขับร้อง
  • สโมสรเยาวชน

ลิงค์คาทอลิก

  • สภาสังฆราชคาทอลิกประเทศไทย
  • อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
  • หอจดหมายเหตุ อัครสังฆมณฑลฯ
  • สื่อมวลชนคาทอลิกประเทศไทย
  • ปีศักดิ์สิทธิ์ ค.ศ. 2025
Facebook-f Youtube