ดูแลชีวิตอย่าให้ต้องตายในบาปโดยไม่มีโอกาสแก้ไข
การปลุกคนที่ตายแล้วให้ฟื้นคืนชีพในครั้งนี้แตกต่างโดยสิ้นเชิงจาก การปลุกคนตายให้คืนชีพครั้งก่อนๆ ของพระเยซูเจ้า
ในขณะที่การปลุกคนตายให้ฟื้นคืนชีพในครั้งก่อน ๆ ทำอย่างเรียบง่าย และที่สำคัญ ไม่มีการแสดงอารมณ์ความรู้สึก เหมือนดังเช่นครั้งนี้
คำตอบอาจจะมาจากข้อที่ 5 ของพระวรสารวันนี้คือ “พระเยซูเจ้าทรงรักมาร์ธา กับน้องสาว และลาซารัส” (ยอห์น 11:5) พระเยซูเจ้าทรงรักครอบครัว 3 พี่น้องนี้มาก
และชัดเจนยิ่งขึ้นจากปากของบุคคลที่ไปทูลพระเยซูเจ้าขอให้เดินทางไปช่วยลาซารัส เขาบอกกับพระเยซูเจ้าว่า “คนที่พระองค์ทรงรักกำลังป่วย” (ยอห์น 11:3)
แต่อาการการแสดงออกของพระเยซูเจ้าหนักยิ่งขึ้นอีก เมื่อพระองค์ไปถึงอุโมงค์ฝังศพ เมื่อไปถึงที่นั้น อารมณ์และความรู้สึกของพระเยซูเจ้าก็เริ่มค่อยๆ เปลี่ยนไป และเปลี่ยนหนักยิ่งขึ้น เมื่อมารีย์มาถึง และเริ่มต้นพูดในทำนองคล้ายกับตัดพ้อพระเยซูเจ้า “พระเจ้าข้า ถ้าพระองค์ทรงอยู่ที่นี่ พี่ชายของดิฉันคงไม่ตาย” (ยอห์น 11:32) จากนั้นทุกคนก็เริ่มต้นร้องไห้ และพระวรสารบันทึกไว้อย่างชัดเจน “พระองค์สะเทือนพระทัยและเศร้าโศกมาก” (ยอห์น 11:33)
คำถามคือทำไมพระเยซูเจ้าจึงต้องโศกเศร้ามากมายถึงขนาดนั้น กับความตายของคนคนหนึ่ง ซึ่งเป็นความตายที่เป็นธรรมชาติ อันเกิดจากความเจ็บไข้ได้ป่วย และความเจ็บป่วย ความตายก็เป็นสัจจะธรรมของชีวิต พระเยซูเจ้าซึ่งเป็นทั้งพระเป็นเจ้า และมนุษย์ จะรับความจริงประการนี้ไม่ได้เลยเทียวหรือ และถ้าจะอ้างว่าพระเยซูเจ้าก็เป็นมนุษย์ จึงต้องมีความรู้สึก แต่ก็น่าจะไม่สมเหตุสมผลนัก เป็นมนุษย์ก็จริง แต่ความเป็นพระเจ้าก็น่าจะสามารถทำให้พระองค์ควบคุมตัวเองในฝ่ายที่เป็นมนุษย์ได้ ไม่น่าจะแสดงอารมณ์ความรู้สึกแบบมนุษย์จนออกนอกหน้า
อาการของพระเยซูเจ้า ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง และได้รับการบันทึกไว้เช่นเดียวกัน “พระเยซูเจ้าทรงสะเทือนพระทัยอีก เมื่อเสด็จถึงคูหาฝังศพ” (ยอห์น 11:38)
มีอะไรซ่อนอยู่เบื้องหลังความตายตามธรรมชาติของลาซารัสในครั้งนี้หรือไม่? จึงทำให้พระเยซูเจ้าต้องโศกเศร้าพระทัยนักหนา
ให้เราลองไปดูคำพูดของพระเยซูเจ้าเองใน ลูกา 15 ข้อ 7 “ในสวรรค์จะมีความยินดีเช่นนี้เพราะคนบาปคนหนึ่งกลับใจ…” และให้เราลองคิดประโยคนี้ในแง่มุมตรงกันข้าม “ในสวรรค์จะโศกเศร้าสักเพียงใดเมื่อต้องสูญเสียคนบาปคนหนึ่งไป”
พระเยซูทรงรักลาซารัส มารีย์ และมาร์ธาเป็นอย่างมาก และอย่างน้อยในพี่น้อง 3 คนนี้ก็มีคนหนึ่งเคยเป็นคนบาป และกลับใจ คือ มารีย์ วันนี้พี่ชายของเธอเองคือ ลาซารัส ต้องมาตายไปเพราะโรคภัยไข้เจ็บ และทำให้พระเยซูเจ้าโศกเศร้าเสียใจเหลือเกิน และทรงแสดงอาการโศกเศร้าเสียใจ ให้ปรากฏเป็นที่สังเกตแก่คนอื่น
เป็นไปได้ไหมที่ความตายของลาซารัส เป็นความตายที่ไม่ธรรมดา คือ เป็นความตายในบาปของคนบาปคนหนึ่ง เป็นการตายไปโดยยังไม่ได้กลับใจ หรือแก้ไขความบาปนั้น
ซึ่งนี่อาจจะเป็นสาเหตุหรือไม่ ที่ทำให้สวรรค์(พระเยซูเจ้า) ต้องโศกเศร้าสะเทือนพระทัย จะร้องไห้ด้วยหรือไม่นั้นไม่ทราบได้
คำพูดของพระเยซูเจ้าอีกประโยคหนึ่งที่สำคัญมาก เมื่อพระองค์ตรัสว่า “ลาซารัสเพื่อนของเรากำลังหลับอยู่ แต่เรากำลังจะไปปลุกให้ตื่น” (ยอห์น 11:11) ประโยคนี้ช่างเหมาะเจาะตรงกับที่เปาโลพูดไว้ในจดหมายฉบับวันอาทิตย์ที่แล้วเหลือเกิน คือใน เอเฟซัส 5 ข้อ 14 “ผู้หลับไหล จงตื่นเถิด จงลุกขึ้นจากบรรดาผู้ตาย (ความตายฝ่ายจิต)”
พระเยซูเจ้าได้ทำหน้าที่ปลุกลาซารัสให้มีชีวิตขึ้น อีกครั้งหนึ่ง ทั้งจากความตายตามธรรมชาติ และความตายทางจิตวิญญาณ เพื่อให้ลาซารัสมีโอกาสแก้ตัว แก้ไขความผิดของตน พระเยซูเจ้าได้แสดงพระองค์เป็น “แสงสว่างส่องเหนือคนตาย” ดังที่เปาโลได้กล่าวไว้
และถ้าเป็นอย่างนั้นลาซารัส เป็นคนโชคดีมากๆ เพราะมีพระเยซูเจ้าอยู่ข้างๆและให้โอกาส พวกเราจะโชคดี อย่างลาซารัสบ้างไหมหนอ? ถ้าเราจะตายในบาปจะมีใครคอยปลุกเราให้ลุกขึ้นมาแก้ตัวใหม่หรือไม่?