• หน้าแรก
  • เกี่ยวกับอาสนวิหาร
    • ประวัติอาสนวิหารอัสสัมชัญ
    • สถาปัตยกรรม
    • บรรณฐาน
    • ภาษาลาตินในวัด
    • กระจกสี / stained-glass
    • รูปนักบุญ / saint sculpture
  • บริการต่างๆ
    • ล้างบาปทารก / Baptisms
    • การถ่ายภาพ / Take pictures
    • แต่งงาน / wedding
  • ติดต่อสอบถาม/Contact us
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับอาสนวิหาร
    • ประวัติอาสนวิหารอัสสัมชัญ
    • สถาปัตยกรรม
    • บรรณฐาน
    • ภาษาลาตินในวัด
    • กระจกสี / stained-glass
    • รูปนักบุญ / saint sculpture
  • บริการต่างๆ
    • ล้างบาปทารก / Baptisms
    • การถ่ายภาพ / Take pictures
    • แต่งงาน / wedding
  • ติดต่อสอบถาม/Contact us

Category: บทสนทนาจากเจ้าอาวาส

2020-08-23 ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 21 เทศกาลธรรมดา ปี A

ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 21 เทศกาลธรรมดา ปี A มธ16: 13-20…พระองค์คือพระคริสตเจ้าพระบุตรของพระเจ้าทรงชีวิต…ท่านคือศิลาและบนศิลานี้เราจะตั้งพระศาสนจักรของเรา…และเราจะมอบกุญแจอาณาจักรสวรรค์ให้… พระคริสตเจ้าได้ทรงเลือกนักบุญเปโตรให้เป็นหัวหน้าผู้เลี้ยงแกะเป็นนายชุมพาของฝูงแกะของพระองค์…แม้ว่านักบุญเปโตรจะเต็มเปี่ยมด้วยพลังขับเคลื่อนแต่ท่านก็มีความอ่อนแอเฉกเช่นคนอื่นๆเหมือนกัน…เช่นเดียวกันเราเองก็มีความอ่อนแอเมื่อความอ่อนแอต่างๆเหล่านั้นทำให้เราต้องล้มลงพระคริสตเจ้าก็ทรงให้อภัยเราและจะช่วยพยุงเราให้ลุกขึ้นให้เดินหน้าต่อไป ข้อคิด…เรื่องเล่าของพระวรสารในวันนี้แสดงให้เราเห็นว่าการเป็นประมุขของนักบุญเปโตรมิได้เป็นอะไรบางอย่างที่ได้ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาจากพระศาสนจักรในช่วงเวลาต่อมาเรื่องเล่าที่ว่านี้จะต้องย้อนกลับไปณจุดเริ่มต้นเลยทีเดียวคือกลับไปถึงพระประสงค์ขององค์พระเยซูเจ้า นักบุญเปโตรเป็นบุคคลหนึ่งที่มีลักษณะนิสัยที่น่าสนใจอย่างยิ่งท่านหนึ่งในพระวรสารแน่นอนท่านมีลักษณะและคุณสมบัติของความเป็นผู้นำแต่ว่าในขณะเดียวกันท่านก็มีความอ่อนแอเฉกเช่นคนอื่นๆเหมือนกันในพระวรสารเราได้แลเห็นท่านมีขึ้นมีลงบางครั้งท่านก็มีความกล้าหาญมากบางครั้งก็เป็นคนที่ขี้ขลาดกลัวมากเช่นกัน…พูดง่ายๆก็คือท่านก็เป็นมนุษย์ปุถุชนเหมือนกับคนอื่นๆทั้งหลายนั่นเองท่านมิใช่เป็นนักบุญตั้งแต่เกิดหรือเป็นบุคคลในอุดมการณ์ที่จะมาเป็นประมุขของพระศาสนจักรของพระเยซูเจ้าในภายหลัง แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากๆที่จะให้เราช่วยกันมองดูว่าพระเยซูเจ้าทรงปฏิบัติต่อนักบุญเปโตรอย่างไรพระองค์จะทรงช่วยให้ท่านได้เติบโตจนกระทั่งสามารถยอมพลีชีวิตเพื่อพระองค์ซึ่งในที่สุดก็ได้ผลเช่นนั้นจริงๆการเจริญเติบโตดังกล่าวนี้เป็นขบวนการที่ค่อยเป็นค่อยไปและอย่างต่อเนื่องซึ่งบางครั้งก็มีเดินหน้าบ้างถอยหลังบ้าง การมีชีวิตอยู่ก็คือการเปลี่ยนแปลงและการเป็นผู้ครบครันบริบูรณ์คือการรู้จักเปลี่ยนแปลงเมื่อจำเป็น […]

อ่านต่อ

2020-08-16 ข้อคิดวันสมโภชพระนางมารีย์ได้รับเกียรติยกขึ้นสู่สวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ

ข้อคิดวันสมโภชพระนางมารีย์ได้รับเกียรติยกขึ้นสู่สวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ                                               ลก1:39-56…วิญญาณข้าพเจ้าประกาศความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าจิตใจของข้าพเจ้าชื่นชมยินดีในพระเจ้า…พระองค์ทรงยกย่องผู้ต่ำต้อยให้สูงขึ้น… ในวันนี้พระศาสนจักรถวายเกียรติแด่สาวใช้สุภาพต่ำต้อยแห่งนาซาเร็ธเพราะผ่านทางพระนางโลกได้ต้อนรับองค์พระผู้ไถ่เราคริสตชนต่างมีความชื่นชมยินดีที่พระนางได้มีส่วนในพระเกียรติมงคลของพระบุตรของพระนางในเมืองสวรรค์และจากเมืองสวรรค์พระนางทรงกำลังเฝ้าดูเราอยู่…ให้เราได้หันกลับมาหาพระเจ้าพระผู้ซึ่งพระนางได้ทรงบอกกับเราว่าพระองค์ทรงเป็นผู้เปี่ยมด้วยความรักและเมตตาสงสาร ข้อคิด…พระสันตะปาปาปีโอที่12 ในวันที่1 พฤศจิกายนค.ศ. 1950ในพระสมณสาสน์“Munificentissimus Deus” ของพระองค์ได้ประกาศว่า“พระนางพรหมจารีมารีย์พระมารดานิรมลของพระเจ้าเมื่อได้จบชีวิตบนแผ่นดินของพระนางแล้วก็ได้ถูกยกขึ้นสู่เกียรติมงคลแห่งเมืองสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ”…นี่เป็นความเชื่อศรัทธาอันยาวนานเป็นศตวรรษๆของบรรดาคริสตชนอันเป็นคำอธิบายการเสด็จสู่สวรรค์ทั้งกายและวิญญาณของพระนางมารีย์อย่างสรุปได้ใจความเป็นอย่างดี […]

อ่านต่อ

2020-08-09 ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 19 เทศกาลธรรมดา ปี A

ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 19 เทศกาลธรรมดาปีA มธ14: 22-33…เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นมาประทับในเรือ…ลมก็สงบ… “ท่านช่างมีความเชื่อน้อยจริงสงสัยทำไมเล่า?” … ในช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากลำบากเราก็มักจะหันไปหาพระเจ้า…แต่เราต้องเรียนรู้ว่าเราต้องหันกลับไปหาพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอมิใช่เฉพาะเวลาที่เราต้องการความช่วยเหลือจากพระองค์เท่านั้น ข้อคิด…เรื่องเล่าจากพระวรสารของนักบุญมัทธิวในวันอาทิตย์นี้ได้ให้ความหมายในเชิงสัญลักษณ์คือเรือหมายถึงพระศาสนจักรส่วนบรรดาศิษย์ซึ่งถูกโจมตีจากลมพายุและคลื่นลมทะเลหมายถึงการที่ศิษย์ของพระเยซูเจ้าถูกเบียดเบียนถูกว่าร้าย…แม้ว่าบัดนี้พระองค์ไม่ได้อยู่กับพระศาสนจักรอย่างมีตัวตนเหมือนเมื่อครั้งก่อนโน้น…พระองค์อยู่ในสวรรค์กำลังเสนอคำวิงวอนแด่พระบิดาเจ้าแทนพวกเราอยู่อย่างไรก็ตามในยามที่พวกเราต้องการเรียกหาพระองค์พระองค์ก็จะเสด็จมาหาพวกเราในรูปแบบต่างๆอันจะทำให้ความกลัวของพวกเราสงบลงพลางนำความชื่นชมยินดีและสันติสุขแห่งจิตใจมาให้           […]

อ่านต่อ

2020-08-02 ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 18 เทศกาลธรรมดา ปี A

ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 18 เทศกาลธรรมดา ปี A มธ14: 13-21…พระเยซูเจ้าทรงสั่งให้ประชาชนนั่งลงบนพื้นหญ้าทรงรับขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวขึ้นมาทรงกล่าวถวายพระพรทรงบิขนมปังส่งให้บรรดาศิษย์ไปแจกแก่ประชาชนและทุกคนได้กินจนอิ่ม… ประชาชนมากมายได้ติดตามพระเยซูเจ้าไปในที่เปลี่ยวพลางลืมทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อที่จะฟังพระวาจาของพระองค์และเพื่อต้องการให้พระองค์รักษาโรคภัยไข้เจ็บของพวกเขาให้หายเช่นเดียวกันในขณะนี้ที่เราเองก็ได้ละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างแม้เพียงชั่วครู่หนึ่งเพื่อฟังพระวาจาของพระองค์และเพื่อมารับการรักษาให้หายที่โต๊ะศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ข้อคิด…ในเรื่องอัศจรรย์ของการทวีขนมปังและปลาชวนให้เราได้รำลึกถึงการอัศจรรย์ในเรื่องของ“มานนา”ที่เกิดขึ้นในถิ่นทุรกันดารในพระธรรมเก่า“พระเยซูเจ้า”ทรงเป็น“โมเสสคนใหม่”ซึ่งเลี้ยงดูประชากรของพระองค์ในที่เปลี่ยวในการที่พระเยซูเจ้าทรงเลี้ยงดูประชาชนมากมายในครั้งนี้นั้นนักบุญมัทธิวและบรรดาผู้อ่านพระวรสารของท่านแลเห็นและเข้าใจว่าเป็นการล่วงหน้าแห่งพฤติกรรมของ“พิธีบูชาขอบพระคุณ”ที่พระองค์จะทรงตั้งขึ้นสำหรับพระศาสนจักรของพระองค์นั่นเองทั้งอากัปกิริยาและพระวาจาต่างๆที่นำมาใช้นั้นก็เป็นอากัปกิริยาและพระวาจาที่ใช้ในการรับประทานอาหารค่ำมื้อสุดท้ายของพระองค์กับบรรดาอัครสาวกของพระองค์…”พระเยซูเจ้าทรงหยิบขนมปัง…ตรัสถวายพระพร…ทรงบิขนมปัง…ประทานให้บรรดาศิษย์”และเช่นเดียวกัน“พิธีบูชาขอบพระคุณ”ก็เป็นการล่วงหน้าของ“งานทานเลี้ยงสุดท้ายแห่งพระอาณาจักรของพระเจ้า” คุณแม่เทเรซาได้เล่าให้เราฟังว่าวันหนึ่งได้มีครอบครัวชาวฮินดูครอบครัวหนึ่งมาหาคุณแม่พวกเขาไม่มีอาหารทานมาหลายวันแล้วคุณแม่ได้ลุกขึ้นไปหาข้าวปลาอาหารเท่าที่จะหาได้มาให้พวกเขาได้รับประทานสิ่งที่ได้เกิดขึ้นหลังจากนั้นได้สร้างความประหลาดใจให้กับคุณแม่เป็นอันมาก…คือทันทีผู้ที่เป็นแม่ได้ทำการแบ่งอาหารออกเป็นสองส่วนด้วยกันนางได้เอาอาหารส่วนหนึ่งไปให้ครอบครัวข้างบ้านซึ่งเป็นชาวมุสลิม เมื่อเห็นดังนี้คุณแม่เทเรซาได้พูดกับนางว่า“และเวลานี้เธอมีอาหารเหลือสักมากน้อยแค่ไหน?…และมันเพียงพอสำหรับครอบครัวของเธอหรือ?” “แต่ว่าพวกเขาก็ไม่ได้กินอะไรมาตั้งหลายวันแล้วเหมือนกัน”…นางบอกกับคุณแม่เทเรซา […]

อ่านต่อ

2020-07-26 ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 17 เทศกาลธรรมดา ปี A

ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 17 เทศกาลธรรมดา ปี A มธ13: 44-52…อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ในทุ่งนาคนที่พบก็ฝังซ่อนสมบัตินั้นและยินดีกลับไปขายทุกสิ่งที่มีนำเงินมาซื้อนาแปลงนั้น… เรื่องของ“ปรีชาญาณ”เป็นหัวข้อหลักที่พิธีกรรมของวันอาทิตย์นี้นำเสนอ…ปรีชาญาณเป็นสมบัติอันหาค่ามิได้และเป็นอะไรบางอย่างที่เราทุกคนต้องการเราแต่ละคนยอมรับว่าบางครั้งในชีวิตของเราเพื่อช่วยให้เราได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นสุข ข้อคิด…นิทานเปรียบเทียบเรื่องขุมทรัพย์และไข่มุกเม็ดงามนั้นให้สาระสำคัญอย่างเดียวกันคือพระอาณาจักรสวรรค์สมควรแก่การลงทุนเพื่อจะได้มาแต่ว่าเราต้องการปรีชาญาณซึ่งมาจากพระเจ้าอันเป็นพระพรแสนสุดประเสริฐเพื่อเราจะสามารถมองเห็นและรู้จักบริหารจัดการชีวิตของเราเพื่อให้ได้มาซึ่งขุมทรัพย์ที่ว่านั้น นิทานเปรียบเทียบเรื่องของแหอวนที่หย่อนลงในทะเลก็สื่อความหมายเช่นเดียวกับเรื่องของข้าวสาลีและข้าวละมานของวันอาทิตย์ที่แล้ว…ในห้วงเวลาปัจจุบันนี้และจนกระทั่งถึงวันสิ้นโลกโลกของเรามนุษย์ก็ยังจะประกอบไปด้วยทั้งคนดีและคนไม่ดี…เฉพาะณเวลาแห่งการพิพากษาประมวลพร้อมหรือการพิพากษาสุดท้ายเท่านั้นที่คนทั้งหลายทั้งปวงจะต้องถูกคัดแยกออกมาเป็นสองพวกคือคนดีและคนไม่ดี ตั้งแต่ในยุคแรกๆของมนุษยชาติแล้วที่คนเราพยายามแสวงหาขุมทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นในท้องทุ่งไร่นาบนยอดเขาสูงใต้ท้องทะเลลึกหรือในที่ห่างไกลที่คนธรรมดาๆไปไม่ถึงฯลฯเพียงแต่ว่าถ้าพวกเขาสามาถพบทองคำหรือเพชรพลอยนิลจินดาหรือสมบัติล้ำค่าที่พวกเขาต้องการพวกเขาก็จะเป็นสุขแล้วทุกวันนี้คนเราก็ยังพยายามแสวงหาขุมทรัพย์กันอยู่อย่างไม่รู้จักจบจักสิ้นเพียงแต่ว่าขุมทรัพย์ที่พวกเขากำลังแสวงหากันอยู่นั้นอาจจะอยู่ในสลากล็อตเตอรี่ในบ่อนการพนันหรือในตลาดหลักทรัพย์ที่มีการเล่นหุ้นฯลฯและพวกเขาจะมีความสุขมากถ้าพวกเขาสามารถได้รับโชคดีในการเสี่ยงโชคนั้น เราแต่ละคนต่างก็เป็นนักล่าขุมทรัพย์ด้วยกันทั้งนั้นเพราะเราท่านทั้งหลายต่างก็กำลังมองหาอะไรบางอย่างที่สามารถทำให้เราเป็นสุขได้แม้ชั่วครู่ชั่วยามก็ตามพฤติกรรมดังกล่าวนี้ก็ไม่มีอะไรผิดเพราะองค์พระคริสตเจ้าเองก็ยังให้กำลังใจเราในการตามล่าขุมทรัพย์นั้นดังที่ปรากฎในเรื่องอุปมาทั้งสองเรื่องของพระวรสารในวันนี้ พระคริสตเจ้าทรงรักนักล่าขุมทรัพย์พระองค์ทรงมีความเข้าอกเข้าใจที่ดีต่อผู้ที่กำลังตามล่าขุมทรัพย์นั้นอยู่แม้จะตามล่าขุมทรัพย์ผิดกาลเทสะหรือผิดประเภทก็ตามพระองค์ทรงเข้าใจถึงความกระหายหาขุมทรัพย์ของพวกเขาได้เป็นอย่างดีและพระองค์สามารถที่จะชี้แสดงให้พวกเขาไปในทิศทางที่ถูกต้องว่าขุมทรัพย์ชนิดใดที่พวกเขาต้องตามล่าและอยู่ที่ไหน? […]

อ่านต่อ

2020-07-19 ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา ปี A

ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 16 เทศกาลธรรมดา ปี A มธ13: 24-43…จงปล่อยให้ข้าวทั้งสองชนิดงอกงามขึ้นด้วยกันจนถึงฤดูเก็บเกี่ยว…ผู้หว่านเมล็ดพันธุ์ดีคือบุตรแห่งมนุษย์ทุ่งนาคือโลกและเมล็ดพันธุ์ดีคือพลเมืองแห่งพระอาณาจักร… เราไปวัดมิใช่เพราะว่าเราเป็นนักบุญแต่เพราะว่าเราเป็นคนบาปต่างหากซึ่งต้องการจะเป็นคนที่ดีขึ้นศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น…พระเจ้าทรงมีความเพียรกับเรามนุษย์ทุกๆคนพระองค์ไม่ทรงเลือกปฏิบัติและไม่ทรงทำการตัดสินพิพากษาลงโทษใครง่ายๆ… ข้อคิด…มีความโน้มเอียงตามธรรมชาติของเรามนุษย์อยู่อย่างหนึ่งคือมักจะชอบแบ่งแยกมนุษย์ด้วยกันเองออกเป็นสองกลุ่มสองพวกใหญ่ๆดังเรื่องอุปมา“ผู้หว่านเมล็ดพันธุ์” คือคนดีและคนชั่วและความโน้มเอียงดังกล่าวนี้ก็มีอยู่ในศาสนิกชนของทุกๆศาสนาเช่นกันดังที่เราสามารถเห็นได้ง่ายๆจากเรื่องอุปมาดังกล่าวหรือจากคำอธิษฐานภาวนาของพวกชาวฟาริสีที่คิดว่าตนเองเป็นคนดี ก็มักจะชอบอธิษฐานภาวนาขอพระพรจากพระเจ้าจากสิ่งกดิ์สิทธิ์ฯลฯสำหรับตนเองสำหรับครอบครัวของตนสำหรับประเทศชาติของตนฯลฯ…แต่ว่าในเวลาเดียวกันก็วิงวอนขอการสาปแช่งให้กับคนอื่นคนที่เป็นศัตรูคนที่ไม่ได้อยู่ข้างเดียวกับตนฯลฯ เช่นเดียวกันในพระศาสนจักรของเราก็มักจะมีคริสตชนสองจำพวกด้วยกันพวกหนึ่งที่เป็นแบบ“ผูกขาด”ซึ่งมีความคิดว่าพระศาสนจักรจะต้องมีไว้สำหรับคนดีเท่านั้นส่วนอีกพวกหนึ่งซึ่งเป็นแบบ“อะไรก็ได้” พวกนี้มักมีทัศนะคติว่าพระศาสนจักรควรจะต้องเปิดกว้างสำหรับทุกๆคนโดยไม่จำกัดเชื้อชาติและฐานะทางสังคมและสำหรับทั้งคนดีและคนบาป […]

อ่านต่อ

2020-07-12 ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 15 เทศกาลธรรมดา ปี A

ข้อคิดวันอาทิตย์ที่  15 เทศกาลธรรมดา ปี A มธ13: 1-23…ผู้หว่านออกไปหว่านเมล็ดพืช…บางเมล็ดตกในพงหนามต้นหนามก็ขึ้นคลุมไว้ทำให้เหี่ยวเฉาตายไป…บางเมล็ดตกในที่ดินดีจึงเกิดผลร้อยเท่าบ้างหกสิบเท่าบ้างสามสิบเท่าบ้าง… พระเจ้าทรงมีพระวาจากับพวกเราในหลายวิธีด้วยกันและพระเยซูเจ้าทรงเปรียบเทียบพระวาจาของพระเจ้ากับเมล็ดพันธุ์พืชพระวาจาซึ่งสามารถทำให้ชีวิตของเราเกิดดอกออกผล…อย่างไรก็ตามถ้าต้องการให้เมล็ดพันธุ์เกิดผลก็จะต้องปลูกไว้ในที่ดินดีดังนั้นเพื่อให้พระวาจาของพระเจ้าบังเกิดผลในตัวเราหัวใจของเราต้องพร้อมที่จะรับพระวาจานั้นแล้วนำเอาพระวาจานั้นมา“ปฏิบัติ”และเอามา“เป็นชีวิต” ข้อคิด…เมล็ดพันธุ์พืชเป็นอะไรที่น่าอัศจรรย์จริงๆเพราะมันสามารถทำให้ผืนดินที่แห้งแล้งไม่เกิดผลบังเกิดผลอุดมได้แต่ว่าในขณะเดียวกันเมล็ดพันธุ์ก็เป็นอะไรที่เปราะบางอย่างที่สุดเพราะมันต้องขึ้นกับชนิดของดินที่มันจะต้องเติบโตขึ้นถ้าหากว่าดินไม่ดีเมล็ดพันธุ์ก็จะเหี่ยวแห้งอับเฉาและตายไปในที่สุดแต่ถ้าเป็นดินดีเมล็ดพันธุ์นั้นก็จะออกผลอย่างอุดมดังที่เราเห็นในธรรมชาติ ในเรื่องของ“คำพูด” ก็เช่นเดียวกัน…คำพูดเป็นอะไรบางอย่างที่มีพลังอำนาจสูงมากๆ…คำพูดสามารถให้ความบรรเทาใจให้แรงบันดาลใจให้คำสอนให้การแก้ไขให้การท้าทายให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิตฯลฯหรือคำพูดนั้นอาจจะไม่ได้ให้อะไรเลยก็ได้ที่ร้ายกว่านั้นคำพูดบางคำอาจจะเป็นการทำร้ายและทำลายผู้อื่นได้เช่นกันเช่นคำพูดที่ทิ่มแทงคำพูดเท็จคำพูดที่ไร้สาระ ฯลฯดังนี้เป็นต้น พูดไปแล้วคำพูดแต่ละคำนั้นขึ้นอยู่กับท่าทีของผู้พูดว่ามีจุดประสงค์เช่นใดและอยู่ที่ผู้ฟังว่าให้ความสนใจมากน้อยเพียงใด […]

อ่านต่อ

2020-07-05 ข้อคิดวันสมโภชนักบุญเปโตรและเปาโล อัครสาวก

ข้อคิดวันสมโภชนักบุญเปโตรและเปาโลอัครสาวก มธ16: 13-19…ท่าน(นักบุญเปโตร)คือศิลาและบนศิลานี้เราจะตั้งพระศาสนจักรของเรา…เราจะมอบกุญแจอาณาจักรสวรรค์ให้… …สำหรับข้าพเจ้า(นักบุญเปาโล)นั้นชีวิตของข้าพเจ้ากำลังจะถูกถวายเป็นเครื่องบูชาอยู่แล้วถึงเวลาแล้วที่ข้าพเจ้าจะต้องจากไปข้าพเจ้าต่อสู้มาอย่างดีแล้วข้าพเจ้าวิ่งมาถึงเส้นชัยแล้วข้าพเจ้ารักษาความเชื่อไว้แล้วยังเหลืออยู่ก็เพียงมงกุฎแห่งความชอบธรรมซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพิพากษาอย่างเที่ยงธรรมจะประทานให้ข้าพเจ้าในวันนั้น… ข้อคิด…การสมโภชนักบุญเปโตรและนักบุญเปาโลในวันนี้เป็นการเฉลิมฉลองที่เก่าแก่ที่สุดวันหนึ่งของพระศาสนจักรและที่จริงเป็นการสมโภชที่มีมาก่อนการสมโภชพระเยซูเจ้าทรงบังเกิดหรือวันคริสต์มาสเสียอีก…ตั้งแต่ศตวรรษที่สี่เป็นต้นมาที่ในวันสมโภชนี้มีการถวายพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณสามมิสซาด้วยกันคือที่มหาวิหารนักบุญเปโตรในนครรัฐวาติกันมิสซาหนึ่งที่มหาวิหารนักบุญเปาโลนอกกำแพงเมืองอีกมิสซาหนึ่งและที่คาตากอมบ์นักบุญเซบาสเตียนซึ่งเชื่อกันว่าศพของท่านนักบุญอัครสาวกที่ยิ่งใหญ่ทั้งสองท่านนี้คงจะถูกเก็บซ่อนไว้ณที่นี้เป็นระยะเวลาหนึ่งอีกมิสซาหนึ่ง นักบุญเปโตรเป็นชาวประมงของตำบลเบทไซดาในแคว้นกาลิลี(ลก5: 3; ยน1: 44) แต่ว่าต่อมาท่านได้ย้ายมาตั้งหลักแหล่งที่เมืองคาร์เปอร์นาอุม(มก1: […]

อ่านต่อ

2020-06-28 ข้อคิดอาทิตย์ที่ 13 เทศกาลธรรมดา ปี A

ข้อคิดอาทิตย์ที่13เทศกาลธรรมดา ปี A มธ10: 37-42…เราอยู่ในบ้านของพระเจ้าพระเจ้าทรงเป็นเจ้าบ้านส่วนเราเป็นแขกให้เราได้มีความรู้สึกว่าเราได้รับการต้อนรับและให้เราทำตัวเหมือนกับอยู่ที่บ้านและในเมื่อพระเจ้าทรงยอมรับเราก็ขอให้เราได้ยอมรับซึ่งกันและกันด้วย… พระเยซูเจ้าทรงเตือนสอนสานุศิษย์ของพระองค์ให้พร้อมที่จะรู้จักเสียสละสิ่งอันเป็นที่รักของตนในชีวิตเพื่อพระเจ้าและเพื่อเพื่อนพี่น้อง ข้อคิด…ใครก็ตามที่ไม่ยอมแบกกางเขนของตนและติดตามพระเยซูเจ้าไปก็ไม่สมควรเป็นศิษย์ของพระองค์…และเราแต่ละคนต่างก็มีกางเขนที่จะต้องแบกซึ่งก็หนักพอสมควรและเราพร้อมที่จะแบกมันหรือเปล่า?         พระเยซูเจ้าได้ทรงแบกกางเขนของพระองค์เช่นเดียวกันสิ่งที่เราต้องทำก็คือแบกกางเขนของเราแต่ละคนกางเขนของเรามิใช่ทำด้วยไม้แต่ทำด้วยหน้าที่การงานปัญหาความวิตกกังวลความป่วยไข้ความขัดแย้งกับคนที่อยู่ด้วยกันกับเราในบ้านซึ่งไม่เหมือนกันและในที่ทำงานฯลฯอาจจะไม่รู้จบสิ้นและกางเขนนี้อาจจะไม่ใหญ่โตอะไรมากมายนักส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นกางเขนอันเล็กๆแต่ว่าเยอะแยะเต็มไปหมด         กางเขนที่เราแต่ละคนต้องแบกนั้นคนอื่นอาจจะมองไม่เห็นและอาจจะไม่ใช่สิ่งปรากฏภายนอกแต่ว่ามันอาจจะเกิดขึ้นภายในตัวเราเองเช่นความกดดันความทุกข์เศร้าโศกฯลฯ         […]

อ่านต่อ

2020-06-21 ข้อคิดอาทิตย์ที่ 12 เทศกาลธรรมดา ปี A

ข้อคิดอาทิตย์ที่ 12 เทศกาลธรรมดา ปี A มธ10: 26-33…พระเยซูเจ้าทรงตรัสกับสานุศิษย์ของพระองค์ว่าอย่ากลัวเลยที่จะยอมรับพระองค์ต่อหน้ามนุษย์เพราะพระองค์ก็จะยอมรับผู้นั้นเฉพาะพระพักตร์พระบิดาของพระองค์ผู้สถิตในสวรรค์… พระเยซูเจ้าทรงเตือนสอนสานุศิษย์ของพระองค์ไม่ให้เกรงกลัวที่จะพูดในการเป็นประจักษ์พยานถึงข่าวดีของพระองค์…พลางรับประกันกับพวกเขาว่าพระเจ้าจะทรงใส่ใจและดูแลพวกเขาณเวลาที่พวกเขาจะถูกทดลอง ข้อคิด…เมื่อพระเยซูเจ้าส่งพวกอัครสาวกให้ออกไปประกาศคำสั่งสอนของพระองค์เขาก็มีเหตุผลที่จะต้องกลัวเพราะพระองค์รู้ดีว่าพวกเขาจะต้องเผชิญกับความยากลำบากและการต้องถูกเบียดเบียน…ดังนั้นพระเยซูเจ้าจึงได้ทรงบอกกับพวกเขาถึงสามครั้งว่า“อย่ากลัวเลย” เป็นเรื่องปรกติที่เราบางครั้งก็ขาดความกล้าหาญและรู้สึกกลัวขึ้นมา…ให้เราลองนึกถึงคนบางคนหรือแม้นกระทั่งตัวเราเองที่ประสบความสำเร็จอะไรบ้างในชีวิตจะต้องได้สัมผัสกับความกลัวไม่มากก็น้อยและให้เราลองนึกถึงท่านประกาศกเยเรมีย์ในบทอ่านที่หนึ่ง(ยรม20: 10-13) หรือแม้นพระเยซูเจ้าเองในสวนเก็ธเสมานี ความกลัวจริงๆแล้วก็มิใช่เป็นสิ่งเลวร้ายบางครั้งกลับทำหน้าที่คอยปกป้องพลางเตือนเราถึงภัยอันตรายอันอาจจะเกิดขึ้นแต่ถึงกระนั้นความกลัวบางครั้งก็สามารถเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตหรือในการทำอะไรบางอย่างได้และอาจจะทำให้เรากลายเป็นคนขี้ขลาดไม่กล้าทำอะไรบางอย่าง พระเยซูเจ้าทรงทราบดีว่าพวกอัครสาวกมีความกลัวพระองค์จึงพยายามที่จะกระตุ้นพวกเขาให้มีความกล้าหาญและพยายามผลักดันพวกเขาไม่ให้กลัวเพราะรู้ดีว่าความกลัวสามารถทำให้พวกเขากลายเป็นคนขี้ขลาดจนไม่สามารถทำสำเร็จซึ่งพันธกิจที่พระองค์จะทรงมอบหมายให้กับพวกเขา […]

อ่านต่อ

Posts pagination

1 … 27 28 29 … 68

เกี่ยวกับวัดฯ

  • ประวัติอาสนวิหาร
  • แม่พระอัสสัมชัญ
  • บรรณฐาน
  • สถาปัตยกรรม
  • กระจกสี
  • ภาษาลาตินในวัด

บริการต่างๆ

  • ล้างบาปทารก / Baptisms
  • แต่งงาน / Wedding
  • การขออนุญาตถ่ายภาพ

สารวัดย้อนหลัง

  • บทสนทนาจากเจ้าอาวาส
  • คิดสักนิด...สะกิดใจ...
  • ปลัดแก่ ซอย40
  • ปี 2012

บุคลากร/องค์กรต่างๆในวัด

  • พระสงฆ์
  • สำนักงานวัด
  • สภาภิบาล
  • นักขับร้อง
  • สโมสรเยาวชน

ลิงค์คาทอลิก

  • สภาสังฆราชคาทอลิกประเทศไทย
  • อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
  • หอจดหมายเหตุ อัครสังฆมณฑลฯ
  • สื่อมวลชนคาทอลิกประเทศไทย
  • ปีศักดิ์สิทธิ์ ค.ศ. 2025
Facebook-f Youtube