“ท่านผู้นี้เป็นใครหนอ ลมและทะเลจึงยอมเชื่อฟังเช่นนี้”
ทะเลสาบกาลิลีอยู่บริเวณตะวันออกเฉียงเหนือของอิสราเอล เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในอิสราเอล แต่เนื่องจากอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลถึง 700 ฟุต ประกอบกับล้อมรอบด้วยหุบเขา และที่ราบสูงมากมาย ทำให้บ่อยครั้งเกิดลมพัดแรงจนอาจเรียกได้ว่าเป็นพายุ
เหตุการณ์พายุที่เกิดขึ้นในเรื่องเล่าของมาระโกวันนี้ (มก 4:35-41) น่าจะเป็นพายุที่แรงกล้าจริงๆ เพราะบรรดาศิษย์ที่ลงเรือไปพร้อมกับพระเยซูเจ้านั้นมีอย่างน้อยสี่คนที่เป็นชาวประมง ซึ่งพวกเขาน่าจะเคยผ่านประสบการณ์พายุในทะเลมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่ครั้งนี้นั้นพวกเขา “กลัวตาย”
บรรดาศิษย์ไปปลุกพระเยซูเจ้าที่กำลังหลับอยู่ด้วยคำพูดที่ว่า “พระอาจารย์ พระองค์ไม่สนพระทัยที่พวกเรากำลังจะตายอยู่แล้วหรือ” (ข้อ 38) พวกเขากำลังบอกว่าพระเยซูเจ้า “ไม่ใส่ใจพวกเขา” พระอาจารย์ของพวกเขากำลังหลับสบายในขณะที่พวกเขากำลังทำทุกวิถีทางเพื่อเอาตัวรอด
พระเยซูเจ้าไม่สนใจพายุ แต่สนใจคำร้องขอของบรรดาศิษย์ พระองค์ลุกขึ้นและตรัสสั่งทะเลให้สงบ (ซึ่งจริงๆ น่าจะบอกว่าพระองค์ “ดุ” มากกว่า) และหันไปถามบรรดาศิษย์ว่า “ตกใจกลัวเช่นนี้ทำไม ท่านยังไม่มีความเชื่อหรือ” (ข้อ 40)
แทนที่บรรดาศิษย์จะดีใจที่ลมสงบ แต่พวกเขากลับ “กลัวมาก” (ข้อ 41) เพราะสงสัยว่าพระเยซูเจ้าเป็นใครกันแน่ ลมและทะเลจึงยอมเชื่อฟังเช่นนี้
คำตอบของคำถามที่ว่า “ท่านผู้นี้เป็นใครหนอ ลมและทะเลจึงยอมเชื่อฟังเช่นนี้” ค่อนข้างชัดเจนในตัวเองว่าพระเยซูเจ้าเป็นพระเจ้า เพราะมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่มีอำนาจเหนือลมและทะเล (เทียบ สดด 107:29) มาระโกจะค่อยๆ เปิดเผยคำตอบของคำถามนี้จากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น
ในท่ามกลางคลื่นลมพายุแห่งชีวิตเราตอบคำถามได้หรือไม่ว่า “ท่านผู้นี้เป็นใคร?”
แต่ที่สำคัญกว่าการรู้ว่าพระเจ้าเป็นใครในท่ามกลางคลื่นลมพายุแห่งชีวิตคือ “เราวางใจในพระองค์แค่ไหนท่ามกลางพายุ?” หากเรามีพระเยซูเจ้าอยู่ด้วยบนเรือแห่งชีวิต เราน่าจะหลับสบายท่ามกลางพายุร้ายได้เหมือนกับพระเยซูเจ้า เพราะพระองค์ไม่ปล่อยให้ตัวพระองค์เอง (และเราด้วย) จมน้ำตายแน่ ๆ
…ลาซารัส…