ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา ปี A สดด 95; รม13: 8-10…ในวันนี้ ถ้าท่านได้ยินเสียงของพระเจ้า […]
ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 23 เทศกาลธรรมดา ปี A สดด 95; รม13: 8-10…ในวันนี้ ถ้าท่านได้ยินเสียงของพระเจ้า […]
ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 24 เทศกาลธรรมดา ปี A มธ18: 21-35; บสร 27: 30-28: […]
ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 25 เทศกาลธรรมดา ปี A […]
ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 29 เทศกาลธรรมดา ปี A มธ 22: 15-21…ของของซีซาร์ จงคืนให้ซีซาร์ และของของพระเจ้า […]
ข้อคิดวันอาทิตย์ที่28เทศกาลธรรมดา ปี A มธ 22: 1-14…กษัตริย์ให้คนใช้ไปบอกกับผู้รับเชิญว่าบัดนี้เราได้เตรียมการเลี้ยงไว้พร้อมแล้ว… พบผู้ใดก็ตาม จงเชิญมาในงานวิวาห์เถิด… ขณะนี้ […]
ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 27 เทศกาลธรรมดา ปี A มธ 21: 33-43…ในที่สุด เจ้าของสวนได้ส่งบุตรชายของตนไปพบคนเช่าสวน…หินที่ช่างก่อสร้างทิ้งเสียนั้น ได้กลายเป็นศิลาหัวมุม…พระอาณาจักรของพระเจ้าจะถูกยกจากท่านทั้งหลาย […]
ข้อคิดวันอาทิตย์ที่26เทศกาลธรรมดาปีA มธ21: 28-32…คนเก็บภาษีและหญิงโสเภณีจะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้าก่อนท่าน…เพราะยอห์นได้มาพบท่านชี้หนทางแห่งความชอบธรรมท่านก็ไม่เชื่อยอห์นส่วนคนเก็บภาษีและหญิงโสเภณีเชื่อ เรามีเสรีภาพที่จะบอกว่า“เอา”หรือ“ไม่เอา”กับพระเจ้าแต่นี่ย่อมหมายความว่าเราจะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของเรา…หลายๆครั้งเรามักจะใช้เสรีภาพที่พระเจ้าได้ทรงประทานให้นั้นอย่างไม่ดีหรืออย่างผิดๆแต่ว่าพระเจ้ายังทรงพระทัยดีมีเมตตากรุณาต่อเราอยู่เสมอพระองค์ทรงเรียกเราให้เป็นทุกข์กลับใจกลับมาหาพระองค์ ข้อคิด… “อุปมาเรื่องบุตรสองคน” จากพระวรสารในวันนี้มุ่งเป้าไปที่พระสงฆ์ผู้ใหญ่ของชนชาวอิสราแอลจุดมุ่งหมายของอุปมาเรื่องนี้ก็เพื่อเป็นการปกป้องพระเยซูเจ้าจากการที่พระองค์ทรงเชื้อเชิญคนบาปและคนที่ถูกสังคมทอดทิ้งให้เข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้าอันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องในทางศาสนาในสายตาของพวกผู้นำทางศาสนาของชนชาวยิวแน่นอนอุปมาเรื่องนี้ได้ก่อให้เกิดความขุ่นเคืองให้กับพวกเขาเป็นอย่างมากเพราะเป็นการตำหนิพวกเขาโดยตรง บุตรคนแรกเป็นตัวแทนของบรรดาคนบาปซึ่งก็คงไม่แตกต่างอะไรกันมากนักเพราะทีแรกชอบทำอะไรตามใจตนเองแต่ว่าแล้วนั้นก็ได้เป็นทุกข์กลับใจและกลับมาหาพระเจ้าจนที่สุดก็ได้สวรรค์เป็นรางวัลแห่งชีวิต…ส่วนบุตรคนที่สองนั้นเป็นตัวแทนของบรรดาพระสงฆ์ผู้ใหญ่ของชนชาวยิวซึ่งก็คล้ายๆกับบุตรคนที่สองที่ได้สัญญาว่าจะทำงานเพื่อพระเจ้าแต่ที่สุดก็มิได้ทำดังที่ว่านั้นจึงในที่สุดก็ได้ทำให้ตัวเองไม่ได้เข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้า เราจึงแลเห็นว่าการกลับใจเป็นเงื่อนไขที่สำคัญเพื่อจะเข้าสู่พระอาณาจักรของพระเจ้าซึ่งบทอ่านแรกก็ได้กล่าวถึงอยู่แล้ว อุปมาเรื่องบุตรสองคนที่เล่าในพระวรสารของนักบุญมัทธิวในวันนี้นั้นได้แสดงให้เห็นถึงศาสนิกชนในสมัยของท่านและรวมทั้งในสมัยของเรานี้ด้วยที่พวกหนึ่งเอาแต่พูดและไม่ทำแต่ก็ยังมีอีกพวกหนึ่งที่ฟังแล้วและก็เอาไปทำ […]
ข้อคิดวันสมโภชพระคริสตเจ้าทรงแสดงองค์ ปี A มธ2: 1-12…พวกเราได้เห็นดาวประจำพระองค์ขึ้นจึงพร้อมใจกันมาเพื่อนมัสการพระองค์… ในวันสมโภชพระคริสตเจ้าทรงแสดงองค์วันนี้เราจะได้ยินได้ฟังเรื่องของปราชญ์ซึ่งมาจากบูรพาทิศด้วยการนำของดวงดาวมหัศจรรย์เพื่อมานมัสการองค์พระคริสต์–พระกุมาร…เราทุกคนต่างก็กำลังเดินทางแห่งชีวิตอยู่ด้วยเหมือนกันแต่เป็นการเดินทางชีวิตที่กำลังมุ่งไปสู่เบธเลเฮมแห่งเมืองสวรรค์ซึ่งณที่นั้นพวกเราหวังจะได้พบกับองค์พระเจ้าอย่างหน้าต่อหน้าเรามิได้ถูกนำด้วงแสงสว่างแห่งดวงดาวแต่เราได้รับการนำด้วยแสงสว่างแห่งความเชื่อ…ให้เราอธิษฐานภาวนาต่อพระเจ้าเพื่อให้พระองค์ได้ทรงทวีความเชื่อของเราให้มั่นคงเข้มแข็งยิ่งๆขึ้น… ข้อคิด…นักบุญมัทธิวได้นำเสนอให้เห็นถึงการเผยแสดงของพระเจ้าในหลายวิธีที่แตกต่างกันแต่ก็มีจุดประสงค์เดียวกันคือให้พระบุตรพระเจ้าที่มาบังเกิดเป็นมนุษย์เป็นที่รู้จักและได้รับการต้อนรับจากเพื่อนมนุษย์ด้วยกันและเพื่อให้มนุษยชาติได้มาเป็นครอบครัวเดียวกันโดยให้นมัสการและรับใช้พระเจ้าองค์เดียวกัน…องค์พระบุตรพระเจ้านี้ที่ชนชาวยิวซึ่งมีพระคัมภีร์ที่ได้ค่อยๆเผยแสดงการเสด็จมาของพระองค์กลับปฏิเสธไม่ยอมรับพระองค์ขณะที่ชนต่างศาสนาโดยการนำของดวงดาวมหัสจรรย์ได้มาค้นหาพระกุมารและเมื่อพบแล้วก็ได้นมัสการพระองค์ถวายของขวัญแด่พระองค์ ความปรารถนาอันแรงกล้าของพระเยซูเจ้าผู้สถาปนาพระศาสนจักรและของพระศาสนจักรเองในทุกยุคทุกสมัยก็คือต้องการให้มนุษยชาติมีเอกภาพสากลภาพและสันติภาพที่แท้จริงและได้เป็นครอบครัวเดียวกัน มนุษย์คนแรกในพระคัมภีร์ซึ่งได้เชื่อในสากลภาพคืออับราฮัมบิดาแห่งควาเชื่อของมนุษยชาติพระเจ้าได้ทรงสัญญากับท่านไว้ว่าในวันหนึ่งข้างหน้าบรรดาประชาชาติต่างๆจะมาร่วมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในพงศ์พันธุ์ของท่านและท่านเองก็ได้เชื่อเช่นนั้น ประชาชาติอิสราแอลได้รับมอบหมายให้เป็นผู้รวบรวมประชากรทั้งหลายให้เป็นหนึ่งเดียวกันในพงศ์พันธุ์ของอับราฮัมและดังนี้พระสัญญาแห่งสากลภาพก็จะบรรลุถึงความสำเร็จ […]
ข้อคิดวันสมโภชพระนางมารีย์พระชนนีพระเจ้า (วันที่ 1 มกราคม 2560) ลก 2: 16-21…พวกคนเลี้ยงแกะรีบไปยังเมืองเบธเลเฮมและพบพระนางมารีย์ โยเซฟและพระกุมารซึ่งบรรทมอยู่ในรางหญ้า… สำหรับปีใหม่ทุกๆปี […]
ข้อคิดวันสมโภชพระคริสตสมภพ ลก2: 1-14…วันนี้ในเมืองของกษัตริย์ดาวิดพระผู้ไถ่ประสูติเพื่อท่านแล้วพระองค์คือพระคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า…พระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระเจ้าในสวรรค์สูงสุด…และบนแผ่นดินสันติจงมีแก่มนุษย์ที่พระองค์โปรดปราน… “อย่ากลัวเลยเพราะเรานำข่าวดีมาบอกท่านทั้งหลาย…วันนี้ในเมืองของกษัตริย์ดาวิดพระผู้ไถ่ประสูติเพื่อท่านแล้ว”…ขณะที่เรากำลังชุมนุมกันอยู่หน้าถ้ำพระกุมารนี้เพื่อทำการสมโภชพระคริสตสมภพพระวจนาตถ์พระบุตรพระเจ้าพระผู้ไถ่ของเราทรงประทับอยู่ท่ามกลางเราไม่ใช่แบบทารกที่ช่วยตัวเองไม่ได้แต่เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าพระผู้ได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ…ดังนั้นให้เราสลัดความกลัวต่างๆทิ้งเสียและให้เปิดหัวใจของเรารับความชื่นชมยินดีและความสุขใจที่พระองค์ได้ทรงนำมาให้พร้อมกับการบังเกิดของพระองค์… ข้อคิด…เรื่องราวเกี่ยวกับการบังเกิดของพระเยซูเจ้าตามคำบอกเล่าของนักบุญลูกาได้รับการนำเสนอในพระวรสารสำหรับพิธีบูชาขอบพระคุณในสองมิสซาแรกของวันสมโภชพระคริสตสมภพนี้…เรื่องราวการบังเกิดเป็นมนุษย์ขององค์พระวจนาตถ์สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อของพระศาสนจักรหลังการเสด็จกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูคริสตเจ้า…พระนามที่นักบุญเปโตรได้ถวายให้กับพระผู้ได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพว่า“องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระเมสสิยาห์” นั้นบัดนี้ได้นำมาใช้กับพระกุมารพระผู้บังเกิดมาจากบรรดาทูตสวรรค์ นักบุญลูกาได้วางโครงสร้างเรื่องราวการบังเกิดขององค์พระวจนาตถ์ไว้อย่างน่าสนใจยิ่งโดยให้พระจักรพรรดิออกัสตัสกลายเป็นเครื่องมือชิ้นหนึ่งของพระเจ้าที่บ่งบอกว่าพระเยซูเจ้าได้บังเกิดมาในเมืองของกษัตริย์ดาวิด…การไม่ยอมรับพระเยซูเจ้าพร้อมกับบิดามารดาของพระองค์ให้พักค้างแรมเป็นการชิมลางการถูกปฏิเสธจากชนชาวยิวทั้งชาติ…พระนางมารีย์ก็แสดงให้เห็นว่าพระนางทรงเป็นมารดาที่เอาใจใส่ดูแลโดยใช้ผ้าห่อหุ้มร่างกายของกุมารน้อยและวางพระองค์ในรางหญ้าความรักเอาใจใส่ของพระนางสะท้อนให้เห็นถึงความรักเอาใจใส่ของพระเจ้า […]