ข้อคิดวันสมโภชพระนางมารีย์พระชนนีพระเจ้า (วันที่ 1 มกราคม 2560) ลก 2: 16-21…พวกคนเลี้ยงแกะรีบไปยังเมืองเบธเลเฮมและพบพระนางมารีย์ โยเซฟและพระกุมารซึ่งบรรทมอยู่ในรางหญ้า… สำหรับปีใหม่ทุกๆปี […]
ข้อคิดวันสมโภชพระนางมารีย์พระชนนีพระเจ้า (วันที่ 1 มกราคม 2560) ลก 2: 16-21…พวกคนเลี้ยงแกะรีบไปยังเมืองเบธเลเฮมและพบพระนางมารีย์ โยเซฟและพระกุมารซึ่งบรรทมอยู่ในรางหญ้า… สำหรับปีใหม่ทุกๆปี […]
ข้อคิดวันสมโภชพระคริสตสมภพ ลก2: 1-14…วันนี้ในเมืองของกษัตริย์ดาวิดพระผู้ไถ่ประสูติเพื่อท่านแล้วพระองค์คือพระคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า…พระสิริรุ่งโรจน์จงมีแด่พระเจ้าในสวรรค์สูงสุด…และบนแผ่นดินสันติจงมีแก่มนุษย์ที่พระองค์โปรดปราน… “อย่ากลัวเลยเพราะเรานำข่าวดีมาบอกท่านทั้งหลาย…วันนี้ในเมืองของกษัตริย์ดาวิดพระผู้ไถ่ประสูติเพื่อท่านแล้ว”…ขณะที่เรากำลังชุมนุมกันอยู่หน้าถ้ำพระกุมารนี้เพื่อทำการสมโภชพระคริสตสมภพพระวจนาตถ์พระบุตรพระเจ้าพระผู้ไถ่ของเราทรงประทับอยู่ท่ามกลางเราไม่ใช่แบบทารกที่ช่วยตัวเองไม่ได้แต่เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าพระผู้ได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ…ดังนั้นให้เราสลัดความกลัวต่างๆทิ้งเสียและให้เปิดหัวใจของเรารับความชื่นชมยินดีและความสุขใจที่พระองค์ได้ทรงนำมาให้พร้อมกับการบังเกิดของพระองค์… ข้อคิด…เรื่องราวเกี่ยวกับการบังเกิดของพระเยซูเจ้าตามคำบอกเล่าของนักบุญลูกาได้รับการนำเสนอในพระวรสารสำหรับพิธีบูชาขอบพระคุณในสองมิสซาแรกของวันสมโภชพระคริสตสมภพนี้…เรื่องราวการบังเกิดเป็นมนุษย์ขององค์พระวจนาตถ์สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อของพระศาสนจักรหลังการเสด็จกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูคริสตเจ้า…พระนามที่นักบุญเปโตรได้ถวายให้กับพระผู้ได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพว่า“องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระเมสสิยาห์” นั้นบัดนี้ได้นำมาใช้กับพระกุมารพระผู้บังเกิดมาจากบรรดาทูตสวรรค์ นักบุญลูกาได้วางโครงสร้างเรื่องราวการบังเกิดขององค์พระวจนาตถ์ไว้อย่างน่าสนใจยิ่งโดยให้พระจักรพรรดิออกัสตัสกลายเป็นเครื่องมือชิ้นหนึ่งของพระเจ้าที่บ่งบอกว่าพระเยซูเจ้าได้บังเกิดมาในเมืองของกษัตริย์ดาวิด…การไม่ยอมรับพระเยซูเจ้าพร้อมกับบิดามารดาของพระองค์ให้พักค้างแรมเป็นการชิมลางการถูกปฏิเสธจากชนชาวยิวทั้งชาติ…พระนางมารีย์ก็แสดงให้เห็นว่าพระนางทรงเป็นมารดาที่เอาใจใส่ดูแลโดยใช้ผ้าห่อหุ้มร่างกายของกุมารน้อยและวางพระองค์ในรางหญ้าความรักเอาใจใส่ของพระนางสะท้อนให้เห็นถึงความรักเอาใจใส่ของพระเจ้า […]
ข้อคิดอาทิตย์ที่สี่ เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าปีA มธ1: 18-24…พระนางมารีย์ซึ่งเป็นคู่หมั้นของโยเซฟจากราชวงศ์ดาวิดจะให้กำเนิดบุตรชายชื่อว่า“เยซู”… ขณะที่เรากำลังเข้าใกล้วันสมโภชพระคริสตสมภพทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนว่าจะรีบเร่งกันไปหมดจนอาจจะทำให้ส่วนที่เป็นเรื่องของจิตวิญญาณถูกบดบังไปหรือไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร…ขอให้เราได้หยุดไตร่ตรองสักครู่หนึ่งถึงการบังเกิดมาเป็นมนุษย์ขององค์พระบุตรพระเจ้าเพื่อให้จิตวิญญาณและหัวใจของเราได้มีที่ว่างและพร้อมที่จะต้อนรับองค์พระเยซูคริสตเจ้าที่กำลังจะเสด็จมาหาเราในพิธีบูชาขอบพระคุณนี้และในชีวิตประจำวันของเรา ข้อคิด…ทั้งสามบทอ่านของวันอาทิตย์ที่สี่เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าอันเป็นอาทิตย์สุดท้ายของเทศกาลนี้ต่างก็กล่าวถึงอัตลักษณ์ของ“พระผู้ที่จะต้องเสด็จมา”…อัตลักษณ์ของพระกุมารน้อยนี้ยังจะแลเห็นไม่ชัดนักในพระธรรมเก่าแม้ว่าท่านประกาศอิสยาห์จะได้พูดถึงการเสด็จมาของเด็กน้อยอัศจรรย์ท่านหนึ่ง(อสย7: 10-14)แต่ก็ไม่มีเหตุผลอย่างใดที่จะเชื่อว่าท่านประกาศกจะรู้จักอย่างลึกตื้นหนาบางถึงเด็กน้อยอัศจรรย์นี้คำทำนายต่างๆจะเป็นที่เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งก็ต่อเมื่อเหตุการณ์ต่างๆจะได้อุบัติขึ้นตามที่ได้ทำนายไว้…ท่านประกาศกได้ทูลทัดทานกษัตริย์อาหัสว่าราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิดมิใช่ว่าจะอยู่ได้ด้วยความช่วยเหลือของกษัตริย์จากต่างชาติแต่จะอยู่ได้ด้วยความไว้วางใจในพระเจ้าเท่านั้นโดยท่านให้เครื่องหมายอันหนึ่งแก่กษัตริย์ว่า“หญิงพรหมจารีจะตั้งครรภ์และจะคลอดบุตรชายซึ่งจะได้รับนามว่า ‘อิมมานูเอล’แปลว่า‘พระจ้าทรงสถิตกับเรา’” ส่วนในพระวรสารนั้นนักบุญมัทธิวก็แสดงให้เห็นว่าคำทำนายต่างๆได้สำเร็จเป็นไปในองค์พระเยซูเจ้าด้วยการที่ท่านได้ทำการเฉลิมฉลองพระเยซูเจ้าว่าเป็นความสำเร็จบริบูรณ์ขั้นสุดท้ายของคำทำนายคือเป็นพระกุมารแห่งราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิดเกิดจากหญิงพรหมจารีและจะเป็น”องค์อิมมานูเอล” พระเจ้าทรงสถิตกับเรา…เพราะนักบุญเปาโลในวันนี้ได้บอกกับเราในจดหมายของท่านที่เขียนถึงชาวโรมว่า“ข่าวดีนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับพระบุตรของพระเจ้าซึ่งโดยธรรมชาติมนุษย์ทรงบังเกิดในราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิดและได้รับการสถาปนาขึ้นให้เป็นพระบุตรผู้ทรงอำนาจของพระเจ้าโดยการกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย” แม้การยอมรับว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นพระบุตรพระเจ้าเป็นการยอมรับที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่พระเยซูเจ้าได้กลับคืนพระชนมชีพแล้วก็ตามแต่นักบุญมัทธิวต้องการจะบอกเราในพระวรสารของท่านในวันนี้ว่าพระเยซูคริสตเจ้าทรงเป็นพระบุตรพระเจ้าตั้งแต่พระองค์เริ่มปฏิสนธิในครรภ์ของพระนางพรหมจารีมารีย์แล้วโดยได้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของความเป็นพรหมจารีของพระนางมารีย์เพราะนั่นแหละที่จะหมายสำคัญที่บ่งแสดงว่าพระเยซูเจ้าเป็นพระบุตรพระเจ้าแม้ว่าพระนางมารีย์จะได้หมั้นกับโยเซฟและมีทารกอยู่ในครรภ์แล้วแต่เรื่องนี้ได้เกิดขึ้นโดยอาศัยพระจิตเจ้าโยเซฟซึ่งได้ชื่อว่าเป็น“โอรสกษัตริย์ดาวิด”ได้ตกลงใจที่จะถอนหมั้นกับพระนางมารีย์เพราะรู้สึกไม่ดีเมื่อรู้ว่าพระนางได้ตั้งครรภ์แล้วแต่พระวาจาของพระเจ้าได้มาถึงท่านบอกให้ท่านยอมรับพระนางมารีย์เข้าบ้านเมื่อท่านตกลงใจที่จะทำเช่นนี้ก็เท่ากับว่าท่านยอมรับความรับผิดชอบในพระนางและพระโอรสของพระนางต่อหน้าสาธารณชนว่าบุตรที่จะเกิดมาเป็นบุตรของท่านเองและเมื่อโยเซฟใช้สิทธิของความเป็นบิดาที่จะตั้งชื่อเด็กทารกท่านก็ได้กลายเป็นบิดาที่ถูกต้องตามกฎหมายขององค์พระเยซูเจ้าดังนั้นโดยผ่านทางท่านโยเซฟพระเยซูเจ้าจึงได้กลายเป็น“โอรสของกษัตริย์ดาวิด”…แต่ว่าโดยผ่านทางพระจิตเจ้าที่พระเยซูเจ้าได้ทรงเป็น“พระบุตรพระเจ้า”เพราะการปฏิสนธิในครรภ์ของพระนางมารีย์ของพระเยซูเจ้านั้นเป็นผลงานขององค์พระจิตเจ้าล้วนๆซึ่งทำให้ความเป็นพรหมจารีและความเป็นมารดาสามารถไปด้วยกันได้ในเวลาเดียวกันในพระนางมารีย์ […]
ข้อคิดอาทิตย์ที่สาม เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าปีA มธ11: 2-11…ท่านทั้งหลายไปดูอะไรในถิ่นทุรกันดาร…จงไปบอกยอห์นถึงสิ่งที่ท่านได้ยินและได้เห็น…ในหมู่ที่เกิดจากหญิงไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่ายอห์นผู้ทำพิธีล้าง ในพระวรสารของวันนี้เราเห็นพระเยซูเจ้ากำลังทำการอัศจรรย์…คนตาบอดกลับแลเห็นคนหูหนวกได้ยินคนง่อยเดินได้คนยากจนได้รับการประกาศข่าวดี…เป็นการแสดงออกซึ่งความรักเมตตาสงสารของพระเยซูเจ้าซึ่งมีต่อเพื่อนมนุษย์ที่กำลังเจ็บปวดและในพิธีบูชาขอบพระคุณนี้เราก็สามารถสัมผัสถึงความรู้สึกเดียวกันของพระเยซูเจ้าที่มีต่อเราแต่ละคนขอให้เราอย่าได้เกรงใจพระองค์ที่จะยอมให้พระองค์แลเห็นบาดแผลและความน่าสงสารของเราพลางทูลขอพระองค์ให้ช่วยรักษาให้หายด้วย ข้อคิด…เวลาที่เราคิดถึงนักบุญยอห์นแบปติสต์เราก็มักจะคิดถึงท่านว่าเป็นผู้นำหน้าพระผู้ไถ่เพื่อจะเตรียมประชาชนสำหรับการเสด็จมาของพระองค์ดังนั้นเราจึงได้ยินเรื่องราวของท่านมากมายในเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า…เราจะไม่ได้ยินว่าท่านยอห์นเป็นคนที่ต้องการหน่วงเหนี่ยวลูกศิษย์ของท่านไว้หลังจากที่พระเยซูเจ้าได้ทรงเริ่มพระพันธกิจของพระองค์หรือท่านอยากให้มีผู้ติดตามมากมายแต่ก็มีผู้คนจำนวนหนึ่งที่คิดว่าท่านยอห์นเป็นพระแมสสิยาห์แต่จริงๆแล้วตัวท่านเองไม่เคยมีความคิดเช่นนี้เลยแต่ถึงกระนั้นเราก็รู้ว่าหลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้า20 ปีเรายังสามารถพบลูกศิษย์ของท่านยอห์นในแผ่นดินศักดิ์สิทธ์เพราะลูกศิษย์ของท่านบางคนได้รับการต้อนรับให้เข้าสู่พระศาสนจักรเมื่อพวกเขาได้ยินพูดถึงองค์พระจิตเจ้าเป็นครั้งแรก(กจ19) ในพระวรสารโดยนักบุญมาระโกและนักบุญลูกาไม่มีการแสดงนัยยะให้เห็นว่าท่านยอห์นได้ยอมรับว่าพระเยซูเจ้าเป็นพระแมสสิยาห์แต่ว่าในพระวรสารโดยนักบุญมัทธิวในอาทิตย์ที่แล้วในการรับศีลล้างของพระเยซูเจ้าจากท่านท่านก็ยอมรับความเป็นพระแมสสิยาห์ของพระเยซูเจ้าเมื่อได้ยินเสียงจากสวรรค์กล่าวว่า“ผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเราเป็นที่โปรดปรานของเรา” แต่ว่าในพระวรสารของนักบุญมัทธิวในวันอาทิตย์นี้กลับมิใช่อย่างนั้นท่านยอห์นยังคงตั้งแง่มีความเคลือบแคลงสงสัยในองค์พระเยซูเจ้า…พระวรสารของอาทิตย์ที่แล้วเราได้ยินเสียงร้องตะโกนของท่านยอห์นจากถิ่นทุรกันดารถึงผู้หนึ่งที่กำลังจะเสด็จมาส่วนในวันอาทิตย์นี้เราได้ยินเสียงของท่านยอห์นที่ตั้งคำถามจากคุกว่าพระเยซูเจ้าคือพระผู้ที่จะมาหรือจะต้องรอคอยใครอีก… เพราะท่านยอห์นได้ประณามกษัตริย์เฮโรดอย่างเปิดเผยถึงการหย่าจากภรรยาของพระองค์เองและไปทำการสมรสใหม่กับภรรยาของน้องชายของพระองค์คือนางเฮโรเดียส…พระวรสารของวันอาทิตย์นี้จึงเปิดตัวท่านยอห์นแบปติสต์จากคุกที่มืดมิดอับชื้นที่ใช้ขังท่านและจากคุกที่ท่านโดนคุมขังนี้ท่านได้ส่งศิษย์ของท่านไปหาพระเยซูเจ้าเพื่อที่จะค้นหาความจริงว่าจริงๆแล้วพระองค์เป็นใครกันแน่ […]
ข้อคิดอาทิตย์ที่สองเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าปีA มธ3: 1-12…จงเตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าจงทำทางของพระองค์ให้ตรงเถิด… จากพระวาจาของพระเจ้าในวันนี้เราได้ยินเสียงร้องที่โดดเดี่ยวอีกคำรบหนึ่งของท่านยอห์นแบปติสต์พลางเตือนพวกเราให้เตรียมหนทางสำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้า…ให้เราแต่ละคนได้เตรียมที่ว่างในจิตวิญญาณและในหัวใจของเราเพื่อว่าพระองค์จะทรงเสด็จมาหาเราในพิธีบูชาขอบพระคุณนี้และในชีวิตของเรา…และท่านยอห์นได้เริ่มภารกิจของท่านด้วยการเชิญชวนให้เราทำการกลับใจใช้โทษบาป ข้อคิด…ในบทอ่านที่หนึ่งท่านประกาศกอิสยาห์(อสย11: 1-10) ได้พยากรณ์ไว้ว่าแม้ตระกูลของเจสสีห์(บิดาของกษัตริย์ดาวิด) จะต้องถูกทอนลงมาให้เหลือแต่ตอถึงกระนั้นจากหน่ออันนี้เองที่กิ่งหนึ่งจะงอกขึ้นซึ่งจะเป็นกษัตริย์ที่แท้จริงของชนชาติอิสราเอลพระองค์เปี่ยมไปด้วยพระจิตเจ้าและคุณธรรมต่างๆของบรรพบุรุษ…กษัตริย์พระองค์ใหม่นี้จะทรงเป็นผู้พิทักษ์คนยากจนและผู้ฟื้นฟูสันติภาพให้กลับมาสู่มนุษยชาติ…นักบุญเปาโล(รม15: 4-9) ได้พูดถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันตามแบบฉบับของพระคริสตเยซู…ส่วนพระวรสารของนักบุญมัทธิว(มธ3: […]
ข้อคิดอาทิตย์ที่1 เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า ปี A มธ24: 37-44…จงเตรียมพร้อมไว้เพราะว่าบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในเวลาที่ท่านมิได้คาดหมาย… ในวันนี้ขณะที่เรากำลังเริ่มปีพิธีกรรมใหม่ของพระศาสนจักรพระวาจาของพระเจ้าเชิญชวนเราให้ขึ้นไปยังภูเขาขององค์พระผู้เป็นเจ้าไปยังพระวิหารพระเจ้าของยาโคบแล้วพระองค์จะทรงสอนวิถีทางของพระองค์ให้เราและจะทรงช่วยเราให้เดินอยู่ในแสงสว่างของพระองค์…เราซึ่งกำลังชุมนุมกันอยู่ในบ้านของพระเจ้าให้เราได้ไตร่ตรองดูว่าเราแต่ละคนต้องการคำแนะนำและความช่วยเหลือจากพระองค์มากน้อยสักแค่ไหนในการเดินทางแห่งชีวิตมุ่งสู่พระอาณาจักรพระเจ้า ข้อคิด…บทบาทหน้าที่ที่สำคัญของเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าก็คือเป็นการเตรียมจิตใจของบรรดาสัตบุรุษสำหรับการเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสหรือวันพระคริสตสมภพและการรอคอยการเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งของบุตรแห่งมนุษย์…และเพื่อว่าเราจะได้สามารถเข้าใจวันคริสต์มาสได้ดีเราต้องเริ่มตั้งต้นด้วยประวัติศาสตร์แห่งการช่วยให้รอดพ้น แผนการแห่งการช่วยให้รอดพ้นของพระเจ้ามีจุดศูนย์กลางอยู่ที่องค์พระเยซูคริสตเจ้าและจะได้รับการปฏิบัติจนสำเร็จผ่านทางพระองค์…เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าจะมองย้อนหลังไปที่พระสัญญาของการเสด็จมาครั้งแรกของพระองค์เมื่อแผนการนั้นได้รับการประกาศให้ทราบอีกทั้งพลางมองไปข้างหน้าที่การจะเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งของพระองค์เมื่อแผนการนั้นจะไปถึงขั้นสำเร็จบริบูรณ์…ส่วนว่าในขณะนี้เรากำลังทำการเฉลิมฉลองการเสด็จมาของพระองค์ในชีวิตประจำวันของเราแต่ละคนไม่ว่าจะเป็นในพิธีบูชาขอบพระคุณในการสวดภาวนาในพระวาจาในการทำกิจเมตตาและในการทำหน้าที่ประจำวันของเราแต่ละคนฯลฯ […]
ข้อคิดอาทิตย์ที่สามสิบสี่เทศกาลธรรมดาปีC สมโภชพระเยซูเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาล ลก23: 35-43…ข้าแต่พระเยซูโปรดระลึกถึงข้าพเจ้าด้วยเมื่อพระองค์จะเสด็จสู่พระอาณาจักรของพระองค์… วันนี้เราถวายเกียรติแด่พระเยซูคริสตเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาลและเราสามารถถวายเกียรติแด่พระองค์ได้ดีที่สุดก็ด้วยช่วยกันทำให้พระอาณาจักรของพระองค์แผ่ขยายออกไปให้กว้างไกลที่สุด…แต่เป็นเพราะว่าบาปของเราแต่ละคนเป็นตัวชะรอการขยับขยายพระอาณาจักร…พระคริสตเจ้าซึ่งได้ให้อภัยแก่โจรที่กลับใจพระองค์ก็จะทรงให้อภัยบาปของเราด้วย ข้อคิด…กษัตริย์ดาวิดได้รับการเจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์จากประชาชนของตนเองให้เป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ที่เฮบรอนและในบทอ่านแรก(2ซมอ: 5: 1-3) เราก็ได้ฟังว่าประชาชนตระกูลทางภาคเหนือก็ได้ยอมรับพระองค์เป็นกษัตริย์ของพวกเขาด้วยเช่นเดียวกันดาวิดได้เป็นกษัตริย์ของประเทศที่ได้รวมกันอันเป็นรูปแบบของความเป็นกษัตริย์แห่งสากลจักรวาลของพระคริสตเจ้าซึ่งพวกเราทำการสมภชในวันนี้ […]
ข้อคิดวันอาทิตย์ที่สามสิบสามเทศกาลธรรมดาปีC ลก21: 5-19…ก่อนที่เหตุการณ์ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นเขาจะจับกุมท่านจะเบียดเบียนท่าน…บางท่านจะต้องถูกประหารชีวิตด้วยท่านทั้งหลายจะเป็นที่เกลียดชังของทุกคนเพราะนามของเรา…ด้วยการยืนหยัดมั่นคงท่านจะรักษาชีวิตของท่านไว้ได้… เรามีชีวิตอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย…ในท่ามกลางโลกที่เป็นเช่นนี้เราได้รับการคาดหวังให้เป็นประจักษ์พยานให้กับพระคริสตเจ้า…แต่เพื่อที่จะเป็นคนดีและเป็นประจักษ์พยานที่ดีนั้นเราต้องการความช่วยเหลือจากเบื้องบน…ดังนั้นให้เราได้อธิษฐานภาวนาขอความช่วยเหลือและพละกำลังจากพระเจ้า ข้อคิด…ขณะที่ปีพิธีกรรมของเทศกาลธรรมดากำลังจะจบสิ้นลงในช่วงสัปดาห์หน้าพระวาจาของพระเจ้าก็มุ่งให้สัตบุรุษได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับวาระสุดท้ายของโลกและการเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งของพระคริสตเจ้า…ในบทอ่านที่หนึ่ง(มลค1-2ก) ท่านประกาศกมาลาคีได้กล่าวว่าสำหรับคนชั่วนั้นวันของพระเจ้าจะเป็นวันแห่งการพิพากษาแต่สำหรับคนดีจะเป็นวันแห่งการช่วยให้รอดพ้น ส่วนในบทอ่านที่สอง(2 ธส3: […]
ข้อคิดวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย ปี C มธ5: 1-12ก…ท่านทั้งหลายย่อมเป็นสุขเมื่อถูกดูหมิ่นข่มเหงและใส่ร้ายต่างๆนานาเพราะเราจงชื่นชมยินดีเถิดเพราะบำเหน็จรางวัลของท่านในสวรรค์นั้นยิ่งใหญ่นัก… ในวันนี้ซึ่งเป็นวันสมโภชนักบุญทั้งหลายให้เรามุ่งความสนใจของเราไปที่ผู้คนเหล่านั้นซึ่งได้เป็นนักบุญในวิถีทางที่ธรรมดาๆและซ่อนเร้นและไม่เคยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนักบุญอย่างเป็นทางการจากพระศาสนจักร…ให้เราหยุดไตร่ตรองสักชั่วครู่หนึ่งพลางรำลึกถึงบุคคลที่เรารู้จักอยู่ใกล้ตัวเราและเชื่อว่าเป็นบุคคลที่ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ…ขอให้ท่านได้เป็นเพื่อนผู้ร่วมเดินทางชีวิตไปสู่สวรรค์และเป็นผู้เสนอวิงวอนเพื่อเราเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าในพระอาณาจักรของพระองค์ ข้อคิด… “มหาบุญลาภ” ที่พระเยซูเจ้าทรงนำเสนอในพระวรสารวันนี้นั้นเป็นคุณภาพชีวิตที่พระองค์ทรงต้องการแลเห็นในบรรดาศิษย์ของพระองค์…และเป็นคุณภาพชีวิตที่ได้ถ่ายทอดออกมาเป็นแบบอย่างในชีวิตของนักบุญทั้งหลายที่เราทำการสมโภชในวันนี้อีกด้วย […]
ข้อคิดวันอาทิตย์ที่สามสิบเอ็ดเทศกาลธรรมดาปีC ลก19: 1-10…วันนี้ความรอดพ้นมาสู่บ้านนี้แล้วเพราะคนนี้เป็นบุตรของอับราฮัมด้วยบุตรแห่งมนุษย์มาเพื่อแสวงหาและเพื่อช่วยผู้ที่เสียไปให้รอดพ้น… ในพระวรสารของวันนี้เราจะแลเห็นพระเมตตาของพระเยซูเจ้าที่มีต่อคนบาปศักเคียสซึ่งเป็นคนเก็บภาษีที่ในสมัยนั้นคนทั่วไปถือว่าเป็นบุคคลประเภทเดียวกับโจรขโมยฆาตกรและหญิงไม่ดี…แต่พระเยซูเจ้ากลับประกาศว่าพระองค์ได้เสด็จมาในโลกนี้ก็เพื่อแสวงหาและช่วยคนแบบศักเคียสให้รอดพ้นซึ่งเมื่อได้สัมผัสกับความเมตตาของพระเยซูเจ้าแล้วศักเคียสก็ได้ตั้งใจที่จะกลับตัวเป็นคนดีเป็นคนชอบธรรม ข้อคิด…ในบทอ่านแรกจากหนังสือปรีชาญาณ(ปชญ11: 22-12: 2) บอกพวกเราว่าสากลจักรวาลและสิ่งสารพัดทั้งหลายในนั้นเปรียบเสมือนฝุ่นผงบนตาชั่งหรือเหมือนน้ำค้างยามเช้าหยดหนึ่งที่ตกบนพื้นดินเมื่อนำไปเทียบกับความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าแต่ถึงกระนั้นพระเจ้าก็ทรงรักและเอาใจใส่ทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์ได้ทรงสร้างขึ้นสำหรับมนุษย์ซึ่งเป็นสิ่งสร้างอันประเสริฐของพระองค์พระองค์ก็ทรงมองข้ามบาปของพวกเขาเพื่อพวกเขาจะได้เป็นทุกข์กลับใจ…พระวรสารได้ยืนยันความจริงประการนี้ได้เป็นอย่างดีในการที่พระเยซูเจ้าได้ทรงแสวงหาคนเก็บภาษีศักเคียสและทรงเชิญชวนให้เขาเป็นทุกข์กลับใจจากการใช้ชีวิตแบบเก่าๆ […]